โดยทาง Master & Dynamic เขาก็เชื่อว่า การจะเกิด 'ความชำนาญการ' นั้นได้ เราก็ต้องการ 'วิธีการที่เปี่ยมด้วยความร้อนแรงและมีชีวิตชีวา' หรือสรุปง่าย ๆ ก็คือ การที่เราต้องการจะเชี่ยวชาญในเรื่องไหนสักเรื่องนั้น ก็เปรียบได้กับการออกสำรวจทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้อย่างไร้ที่สิ้นสุด ทั้งยังต้องทุ่มเทแรงใจ ใช้ชีวิตให้มันเต็มร้อย กล้าลุยกับทุกสิ่งอย่าง เราถึงจะ 'ชำนาญการ' ในสักเรื่องได้นั่นเอง

ทางแบรนด์เขาจึงมองว่า หูฟังของเขาเนี่ย ... เหมือนกับ Thinking Caps ... เราอาจจะคุ้น ๆ กับสำนวนที่ว่า "Put a thinking cap on" มาบ้าง ซึ่งความหมายของมันก็คือ เป็นสภาวะที่เราพร้อมจะโฟกัส มองหาแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนจิตใจสู่เป้าหมาย นั่นเองครับ เพราะงั้นหูฟังที่เขาสร้างขึ้นมานี้ ก็เปรียบเสมือนอุปกรณ์ที่ช่วยในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขั้นมานั่นเอง

ซึ่งทาง Master & Dynamic ก็ได้สร้างสรรค์หูฟังขึ้นมามากมายหลายรุ่น โดยยึดตามหลักปรัชญาทั้ง 4 ข้อ อันได้แก่ ...

- สร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานอันยาวนานนับสิบปี !
- สุดยอดวัสดุชั้นเลิศที่สุดเท่าที่จะทำได้ !
- จูนเสียงให้สามารถฟังเพลงได้หลายหลาย !
- เปี่ยมด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ลึกล้ำ !

เป็นไงบ้างครับ ? อ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ แล้วครับผม ! ทาง Master & Dynamic นั้นออกหูฟังมาทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันครับ ได้แก่รุ่น MH40, MH30, ME01, และ ME03 โดยวันนี้ ตัวที่ผมจะขอหยิบยกขึ้นมาพูดถึงก็คือหูรุ่น Flagship ที่สุดแสนจะน่าภูมิใจอย่างรุ่น ‘MH40’ นั่นเองครับผม เอาล่ะ เราไปชมกันดีกว่าครับว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

“Modern Thinking Cap” คือคำนิยามที่ทาง Master & Dynamic ใช้เรียกเจ้า MH40 ... ด้วยหน้าตารูปลักษณ์ที่เรียกได้ว่า ‘งดงาม’ ‘เลิศล้ำ’ ‘ตระการตา’ ‘มีเสน่ห์’ และอีกสารพัดคำที่สามารถนำมาใช้บรรยายรูปลักษณ์ของเจ้า MH40 ตัวนี้ได้ ... อีกทั้งวัสดุที่นำมาใช้ประกอบขึ้นมานั้นก็ต้องขอบอกเลยว่า ‘สุดยอด’

จริง ๆ เมื่อครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสบริเวณ ‘หนัง’ ซึ่งใช้หุ้มส่วน Headband ก็ต้องขอบอกเลยครับว่าประทับใจมาก ๆ โดยทางแบรนด์ได้เลือกใช้หนังวัวแท้ระดับ Premium มาหุ้มในส่วนของ Headband ชั้นนอก และเลือกใช้ ‘หนังแกะ’ ที่นุ่มสบายในส่วนของด้านใน Headband และในส่วนของ Pad ตรงหูฟัง

วัสดุที่หุ้มอยู่ใต้หนังแกะในส่วนของ Pad นั้นจะใช้เป็น ‘Memory Foam’ ครับผม ซึ่งก็เป็นอีกวัสดุที่นิยมใช้กันในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ด้วยเพราะความนิ่มสบาย นุ่มน่าสัมผัส อีกทั้งยังรับกับใบหูของเราได้เป็นอย่างดี ถ้าได้ลองใช้นิ้วจิ้มลงไปแล้วถอนออก จะเห็นได้เลยครับว่าตัว Pad นั้นจะคืนตัวเร็วมาก เมื่อลองสวมใส่แล้วก็ถือว่าสบายมาก ๆ ครับผม

ทั้งนี้ผมก็ได้ลองสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ หลายชั่วโมง ก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดหรือว่าเจ็บใบหูแม้แต่น้อยเลยครับผม ซึ่งในจุดนี้เจ้า MH40 ก็สอบผ่านเรื่องความสบายในการสวมใส่ไปแบบฉลุยเลยครับผม อีกทั้งด้วยยังช่วยปกปิดป้องกันเสียงจากสภาวะแวดล้อมภายนอกได้พอสมควรเลยครับผม อ้อ ! นอกจากนี้ตรง Pad ยังสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายเลยครับ ! ทำให้ไม่ต้องกังวลในส่วนของการถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ล่ะครับ

