หลังจากที่โพสต์รีวิวสาย Symbiote SP ไปแล้ว เห็นหลายๆท่านถามถึงสายอัพเกรด Headphone ของ Double Helix Cables เป็นจำนวนมาก ผมเลยถือโอกาศขออณุญาติมาแบ่งปันข้อมูลของสายอัพเกรด Headphone และ Interconnect ระดับเรือธงของ Double Helix Cables ให้เพื่อนๆที่เล่นชุดตั้งโต๊ะกันอยู่เอาใว้ใช้ประกอบการตัดสินใจไปมอบตัวกับเฮียกันครับผม

สายอัพเกรดที่ผมจำมาแบ่งปันเป็นสายที่ Peter Bradstock (เจ้าของ) นั้นภูมิใจนำเสนอที่สุดในบรรดาสายทั้งหมดที่เค้าขายอยู่เลยครับ เป้นสายระดับเรือธงที่ให้คุณภาพคุ้มเงินที่สุดครับ Peter มั่นใจว่าไม่ว่าใครฟังสายเส้นนี้ของเค้าแล้วต้องถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีกับความสามารถของสายอัพเกรดทั้งสองรุ่นนี้ครับ ซึ่งสายอัพเกรดทั้งสองรุ่นนี้มีชื่อว่า “Complement2” นั่นเองครับ !!!

ปกติเล่นแต่ชุดพกพา แต่ทำไมถึงกับยอมมาเล่นชุดตั้งโต๊ะ!!??:

โดนส่วนตัวแล้วผมเล่นแต่ชุดพกพาแล้วก็ CIEM เป็นหลักครับ ที่ไม่ได้เล่นชุดตั้งโต๊ะก็เนื่องจากว่าไม่มีตังจะเล่นชุดตั้งโต๊ะนั่นเอง 5555+ ที่บ้านก็มีปัญญาซื้อแค่ Hugo นี่แหละครับที่เอามาประยุคใช้เป็นชุดตั้งโต๊ะ ใจจริงอยากได้ Balanced Amp ดีๆมาตั้งใว้ที่บ้านกับเค้าบ้าง แต่คงต้องรออีกซักพัก 555+ ซึ่งตอนผมสั่งสายเส้นนี้มา (จนถึงทุกวันนี้ยังอึนๆกับตัวเองอยู่เลยครับว่า Headphone ก็ไม่มี แอมป์ ก็ไม่มี แต่อยากได้สายทำไมว่ะ) เพราะว่าหน้าตามันเซ็กซี่เร้าใจเหลือเกิน บวกกับ Peter เค้าชอบอธิบายสรรพคุณของ “Complement2” ให้ผมฟังจนหน้ามือตามัว เอาวะ! หูฟังกับแอมป์เดี่ยวค่อยซื้อ ซื้อสายก่อนเลย!

สายเส้นแรกในกลุ่ม Headphone/Interconnect ที่ผมซื้อจากเค้าเป็นสาย “Spore Mini Interconnect” ครับซึ่งสั่งมาเพื่อต่อ Hugo เข้ากับแอมป์ของ Analog Squared Paper โดยเฉพาะเลย 555+ ผมเป็นลูกค้าคนแรกของ Peter ที่สั่งให้เค้าทำ สาย Spore แบบสั่งพิเศษเพื่อเอามาใช้กับอุปกรณ์ Single-end ครับ ตอนนั้นพอซื้อ Hugo มาแล้วก็อยากหาสาย Mini-RCA ดีๆ มาใช้ต่อ Hugo เข้า ASP เลยส่งโจทย์ไปให้ Peter เค้าครับ ผมส่งโจทย์ไปว่ากำลังมองหาย Mini-RCA ที่ดีที่สุด ราคาไม่เกี่ยง 555+ หลังจากนั้นซัก 2-3 เมล์ผมก็ได้ข้อสรุปว่า Spore Mini Interconnect นี่แหละที่สุดของการทำให้เป็น Mini-RCA แล้ว

ผมสั่งเป็นสาย Mini-RCA โดยให้เค้าใช้สายเงิน “Silver Peptide” ทั้ง 8 เส้นเลยครับ ซึ่งสายเส้นนี้หลักจากที่เอามาต่อ RCA out กับ Hugo แล้วไม่ผิดหวังเลยจริงๆครับ

ส่วนสายเส้นที่สอง และเป็นสายที่ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังวันนี้ คือสายอัพเกรด Audez’e รุ่น “Complement2” ครับโดย ผมให้ Peter ทำขั้วต่อเป็น 3 pin XLR และสั่ง Ultrashort Adapter สำหรับ 3 pin XLR to DHC 3.5mm “Elite” ครับผม อย่างที่เล่าค้างใว้ตอนแรก ผมยังไม่มี Audez’e ซักอันหรือแม้แต่แอมป์ Full Balanced ที่มีช่อง 3 pin XLR เลยครับ 555 ซึ่งการทดสอบก็ต้องไปกราบของฟังของฟรีที่เรือธงเลยครับ ซึ่งเช่นเคยครับต้องไปรบกวนให้คุณหลุยส์ช่วยฟัง เพื่อคอนเฟิร์มหูของผม 555+

สายตระกูล Complement:

สาย Complement เป็นสายที่ Peter ใช้เป็นตัวอย่างในการนำเสนอความคิด เทคนิค และก็วัสดุ ที่ Double Helix Cables สามารถทำได้ตั้งแต่ปี 2009

สาย Complement เป็นสายที่ให้รายละเอียด มิติเวทีที่ชัดเจน และให้ความเหมือนจริงในการฟังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในสายอัพเกรดอื่นๆ สายหูฟังแยกช่องทางด้านซ้ายและขวาเป็นสองสายอิสระซึ่งป้องกันการรบกวนจากสายอีกเส้นและจากภายนอกด้วย ทฤษฎีขอสายเส้นนี้คือใช้การห่อหุ้มฉนวนเหมือนหัวหอมครับ 555+ การห่อหุ้มแต่ละชั้นออกแบบมาให้ป้องกันเหตุการที่จะทำให้เกิดการรบกวนของสัญญาน ไม่ว่าจะเป็นแรงสั่นสะเทือน การสะสมตัวของกระแสไฟ หรือแม้แต่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวน

ซึ่งสาย Complement2 นั้นได้ถึงสร้างขี้นตามพื้นฐานเดิมของสาย Complement เดิม โดยที่ Peter ได้เพิ่มชั้นห่อหุ้มของฉนวนเข้าไป ปรับขนาดให้กระทัดรัดมากขึ้น และพัฒนาประสิทธิภาพในการสร้างสาย Complement2 ขึ้นครับ (สั่งแล้วได้เร็วขึ้น 555+) สาย Complement2 นั้นไม่ใช่การต่อยอดจากสาย Complement เดิน แต่เป็นการรื้อทุกอย่างและคิดค้นสาย Complement2 ขึ้นมาใหม่เลยโดยที่ทำให้สาย Complement2 นั้นสามารถป้องกันสัญญาณหรือการรบกวนที่ Complement ไม่สามารถทำได้

เทคโลยีของ Complement2:

เนื่องจากว่า Peter เค้าภูมิใจในเทคโนโลยีสายของเค้ามากผมเลยขอเล่าให้ฟังคร่าวถึงที่มาของชื่อสายเส้นนี้ แล้วก็เค้าทำยังไงบ้างให้สายเส้นนี้เป็นสายเรือธงที่ใครๆก็ต่างชม

คำว่า “Complement” แปลว่าการเสริมซึ่งกันและกัน ท้าวความจากเดิมที่ Peter เป็นนักวิทยาศาสตร์และเค้าก็จะคอยตั้งชื่อสายของเค้าตามศัพท์หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์อยู่เสมอ ซึ่งไอ้ชื่อ “Complement” เนี่ยมาจาก ทฤษฎีวิชาวิทยาศาสตร์ชั้น ม.5 (ที่ทำให้ผมสอบตก) เกี่ยวกับเรื่องของ DNA ครับ 555+

**DNA ของเรานั้นประกอบไปด้วยรหัสทางพันธุกรรมสองเส้น “Complementary Strands” ที่เป็นเหมือนภาพสะท้องของกันละกัน สายพัมธุกรรมสองเส้นนี้ทำหน้าที่ในการสร้างความเสถียรโมเลกุลนั้นๆ**

สาย Complement2 นั้นใช้หลักการเดียวกันกับ “Complementary Strands” สายหูฟังแยกช่องทางด้านซ้ายและขวาเป็นสองสายอิสระซึ่งป้องกันการรบกวนจากสายอีกเส้นและจากภายนอก ซึ่งเท่าที่อ่านมาสายยี่ห้ออื่นๆก็ได้พยายามสร้างสายที่แยกสัญญาณซ้ายขวาเช่นกันเพื่อป้องกันเรื่องของการรบกวนกันเองของสัญญาณซ้ายกว่า แต่ยังไม่มีสายอัพเกรดไหนที่ที่สามารถแยกสัญญาณซ้ายขวาและให้การป้องการคลื่นรบกวนจากทั้งภายนอกและภายในได้ดีเท่า Complement2 ครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้สาย Complement2 นั้นมีการสูญเสียในรายละเอียดเสียงที่น้อยมากๆครับ และยังให้รายละเอียด มิติเวที ที่แม่นยำและมีความเป็นธรรมชาติสูง

การสร้างสาย Complement2 นั้นใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมตลอดทุกขึ้นตอน (โดยที่ไม่ได้ใช้มือม้วนสายภายในเลย) เพื่อประสิทธิภาพในการเดินทางของกระแสไฟฟ้าที่มีความสอดคล้องกันตลอดความยาวของสาย Peter ได้เพิ่มประมาณฉนวนที่ทำมาจากสิ่งทอเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพื่อป้องกัน “Microvibrational Energy” ที่จะรบกวนสัญญาณเสียง ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยป้องกันการสะสมตัวของคลื่นไฟฟ้าที่เกิดจากสายหูฟังไปถูกกับวัตถุอื่นๆ

 
สายเปปไทด์แต่ละเส้นมีฉนวนคาร์บอนไฟเบอร์ห่อหุ้มใว้ เพื่อช่วยในการป้องกันคลื่นรบกวนในหลากหลายแบนด์วิดธ์ การที่ใช้ฉนวนคาร์บอนไฟเบอร์บนสายแต่ละเส้นทำให้ “Complement2” ให้การป้องกันที่ดีกว่า สาย “Complement” รุ่นเดิมที่ใช้ฉนวนคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดใหญ่ที่หุ่มสายทั้งสองเส้นใว้เพียงชั้นเดียว ซึ่งสงผมให้ “Complement2” นั้นมาขนาดที่กระทัดรัดขึ้น และให้การป้องกันที่ดีกว่าเดิม