อีกอย่างที่ทำให้ผมประทับใจใน MH40 มาก ๆ ก็คือ ‘วัสดุส่วนประกอบ’ ครับ ทางแบรนด์นั้นได้เลือกใช้ ‘Stainless Steel’ ซึ่งมีความแข็งแกร่งและความทนทานที่สูงมาก ทั้งนี้ก็เป็นไปตามหลักปรัชญาของทางแบรนด์ครับ ที่มีความตั้งใจให้หูฟังทุกตัวของเขาสามารถใช้งานต่อไปได้นับเป็นสิบปี

เพราะฉะนั้นส่วนประกอบต่าง ๆ ก็สมควรแล้วที่จะต้องมีความคงทนต่อการใช้งานสูงล่ะครับผม ซึ่งทำให้งานประกอบทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นข้อพับหรือว่าข้อต่อในส่วนไหน ๆ ดูแน่นหนาและสวยงามมากครับ ทั้งยังมีการลงรายละเอียดอย่างมาตรวัดระดับความยาวแถบคาดศีรษะอย่างละเอียดอีกด้วย เรียกได้ว่าใส่ใจมาก ๆ ครับ !

และในส่วนของตัว Body นั้น ทาง Master & Dynamic ก็เลือกใช้ ‘ก้อนอลูมิเนียมดิบ’ มาผ่านการสลักเสลาด้วยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูงจนเกลี้ยงเกลาสวยงาม จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการอะโนไดซ์ (เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าเปลี่ยนผิวหน้าของอลูมิเนียมให้กลายเป็นออกไซด์และเคลือบผิวของอลูมิเนียมอีกที)

ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสีสันให้มีความเรียบเนียนสวยงามมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของความแข็งแกร่งอีกด้วยครับ อีกทั้งการที่ใช้อลูมิเนียมทั้งก้อนมาทำเป็น Body ก็จะช่วยลดอาการเรโซแนนซ์ได้มากพอสมควร ทำให้น้ำเสียงที่ได้นั้นใสสะอาดบริสุทธิ์ล่ะครับ ~

อีกจุดที่น่าสนใจก็คือตัว Body นั้นสามารถเสียบสายได้ทั้งข้างซ้ายและข้างขวาครับ ซึ่งนับว่าสะดวกมาก ๆ กับการใช้งานที่หลากหลายครับ ยังไม่พอนะครับ ! ที่ Body ด้านขวายังมีการเพิ่มปุ่ม ‘Mute’ เข้ามาอีกปุ่ม ซึ่งจะตัดเสียงหูฟังในทันทีที่เรากด

ประโยชน์ของมันก็คือทำให้เราไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออกเวลาต้องการได้ยินเสียงภายนอกหรือเวลาพูดกับใคร (ซึ่งจะเป็นการตัดเสียงไปเฉย ๆ นะครับ ไม่ใช่หยุดเล่นเพลงปรกติ คือเพลงจะยังคงเล่นต่อไปเรื่อย ๆ ล่ะครับ) มาถึงจุดนี้แล้วก็อดทึ่งไม่ได้จริง ๆ ครับที่ทางแบรนด์ถ่ายทอดความใส่ใจในตัวผลิตภัณฑ์ออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้

ในส่วนของสายนั้นก็เป็นสายหุ้มเส้นใยสังเคราะห์ที่มีความทนทานสูง โดยสายด้านในนั้นจะเป็นสายทองแดงบริสุทธิ์ด้วยครับผม หัวแจ็คจะเป็นหัวแจ็คเคลือบทองแบบหัวตรงที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้เราสามารถเสียบผ่านเคสโทรศัพท์ได้อย่างสบาย ๆ ครับ โดยตัวสายนั้นจะมีมาให้ 2 เส้นด้วยกันครับ

เส้นแรกนั้นจะเป็นสายที่มี Control-Talk แบบ iOS Full Support มาให้ด้วย มีความยาวอยู่ที่ 1.25 เมตร ครับผม ปุ่ม Control นั้นสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ iOS ได้เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ปรับเพิ่ม/ลดเสียง, เปลี่ยนเพลง/เลื่อนเพลง, หยุดเพลง/เล่นเพลง, และรับสาย/วางสายครับ จุดเด่นอีกอย่างก็คือในส่วนของ Mic นั้นจะแยกกันกับ Control-Talk ครับ ซึ่งตำแหน่งของ Mic นั้นจะอยู่ใกล้ปากของเราอย่างพอดิบพอดี ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องยก Mic ขึ้นมาเวลาพูดครับ