หลังจากการห่อหุ้มด้วยฉนวนคาร์บอนไฟเบอร์แล้วสาย Complement ยังใช้ฟอยล์ “Mylar” ห่อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันคลื่นรบกวนความถี่ต่ำ และสายทองแดงบริสุทธิ์ OCC litz ทำเป็นลวดถักพิเศษเพื่อป้องกันคลื่นรบกวนความถี่สูง ทั้งหมดนี่ก็เพื่อไม่ให้สายหูฟังสุดรักกลายเป็นเสารับสัญญาณต่างๆที่อยู่ในอากาศนั่นเองครับ 555+

วิธีการทำงานของลวดทองแดงและฟอยล์ก็คือ ฟอยล์จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้คลื่นรบกวนเล็กๆน้อยๆแทรกเข้าไปถึงสายสัญญาณได้ ในระหว่างที่ลวดทองแดงทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้สัญญาณความถี่สูงทะลุเข้าไปถึงฟอลย์ได้ครับ 555+

นอกจากนั้นสุดท้ายพอเราเลือกว่าเราจะใช้ขั้วต่อเป็นแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น 3pin, 4pin, 6.3, 3.5 Peter เค้ายังแอบเติมเทคนิคเล็กๆน้อยลงไปตอนจบอีกด้วยครับซึ่งเค้าใช้ “ERS paper” ซึ่งเค้าจะใส่มันใว้ในปลั้กหูฟังทั้งหลายเพื่อเอาใว้ดูดเสียงรบกวนออกไปนั่นเองครับ

Headphone ที่สามารถใช้กับ Complement2:

สำหรับวัสดุที่ Peter ได้นำมาใช้กับสาย Complement2 ของเค้านั้น ทาง Peter ได้ยืนยันเลยว่าเป็นวัสดุที่ดีที่สุดเท่าที่เค้าจะหาได้เลยครับ โดยส่วนมากแล้วปลั้กทั้งหลายก็จะเป็นปลั้กที่มีราคาสูงที่สุดในตลาดปัจจุบันหรือไม่ก็เป็นปลั้กที่ Peter ได้สั่งทำพิเศษจากโรงงาน โดย headphone หลักๆที่ Double Helix Cables สามารถทำขั้วเชื่อมต่อให้ได้มีดังนี้ครับ (ที่ไม่มีรายชื่อต้องถามทางเมล์ว่าสามารถทำได้มั้ย แต่ส่วนมากถามอะไรก็ทำได้หมด 555+)

1.) Sennheiser HD650: ใช้ขั้วต่อของ Furutech ทำมาจาก บรอนซ์ โรเดียม และ เทฟลอน
2.) Sennheiser HD800: ใช้ขั้วต่อที่สั่งทำพิเศษจากโรงงาน ซึ่ง Peter ยืนยันว่าเป็นขั้วต่อที่มีคุณภาพสูงที่สุดที่หาได้
3.) Hifiman: ใช้ปลั้ก SMC สั่งทำพิเศษ
4.) Audez’e: หลักจากที่ลองขึ้วต่อ Audez’e หลากหลายก็มาจบที่ Amphenol Mini XLR Connector ซึ่งเป็นขั้วต่อเจ้าเดียวที่ทำมาจาก ฟอสเฟอร์บรอนซ์ และมีการชุดทองในจุดสัมผัส
5.) Denon: ใช้ DHC Elite Gold Mini Plug ซึ่งทำมาจาก ฟอสเฟอร์บรอนซ์ชุบทองและอะลูมิเนียม
6.) Abyss: ใช้ขั้วต่อ Amplenol Mini XLR Connector

อุปกรณ์ในการรีวิว:

Source: iMac/Mac Mini - Benchmark/Hugo/ Ayre QB9

Amplifier: Schiit Mjolnir, Bakoon HPA21

Headphone: Audez’e LCD3

สายอัพเกรด: Complement2, 3 pin XLR, Audez’e

Double Helix Cables: Complement2 OCC Copper Litz Headphone Cable

เข้าประเด็นหลักกันเลยดีกว่าครับ (เนื่องจากว่าข้อมูลอื่นๆ จัดเต็มไปในรีวิวที่แล้วหมดแล้วครับ 555+) รีวิวนี้ผมทดสอบฟัง LCD3 กับชุดตั้งโต้ะในราคาระดับกลางๆครับ (LCD3, Complement2, Schiit Mjolnir)

หลังจากที่ได้ฟังสาย Complement2 แล้วนั่งนิ่งไปซักพักเลยครับ ต้องบอกเลยว่าความคิดอย่างแรกที่เด้งขึ้นมาในหัวคือ ทำยังไงผมถึงจะถ่ายทอดเสียงที่ผมได้ยินนี้ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ชาวเว็บบอร์ดมั่นคงทราบกัน รู้สึกเหมือนพูดอะไรไม่ถูก เรียกว่าอึ้งเลยก็ว่าได้ครับ ผมประทับใจสายแบรนด์นี้ตั้งแต่ตอนที่ได้รับสายที่ส่งที่บ้านเลยครับ สายถูกใส่มาในถุงผ้าของ Double Helix Cable ที่สวยงาม ภายในถุงก็มีสาย Double Helix Cables หลากหลายม้วนอย่างสวยงามอยู่ในนั้น

Peter สามารถทำให้ผมตะลึงได้ตลอดเวลา รอบแรกผมถูกทำให้ตะลึงไปกับสาย USB Metagenome2, Spore Mini-RCA, และ Symbiote SP คราวนี้มาถึงสาย Complement2 ที่ยังคงทำให้ผมตะลึงได้อีกแล้วครับ การออกแบบสายของ Double Helix Cables นั้นเป็นแบบที่ดูเรียบง่ายมากครับ เป็นสายที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูอย่างยิ่ง แต่เสียงที่ให้นั้นเป็นเสียงที่ดุดัน และมีคุณภาพมากๆ เป็นเหมือนความสามารถพิเศษของสายที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ภายใต้หน้าตาอันเรียบและสวยงายของ Complement2

สเป็คคร่าวๆของสายอัพเกรดเส้นนี้ครับ:

Complement2 ใช้สายที่ให้น้ำเสียงที่เป็นกลางและแม่นยำที่สุดของ Double Helix Cables ซึ่งก็คือสายทองแดงล้วน “Peptide” เป็นสาย OCC type 2 litz ซึ่งในสายแต่ละเส้นของ Complement2 นั้นมีลวดทองแดงอัดแน่นอยู่กว่า 100 เส้น ซึ่งลวดทองแดงเหล่านี้ได้ถูกมัดในแบบ “Bundle of Bundles” การมัดลวดทองแดงแบบนี้ และการที่ใช้ litz กับลวดทองแดงทุกเส้นทำให้ สาย Complement2 นั้นสามารถลดปัญหาเรื่องการสูญเสียของสัญญาณ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าสายในตลาดทั่วไป

ในด้านการใช้งาน สาย Peptide นั้นได้ถูกเคลือบใว้ด้วยโพลีแอททีลีนที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้ type 2 litz นั้นมีการล็อคตัวกันที่เหนียวแน่น ซึ่งสาย Peptide นี้เป็นสายทองแดงบริสุทธิ์ OCC litz เส้นแรกที่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสายอัพเกรด Headphone และเป็นหนึ่งในสายที่ดีที่สุดของ Double Helix Cables ด้วยครับ!

1.) รูปแบบหน้าตา, การใช้งาน, ความประณีต, และ คุณภาพสาย

สาย Complement2 แว้บแรกที่เห็นตอนถึงออกมาจากกล่อง FedEx ต้องถึงกับถอนหายใจยาวๆซักฮวกใหญ่ๆครับ “เห้อ สวยจริงๆด้วย รอดตัวไป” 555+ ซึ่งขนาดของ Complement2 ก็ถือว่ากำลังดีเลยครับ ใหญ่กว่าสาย SP 8-wire ของผมนิดเดียว และสายมีน้ำหนักเบามากครับ น้ำหนักใกล้เคียงกับสาย Cardas Clear เลย ตัวสายไม่แข็งและมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งของผมสั่งความยาว 6 ฟุตครับ ซึ่งตอนที่ทดลองฟังถือว่าเบามากๆครับ เทียบเวลาใช้หูฟังเปล่าๆบนหัว กับตอนที่ต่อสาย Complement2 แล้วน้ำหนักถือว่าแทบไม่รู้สึกความแตกต่างเลยครับ และสายดูเรียบง่ายไม่เกะกะครับ

Complement2 ใช้ชิลหุ้มด้านนอกที่ทำมาจากเส้นใยซิลิก้าไฟเบอร์ ที่ดูเรียบหรูสะอาดตา และ Peter ยังยืนยังว่าฉนวนหุ้มด้านนอกของเค้านั้นถึกทนพลังช้างมากๆครับ เห็นเค้ากระซิบว่าชิลหุ้มของเค้านั้นกันความร้อนสูงได้ด้วย 555+ โดยสาย Complement2 นั้นเราสามารถเลือกรูปแบบการห่อหุ้มของชิลได้เป็นสองแบบหลักๆครับ คือ “Separate Sleeves From End-To-End” หรือ “Single Sleeve” ครับ สำหรับสายของผมเป็นแบบ Separate Sleeves ครับแต่ผมไม่ได้ให้เค้าใส่ Y-Splitter หรือ Heatshrink มาเนื่องจากผมรู้สึกว่าสายแยกๆมันเท่กว่าครับ 555+

สาย Complement2 ของผมเป็นมากับขั้วต่อ Neutrik Balanced XLR 3 pin ทำจากอะลูมิเนียมครับ ซึ่งเป็นตัวเลือกราคาสบายกระเป๋าตังครับ ซึ่งปลั้กของ Nuetrik ก็จะเป็นสไตล์เรียบๆครับ ตัวท่อของปลั้กจะเป็นอะลูมิเนียมขัดสีเงิน ดูเรียบๆสวยงามและแข็งแรงมั่นคงมากๆครับ ด้านบนของปลั้กจะมีตัวอักษรชื่อยี่ห้อ Nuetrik สลักอยู่ ส่วนจุดเชื่อมต่อกับสายเป็นพลาสติกสีดำที่สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน ไม่ใช่พลาสติกถูกๆแน่นอนครับ บนขั้วพลาสติกก็จะมีวงแหวนที่มียี่ห้อ Nuetrik สลักอยู่สามารถหมุนไปมาได้ ทำให้ปลั้กต่อไม่ดูเรียบจืดชืด จนเกินไปครับ ส่วนท่านไหนอยากจัดเต็มเอาปลั้กที่ดีกว่า Nuetral สามารถเลือกเป็น Valab หรือ อย่างอื่นได้ตามความต้องการเลยครับ