ส่วนเส้นที่สองนั้นจะเป็นสายปรกติที่มีความยาวอยู่ที่ 2 เมตรครับ

รูปสายเพิ่มเติมครับ อย่างที่เห็นนะครับว่าจะมีปุ่มให้ครบเลย ทั้งปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง และ ปุ่ม Control ครับผม

ในส่วนของ Mic ก็จะแยกออกมาอย่างชัดเจนครับ โดยจะอยู่ถัดขึ้นมาจากปุ่ม Control อีกระดับนึง ซึ่งออกแบบมาให้อยู่ใกล้ปากของเรามาก ๆ ครับผม

เมื่อได้ลองใช้สนทนาดูแล้ว ก็เป็น Mic ที่มีคุณภาพสูงทีเดียวครับผม เสียงพูดจากอีกฟากของคู่สนทนานั้นใสเคลียร์และชัดเจนมาก ไม่รู้สึกว่าต้องตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นหรือขยับ Mic ให้ใกล้ปากแม้แต่น้อยครับ ในจุดนี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมาก เพราะเราสามารถใช้ MH40 ฟังเพลงกับโทรศัพท์มือถือได้อย่างเต็มประสิทธิภาพล่ะครับ คือถ้ามีคนโทรเข้ามาเราก็สามารถกดรับสายและคุยได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก

เอาล่ะ ... มาว่ากันในส่วนของเสียงบ้างนะครับ อย่างแรกเลยเจ้า Master & Dynamic MH40 นั้นถูกจูนมาให้มีความต้านทานอยู่ที่ 32 โอห์ม ซึ่งทำให้สามารถขับได้ไม่ยากเย็นล่ะครับผม ทำให้เราสามารถเสียบฟังโดยตรงกับพวกเครื่องเล่นหรือว่าโทรศัพท์มือถือได้อย่างสบาย ๆ เลยล่ะครับผม แต่ทั้งนี้ถ้าได้ลองใช้แอมป์ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยเสริม ก็จะยิ่งส่งให้ MH40 แสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่มากขึ้น

น้ำเสียงของ MH40 นั้นผมคงจะนิยามได้สั้น ๆ ว่า “หวานฉ่ำ อิ่ม ละมุนละไม พริ้วเนียน” ซึ่งเป็นหูฟังที่มีคาแรคเตอร์เหมาะกับ ‘Music Lovers’ มาก ๆ ครับผม เป็นหูฟังที่สามารถฟังเพลงได้หลากหลาย เสียงร้องของ MH40 นั้นเป็นเสียงร้องที่มีมวลอิ่มหนาติดหวานฉ่ำกำลังดี เราสามารถสัมผัสได้ถึงจังหวะเล่นลูกคอของนักร้องได้อย่างไม่ยาก จังหวะที่สูดและผ่อนลมหายใจ สามารถสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน

กลางแหลมนั้นละมุนละไม นุ่มนวล ไม่รุกเร้า ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติที่สูงมาก ปลายแหลมพริ้วเนียนไปได้ไกล ไม่คมบาดหูและไม่กลมมนเสียจนไร้รสชาติ เป็นแหลมที่สามารถฟังได้ทั้งวันอย่างเพลิดเพลินล่ะครับ ในส่วนของเบสนั้นก็เป็นเบสที่นุ่ม ฟังสบาย มีมวลพอสมควร ให้อิมแพ็คแรงปะทะกำลังดีไม่มากจนเกินไป

การแยกชิ้นดนตรีนั้นทำได้ดีมาก ๆ ครับ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่มีซ้อนทับหรือตีกันมั่วในจังหวะที่โหมขึ้นมา มิติทั้งในแง่ลึกและด้านกว้างก็สามารถสัมผัสได้อย่างน่าอัศจรรย์นัก

ผมได้ลองเทสกับเพลง ‘Ain’t no Sunshine’ ของ ‘Friend of Carlotta’ ต้องขอบอกว่าประทับใจมาก ๆ เมื่อเริ่ม Track ขึ้นมา เสียงดีดนิ้วเบา ๆ ดังก้องขึ้นมาจากฝั่งขวา ก่อนที่ Intro เสียงนักร้องชายและนักร้องหญิงจะเริ่มสอดประสานกันขึ้นมา ... ต้องยอมรับเลยว่าผมเกิดความ ‘เพลิดเพลิน’ ขึ้นมาอย่างลืมตัว

ผมอดที่จะหลับตาพริ้มพร้อมกับเปิดรับความงดงามแห่งบทเพลงเข้ามาอย่างเต็มที่ไม่ได้ พอมารู้ตัวอีกที ... เพลงก็จบไปเสียแล้ว ยิ่งทำให้ผมมั่นใจมาก ๆ ว่า Master & Dynamic MH40 นั้นสามารถถ่ายทอด ‘อารมณ์’ ของเพลงออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ... เป็นหูฟังอีกตัวที่ผมรู้สึกอยากใช้เวลากับมันให้นานเท่าที่จะนานได้ ...