อีกด้านหนึ่งของสายนั้นเป็นขั้วต่อกับ Headphone โดยที่ผมให้ Peter ทำขั้วต่อเป็นสำหรับ Audez’e ซึ่งเค้าเลือกใช้ขั้ว “Amphenol mini XLR connector” ซึ่งเป็นขั้วที่หน้าตาดีมากครับ สีเงินแวววาว ขั้ว Amphenol นั้นเป็นเจ้าเดียวที่ทำขั้วต่อด้วยฟอสเฟอร์บรอนซ์ และมีการชุบทองที่จุดสัมผัสกับหูฟังครับ ซึ่งบรอนซ์นั้นจะมีปริมาณของทองแทงอยู่มากกว่าโลหะผสม (Brass) ซึ่งบรอนซ์นั้นเป็นโลหะวัสดุที่แบรนด์ชั้นนำอย่าง Furutech หรือ Oyaide ใช้กันครับ ตรงกลางของขั้วจะมีตัวหนังสือแบบ Laser Printed เขียนว่า “Amphenol” เป็นสีเทาอ่อนอยู่ครับ

Peter เก็บงานได้เป็นระเบียบมากๆ ขั้ว Amphenol นั้นถูกหุ้มสองชั้นด้วย Heatshrink โดยบน Heartshrink จะมียี่ห้อ Double Helix Cables เขียนอยู่และก็รายละเอียดของสาย ซึ่งสำหรับ Complement2 ก็จะเป็น Peptide Litz OCC Copper นั้นเองครับ

โดยสรุปแล้ว Complement2 เป็นสายที่สวยงาม เรียบง่าย มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา เป็นสายที่ดูตรงไปตรงมา ไม่ต้องมีลวดลายอะไรให้ซับซ้อน ซึ่งเป็นสไตล์ดที่โดยส่วนตัวผมชอบมากๆครับ

2.) รายละเอียดและการตอบสนองของเสียง

ผมทดลองฟังสาย Complement2 กับ Audez’e LCD3 โดยใช้ System ทั้งหมดสามชุดที่ร้านมั่นคงครับ

1.) iMac ต่อกับ DAC Benchmark ใช้ Balanced Output เข้าแอมป์ Schiit Mjolnir
2.) Mac Mini ต่อเข้า Chord Hugo ใช้ RCA เข้าแอมป์ Bakoon HPA21
3.) Mac Mini ต่อเข้า Ayre QB9 ใช้ RCA เข้าแอมป์ Bakoon HPA21

ตอนแรกเลยที่อ่านเจอสเป็คสาย Complement2 ว่ามันเป็นสายทองแดงล้วน “Peptide” OCC litz ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องของรายละเอียดและปริมาณเบสของสายเส้นนี้ ผมก็คิดอยู่ว่าเสียงคงออกวอร์มแล้วก็เบสมาเต็มแหง ซึ่งพอมาลองฟังจริงแล้วในขณะที่สิ่งที่ผมกังวลนั้นเป็นจริง แต่กลับมีบางอย่างที่มีเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของผมและถึงกับทำให้ผมตกใจเลยทีเดียว

สาย Complement2 นั้นเป็นสายทองแดงที่ให้เสียงใสสะอาด เป็นสายที่มีความโอเวอร์ออลมากๆ ให้แบ็คกราวด์ที่นิ่งสงัด และมีไดนามิคที่ดีมากๆ ปริมาณเบสของ Complement2 นั้นเรียกว่าสุดๆไปเลยครับ เบสลงได้ลึกมากๆและเก็บตัวได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือควาวแม่นยำของตำแหน่งเครื่องดนตรีบนเวที กับน้ำเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติมากๆ

ก่อนที่จะเข้ารายละเอียดของเสียงแต่ละย่านผมขอเกริ่นนำเรื่องเสียงของ Complement2 ด้วยตัวอย่างที่ผมพบกับตัวเองและต้องใช้เวลานานพอสมควรเพื่อที่จะหาคำอธิบายกับน้ำเสียงที่ผมได้ยินกับ Complement2 ครับผมจะขออธิบายภาพรวมเสียงของ Complement2 โดยอ้างอิงถึง ตัวเอกในการ์ตูนดราก้อนบอล “ซุน โกคู” และ บรรยากาศเวลาเราฟังดนตรีสด หวังว่าด้วยตัวอย่างนี้เพื่อนๆจะเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นครับผม 555+ (ต้องขออภัยหากท่านไหนเห็นว่าตัวอย่างไร้สาระครับผม)

สาย Complement2 เป็นสายที่มีความเป็นกลางมากๆ และมีความสามารถที่จะแมทชิ่งกับ DAC และแอมป์ได้หลากหลาย จากที่ผมทดลอง System ทั้งสามชุดที่ได้ระบุใว้ข้างบน ผมพบว่าเสียงของ LCD3 และ สาย Complement2 นั้นดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเราขยับ System ไปชุดที่สูงขึ้น

ตอนแรกที่ฟัง iMac + DAC Benchmark + Mjolnir โดนใช้ Balanced 3 pin XLR ผมรู้สึกว่าเห้ยนี่มัน LCD3 เวอร์ชั่น โกคูเป็นซุเปอร์ไซย่า ชัดๆ ส่วนตัวผมชอบมาแอบฟังของฟรีที่ร้านเฮียอยู่บ่อยๆ และส่วนมากแล้วก็จะเป็นเพลงซ้ำๆ เลยทำให้ผมจำเสียงเพลงได้ค่อนข้างแม่น แต่วันนี้พอได้ฟัง LCD3 กับ Complement2 แล้วผมรู้สึกว่า เสียงที่ผมได้ยินมันได้พัฒนาไปอีกขึ้นนึงเหมือน โกคูแปลงร่างเป็นซุเปอร์ไซย่าหัวเหลืองเลยครับ 555+

หลักจากนั้นผมก็ลองขยับมาฟัง Mac Mini + Hugo + Bakoon (สำหรับแอมป์ Bakoon ผมใช้ DHC Ultrashort Adapter 3 pin XLR to 6.3mm) ดูบ้าง เสียงที่ได้นั้นก็ไปได้อีกระดับเลยครับ ตอนที่ผมฟัง Mjolnir รายละเอียดบางจุดอาจจะมีน้อยไปบ้าง และเสียงสูงบางโน้ตผมยังรู้สึกว่ามันยังมีความแหลมและสากอยู่ แต่พอเปลี่ยนมากฟังกับ Hugo และเนื้อคู้ของ Audez’e อย่าง Bakoon แล้ว ผมได้รายละเอียดที่หายไปมาอย่างครบถ้วน มิติเวทีมีความชัดเจนยิ่งขึ้น (ตอนแรกก็ว่าทำได้ดีแล้ว) และเสียงสูงที่บาดหูนั้นหายไปเลยครับ เป็นเสียงที่พัฒนาขึ้นมาอีกอย่างน่าตกใจ นี่ก็คงเหมือนกับ ซูเปอร์ไซย่าร่าง 2 แหละครับ

สุดท้ายครับ ขอคุณหลุยส์จัดเต็มฟัง Mac Mini + Ayre QB9 + Bakoon เนื่องจากเห็นว่าเห้ยมันดีขึ้นมาเรื่อยๆเลยเว้ยไหนลองสุดๆดูบ้าง ก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้ลองฟังแล้วซึ่ง System คงเป็นชุดที่สุดๆแล้วจริงๆ แต่วันนี้พอใช้สาย Complement2 แค่เสียบแล้วฟังเท่านั้นแหละครับ โกคูผมกลายเป็นไอ้ร่างผมเหลืองยาวถึงเท้า ซูเปอร์ไซย่าร่าง 3 เลย! 555+

ผมอยากยกตัวอย่างเวลาเราฟังเพลงอัดทั่วไปผ่านหูฟัง หรือ เพลงในวิทยุบนรถ ถ้าเป็นเพลงที่เราชอบหรือร้องได้ เราก็จะร้องตามและบางครั้งก็อาจจะเคาะนู่น เคาะนี่ตามบ้าง หรือเวลาที่เราฟังเพลงฟรั่งพวก hip-hop ที่มีเบส (พวกคลื่น 107 555+) เป็นตัวให้จังหวะ ถึงจะเคาะตาม แต่ส่วนมากแล้วเราก็จะนั่งเฉยๆ

คราวนี้ลองนึกถึงเวลาที่เราไปชมการแสดงสดบ้างครับ ไม่ว่าจะเป็น Unplugged, หรือเวทีใหญ่ๆ, หรือแม้แต่ในผับ ทั้งบรรยากาศ ทั้งมิติเวทีที่เราอยู่ในที่นั้นจริงๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้มากขึ้นและส่งผลให้เรานั้นเต้นไปกับเพลง ขยับตัวตามจังหวะเพลง หรือแม้แต่ร้องตามไปเรื่อยๆด้วยความมัน 55+ โดยคอนเสิร์ตที่มีกลองชุดเราจะสังเกตุว่าเสียงกลองชุดในคอนเสิร์ตนั้นโดนส่วนมากจะมีน้ำเสียงที่หนักแน่นให้คนกระโดนตาม ซึ่งบรรยากาศแบบนี้หลายครั้งที่ผมจะแอบรู้สึกว่าหูฟัง ทำยังไงมันก็ได้แค่ใกล้เคียง ยังไงมันก็ไม่เหมือนเราไปอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ

แต่พอผมมีโอกาศฟัง LCD3 + Complement2 + Bakoon + Ayre QB9 แล้ว เพลงที่ผมลองฟังคือ The Eagles - Hell Freezes Over ซึ่งเป็นอัลบั้มที่อัดจากการแสดงสดของวงในตำนาน หลังจากที่ฟังไปได้ซักพักผมก็ลืมทุกอย่างรอบตัวเลยครับ รู้สึกเหมือนโดนดูดเข้าไปในคอนเสิร์ต โดยที่ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าผมนั่ง เคาะเท้า เคาะนิ้ว ขยับหัวขึ้นลง ตามเพลงโดยไม่รู้ตัวอยู่นานนนนนน มาก ปกติเวลาฟังเพลงที่เรือธงต่อให้เพลงมันสนุกแค่ไหนก็ต้องนั่งหรือยืนนิ่งๆ (ไม่งั้นอายแย่) แต่ System นี้มันทำให้ผมลืมตัวไปเลยครับ เป็นเสียงที่ฟังแล้วตื่นเต้นไปกับดนตรี เสียงกลองที่ดุดัน เสียงปรบมือที่ฟังแล้วเหมือนมีคนมานั่งข้างๆและกำลังปรบมืออยู่ พอดนตรีเริ่มเล่นก็รู้สึกได้ว่าเรากำลังหันหน้าไปหาเวทีแล้วมี Don Henley กำลังร้องอยู่ตรงกลางเวที อย่างไงอย่างงั้นเลยครับ! 555+