ผมอยากให้เพลงที่กำลังฟังอยู่ไม่มีวันจบ ..........

สรุปแล้วผมมองว่า Master & Dynamic MH40 นั้นเป็นหูฟังที่ลงตัวไปทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่มีสไตล์สวยงาม ดูหรูหรา หรือจะคุณภาพเสียงที่เหมาะกับ Music Lovers อย่างยิ่งยวด ...

เป็นหูฟังที่เราสามารถนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการเดินทางไปเรียนหรือว่าทำงาน ระหว่างทำงานอยู่ หรือระหว่างนอนเล่นอยู่บนเตียง ใช้เวลาพักผ่อนไปกับบทเพลงในดวงใจ ... อิ่มเอมกับความสุนทรีย์อันแท้จริงที่บังเกิดจาก MH40 ตัวนี้ ...

...
...
...

แล้วไว้พบกันกับ Review จากกระผม นายเอลวิส ครั้งหน้านะครับ ....

อุปกรณ์ที่มีให้มาในแพ็คเกจนะครับ

- 3.5/6.3 mm Gold-Plated Adaptor
- 1.25 m Cable with Remote and Microphone (iOS)
- 2.00 m Standard Cable
- Canvas Headphone Case
- Leather Cable Box

คุ้มมากๆ หูตัวนี้ ^_^

ข้อเสียด้านกายภาพสำหรับผมว่า มันครอบใบหูไม่หมด ถ้าใหญ่กว่านี้อีกนิด ครอบหูหมดน่ะ แหล่ม

ผมใบหูเล็กครอบหมดพอดี เลยนอกจากเสียงดีแล้วยังใส่แก้หนาวได้ด้วย ชอบที่สุดตรงปุ่มปิดเสียงเนี่ยแหละ เวลาผบเรียกเราก็กด ไม่ต้องถอดหูออกสะดวกดีแท้ :)

ท่านใดสนใจแวะไปฟังได้ทุกสาขานะครับ หรือจะแวะไปหาเอลวิสก็ได้ครับ เพราะเอลวิสก็ปลื้มตัวนี้มากๆๆ เช่นกันครับ 555

เจ้าตัวนี้มันเป็น open back ใช่มั้ยครับเนี่ย หรือมันเป็นแค่ดีไซน์? ฟังรีวิวแล้วอยากไปลองทันใดเลย

เป็น close back ครับ การออกแบบละม้ายคล้าย Grado เลยทำให้นึกไปถึง open back
ซึ่งแนวเสียงคนละทางกับ Grado เลยครับ

MH40 นี้ต้องหาสายดีๆมาใช้แล้วเอาแอมป์ดีๆมาขับ รับรองได้มีเคลิ้มกันสุดๆเลยครับ 555 ^^

อ่านรีวิวแล้ว สงสัยต้องไปลองฟังดูซักครั้ง

MH40 นี่ผมชอบมาก ๆ ครับ เรียกได้ว่าลูบ ๆ คลำ ๆ เล่นทุกวันจริง ๆ 5555+

@tangkoo.: คุ้มจริง ๆ ครับพี่ ผมใส่แล้วรู้สึกว่าหล่อขึ้นอีก 320% ทีเดียว 555

@เอกเรื่องมาก: ผมโชคดีครับที่ใบหูไม่ใหญ่มาก เลยใส่ได้สบาย ๆ มากเลย

@cambridge: ใช่ครับ ปุ่มนี่ผมว่าแนวคิดเขาเฟี้ยวมาก ๆ ไม่ต้องคอยถอดเข้าถอดออกครับพี่

@Men in Black: เป็น Close ครับผม

@Ahura: ตอนนี้ผมกำลังเครียดครับ ไม่รู้ว่าจะจัดยีนส์หรือว่าหูก่อนดี 5555

@RockDragon: ผมลองต่อเล่นกับแอมป์หลาย ๆ แบบแล้วไปได้ไกลอีกเยอะเลยครับน้าชา :) ตอนนี้อยากลองกับ Nordost มาก ๆ ครับ 5555

@ohwownoone: รออยู่นะครับพี่อ่าง 555 ไว้สะดวกก็แวะเข้ามาเยี่ยมกันนะคร๊าบบบบ อิอิ

จัดมาแล้วครับ ไปลองที้ร้านอยู่หลายตัว แต่ตั้งธง ที่mh40 จากบ้านแล้ว พอลองฟังแล้วปฏิเสธ ไม่ลงจริงๆครับจึงต้องอัญเชิญกลับมาประดิฐสถานที่บ้าน บอกเลยว่าเฟี้ยวมาก