เสียงร้อง/เสียงกลาง:

Complement2 ให้เสียงร้องและเสียงกลางที่มีความเป็นธรรมชาติสูง เป็นสายทองแดงที่ให้น้ำเสียงที่ใสสะอาดอย่างไม่น่าเชื่อ รายละเอียดที่ไม่น้อยหน้าสายเงินอย่าง SP เลยครับ ถึงแม้ว่าจะให้รายละเอียดที่น้อยกว่าอยู่บ้าง แต่บางครั้งรายละเอียดที่น้อยลงมาก็ทำให้เราฟังเพลงแบบสบายๆและได้อรรถรสมากขึ้นอีกแบบนึงครับ ในขณะที่สาย SP นั้นให้รายละเอียดที่หมดจดหมดเปลือก สาย Complement2 จะเป็นสายที่

ผมยังคงได้ยินการหายใจเข้าออกของนักร้อง การเล่นลูกคอ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เรียกว่าละเอียดมากๆแล้ว สำหรับการฟังเพลง Audiophile 555+ และสิ่งที่ Complement2 ได้ขึ้นมาจาก SP ก็เรื่องของความนิ่งของเสียง และความแม่นยำ ผมสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นด้านกว้างหรือด้านลึกของเครื่องสายและนักร้อง

สายเส้นนี้ให้เสียงมีความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากๆ และให้ความเสมือนจริงอย่างมาก อาจจะไม่ได้ให้รายละเอียดทุกอนูขุมขนในแบบที่ Audiophile แสวงหา แต่เป็นสายที่ให้เสียงร้องที่มีความสัมพันธ์กับเสียงย่านอื่นอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ จังหวะและความเร็วของสายเส้นนี้ก็กำลังพอเหมาะ พอเจาะครับ เหมือนสายน้ำที่ค่อยๆไหลไปตามธรรมชาติ เวลาฟังเพลงเราจะรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ในการแสดงจริงๆ เสียงปรบมือข้างๆที่เป็นระยิบระยับ เสียงนักร้องพูดคุยกับผู้ชม เสียงร้องเชียของผู้ชม ที่เราสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งที่ชัดเจน

เสียงสูง:

เป็นอีกจุดที่สาย Complement2 ทำให้ผมตกใจมากครับ สายทองแดงเส้นนี้ให้เสียงสูงที่ไปได้สุดลูกหูลูกตาอย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นประกายละเอียดเหมือนทรายละเอียดๆ บนชายหาด ถึงแม้ว่าจะให้ความละเอียดที่ไม่เทียบเท่า SP แต่ก็ยังเป็นความละเอียดในระดับที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ

เสียงเครื่องสายต่างๆ เช่น ไวโอลีน หรือ เปียโน สามารถสัมผัสได้ถึงการสั่งไหวของเครื่องดนตรี และจุดเด่นของ Complement2 ก็คือเรื่องของความนิ่งของเสียงด้วยเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนของเค้าครับ ทุกๆรายละเอียดของเสียงสูงน้ันถูกถ่ายทอดออกมาอย่างนิ่มนวล เป็นน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติและเหมือนการฟังจริงๆมากครับ เวลาเราฟังการแสดงสดแบบ Unplugged รายละเอียดบางอย่างเราก็ได้ยิน บางอย่างเราก็ได้ยินแบบลางๆ เนื่องจากว่าหูเราไม่ได้อยู่ที่ปากนักร้อง หรืออยู่ติดกับเครื่องดนตรี แต่สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือตำแหน่งที่มาของเสียง จากสาย Complement2 เราสามารถได้ตำแหน่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนและได้รายละเอียดต่างๆเหมือนกับการที่เราไปฟังการแสดงสดเลยครับ

เบส:

มาถึงไฮไล์ของ Complement2 ซักที่ครับ เป็นย่านเสียงที่ทำให้ผมรีบเขียนย่านอื่นเพื่อให้มาถึงย่านนี้มากๆ 555+ ส่วนตัวเวลาเราฟังเพลงถ้าเกิดว่าเรามีเบสเพิ่มขึ้นมา ก็จะให้การฟังเพลงนั้นได้อารมณ์และฟังสนุกยิ่งขึ้นครับ ซึ่งสาย Complement2 สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียวครับ

เสียงกลองและเบสของ Complement2 เป็นเสียงที่ผมชื่นชอบมากๆครับ ตามสไตล์สายทองแดงที่จะให้ปริมาณเบสที่เยอะกว่าสายเงิน สาย Complement2 นั้นให้เสียงเบสที่ลึกและดุดันมาก เป็นเบสมีพลังเหมือนเสียงฟ้าผ่าเลย 555+ ในขณะที่เบสนั้นลงได้ลึกมากๆ เบสกับเก็บตัวได้ดี ออกมาเป็นตัวโน้ตที่ชัดเจน เป็นลูกๆ ตอนลองที่เรือธงฟังเพลงของ The Eagles - Hell Freezes Over พอฟังถึงเพลงพวก Life in the fast lane, The last resort, In the city ผมสัมผัสได้ถึงเสียงกลองที่สนั่นหวั่นไหวเลยครับ เสียงกระแทกสแนร์ที่ได้อารมณ์ ฟังแล้วตื่นเต้นไปกับเพลงจริงๆครับ ปกติผมชื่นชอบวง The Eagles เป็นส่วนตัวอยู่แล้วซึ่งเพลงพวกนี้ผมก็ฟังไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ถึงมี LCD3 + Complement2 เนี่ยแหละครับที่ผมรู้สึกว่าเสียงกลอง เสียงเบส มันช่างเหมือนจริง เป็นระดับความดังที่พอฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ เนื้อตัวสั่น นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลยครับ

3.) มิติเวที

ปกติแล้วเวลาที่เรานึกถึงสายที่ให้มิติเวทีที่แม่นยำ กว้างขวาง เราจะนึกถึงสาย เงิน เป็นอย่างแรก แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าสาย Complement2 นั้นทำมาจากทองแดงล้วน และส่วนมากแล้วสายทองแดงก็ต้องพยายามพัฒนาให้สามารถสร้างรายละเอียด มิติเวที ที่ใกล้เคียงกับสายเงิน

แต่พอผมมาฟัง Complement2 จริงๆแล้ว เหมือนเป็นม้ามืดมาแต่ไกลเลยครับ ผมรู้สึกได้ถึงมิติเวที ไม่ว่าจะทั้งด้านกว้างและด้านลึก ที่เหมือนจริงและมีความนิ่งสงัดมากๆ อิมเมจของสายเส้นนี้ก็ทำได้ดีมากครับ ผมสัมผัสได้ว่านักร้อง นักดนตรี ได้ถูกวางใว้ในตำแหน่งที่ชัดเจน เหมือนดนตรีที่ฟังอยู่นั้นมีชีวิตขึ้นมา หรือ เหมือนกำลังดูโฮโลแกรมอยู่เลยครับ 555+

สรุป:

โดยสรุปแล้ว Complement2 นั้นด้วยเทคโนโลยีของ Peter ทำให้สายทองแดงเส้นนี้ให้รายละเอียดมิติเวที ที่เสมือนจริง สามารถขยายได้กว้างและลึกสุดลูกหูลูกตา หรือสามารถเป็นวง Unplugged เล็กๆที่มีการโฟกัสเสียงที่ดี และสายทองแดง Peptide ของ Double Helix Cables นั้นเป็นสายทองแดงที่ให้น้ำเสียงใสสะอาด และเบสของสายเส้นนี้เป็นเบสที่ลงได้ลึกและรุนแรงมากๆ เช่นเพลงของ The Eagles ที่ทุกๆเสียงกลองที่ผมได้ยิน ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาทุบกลองอยู่ต่อหน้าผมเลยครับ

เป็นสายอัพเกรดที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักฟังที่ต้องการเพลงที่ให้เบสลงได้ลึก ดุดัน แต่คงมีความเป็นกลาง ให้เสียงธรรมชาติ เหมือนจริงมากๆ รายละเอียดย่านอื่นๆก็ไม่ถูกเสียงเบสกลบซักนิดเดียว ยังได้รายละเอียดเสียงที่ชัดเจน

สำหรับเพื่อนๆท่านไหนที่สนใจทดลองฟังสาย Headphone Complement2 ตอนนี้เนื่องจากว่าผมไม่มีปัญญาซื้อ Audez'e ฟัง ผมเลยได้ฝากสาย Complement2 ใว้กับคุณหลุยส์ที่เรือธงครับผม สามารถมาทดลองฟังก่อนตัดสินใจได้เลยครับ และคงอยู่ที่นั่นยาวจนกว่าผมจะมีปัญญาซื้อ Audez'e เลยแหละครับ 555+

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล เป็นประโยชน์อย่างสูงต่อความคันมากๆเลยครับ

รบกวนคุณหลุยส์เปรียบเทียบกับ Silver dragon หน่อยได้ไหมครับว่าต่างกันอย่างไรครับ

รบกวนเทียบเรื่องเวทีเสียง ความโปร่ง ความกว้าง และ การวางตำแหน่งชิ้นดนตรีหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

ฝากเทียบกับ Cardas Clear ด้วยเลยนะคร้าบ

เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะตั้งกระทุ้ใหม่ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบว่าจะมีสั่งรุ่นไหนบ้าง ราคาประมาณเทาไหร่ และท่านใดสนใจจะสั่งพิเศษต่างหากจะต้องทำยังไง เป็นพรุ่งนี้นะครับ วันนี้เตรียมข้อมูลไม่ทันจ้าๆๆๆ 555

(ความจริงข้อมูลก็ต้องก๊อปจากคุณ wannapatc ล่ะครับ) 555

สายรุ่นนี้แพงกว่าหูฟังอีกไม่ใช่เหรอครับ + +

เรื่องเสียงนั้นขึ้นอยู่กับการเเมชชิ่งด้วยครับ ว่าใช้กับแอมป์รุ่นไหนอยู่เลยตอบแบบฟันธงตรงๆลำบาก

แต่มีให้ลองครบๆที่เรือธงเเน่ๆครับ


ขอบคุณคุณ WannapatC อีกครั้งครับสำหรับข้อมูลระดับพระกาฬมากๆครับ

ขอเก็บข้อมูล และขอบคุณ wannapatc สำหรับรีวิวครับ