เปิดตัวสุดท๊อปปี 1993-1994

sony super fh 959

รูปแบบเครื่อง มินิคอมโป แยกเครื่อง 4 ชิ้น
จูนเนอร์ ดิจิตอล มีระบบตั้งเวลา 2 ชุด
เครื่องเทป เทปคู่ dolby hx pro
เครื่องซีดี 1 แผ่น audio cd อย่างเดียว ภาคถอดรหัส 1 bit/dac
ภาคขยาย แยกเสียงสูงและเสียงทุ้ม bi amp
มีระบบ ถอดรหัสและสังเคราะห์เสียง แบบ digit หน้าจอกราฟิกสีขาว

รูปแบบลำโพง แยกชิ้น 2 ตู้ต่อข้าง ดอกทุ้มวูฟเฟอร์ 5 นิ้ว
ดอกกลาง แบบ กรวยกระดาษ
ดอกแหลมแบบ โลหะ

ความเป็นมา เป็นเครื่องตระกูลท๊อปสุด ในยุคนั้น จัดว่าทันสมัยมากๆๆ และหรูหราสวยงาม
เครื่องสีทอง แชมเปญ
แนวเสียง เบสนุ่มๆ กลางแหลม เปิดกว่ายุคก่อน เหมาะกับเพลง jazz เพลงเน้นจังหวะ
ทั่วไป

ผมได้เครื่องนี้มาจากโรบอท ครับ รูปร่างจัดว่าสวยถูกใจมาก ใครเห็นก็บอกว่าสวยงามดี ราคาในยุคนั้นที่จำได้คือ 38000 บาท ในสมัยทองยังบาทละ 5000 คิดดูครับว่ามันแพงขนาดนั้น ในปัจจุบันส่วนมากผู้ครอบครอง ไม่ค่อยมีปล่อยเปลี่ยนมือ ผมได้มาถือว่าดีใจมากๆๆ นี่คือเครื่องในฝันของผมยุคนั้น ที่แบรนด์โซนี่ ครองเมือง ยุค 90

เจิมด้วยคนครับ // สะสมรถด้วยเหรอครับนั้น มีเก็บ 1/18 ไมครับ

มีพี่ 1/18จะปล่อยออกบ้างละ

มีปาเจโร่ โชุกนสีแดง สนไหม ของ sunstar อ่ะ
jeep แกรนด์เชอโรกีโฉม ปี 2004 สีเขี่ยวเทา งาน maisto

ิbenz ml 55 โฉมแรก สีแดงเลือดหมู

อ่อ...ปกติพี่จะเก็บแต่งานของ Auto Art กับ JaDa Toys อ่ะครับ

รายงานตัวภาค 7 ครับ ...สวัสดีทุก ๆคนครับ

โชกุนของ autoart มีน่ะ พี่เป็นตัว evolution 3 door เคยเห็นสวยมากๆๆ

ของjada รถแต่งเป็นส่วนใหญ่ช่ายไหมครับ

นอกเรื่องนิดนึ่งครับ พี่น้อง อิอิ

สวัสดีครับ อิอิพี่อุเทนเปิดภาคใหม่แล้ว 555 กระทู้เก่าทำแทบเล็ตผมค้างเลยครับ 555

@edward_jong // ใช่ครับ JaDa มันจะเป็นรถแต่ง ส่วน Auto Art มันจะเป็นแบบเดิมๆแต่รถแต่งก็มีนะ งานมันจะเนี๊ยบรายละเอียดดีหน่อยแต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่ ซื้อขายราคาไม่ตก

shogun --- ตามเต๊นเล่นกันอยู่เท่าไหร่มั่งครับ อวทม มั้ยครัย 555 ผมเคยสะสมพวดรถ f1 อะครับ

มารายงานตัวครับ ขอคารวะพี่ๆทุกท่านด้วยครับ

ตามมาภาค 7 ด้วยคนคับ อยากรู้ราคา 939 ด้วยคับพี่อุเทน อยากรู้ว่าตอนออกใหม่ราคาเท่าไหร่คับ เห็นราคา 959 สุดยอดมาก สงสัยคนที่ซื้อได้สมัยนั้นน่าจะเป็นเศรษฐีละคับ คนทั่วไปอย่างผมคงได้แต่มองตาพริบๆ แล้วก็ถอนหายใจ เฮ้ออ

พี่ๆครับคือผมไปได้GRX30ของSONYมาอ่ะครับ เทปไม่อ่านแล้วตอนนี้เสียบใช้กับคอมอยู่ครับคือถ้าซ่อมเทปจะคุ้มไหมครับ เท่าที่ดูก็มีฝุ่นจับอยู่บ้างผมลองปัดๆดูมันก็ไม่อ่านอ่ะครับ

ยินดีต้อนรับครับน้อง ภาคภูมิ9999

เรื่องระบบเทป เดี๋ยวรอน้องเจษหรือโรบอทมาตอบน่าจะได้คำตอบนะครับ

ส่วนตัว GRX30 ครบชุด เสียงออกนุ่ม ๆ ครับ วูฟเฟอร์ขอบยางขนาด 15 ซม. กับทวิสเตอร์ กำลังขับปานกลาง ถ้าได้รุ่น GRX50 จะเสียงดีกว่ากันครับ

(ไม่นึกว่ามีน้อง ๆ จะรู้จักและชอบเครื่องมินิคอมโปเหมือนกันนะครับ)

ภาคภูมิ9999 --- ยินดีต้อนรับครับ อิอิ เทปถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อมหรอกครับ เพราะสายพานยางที่ขับกลไกลของเทป มันมีอายุการใช้งานสั้นครับ เดี๋ยวก็ยืดครับ

Thep Design ---- พอยืดบางทีทำให้กลไกค้างเครื่องมันก็ฉลาดไม่ยอมให้เครื่องเปิด ทีนี้ต้องยกไปหาช่างอีกอะครับ ถ้า sony เวลากลไกเทปค้างจะโชว์ EJECT แล้วเครื่องก็จะดับติดแสตนบายเปิด power ไม่ได้ ฝากถึงพี่เทพด้วยครับ ที่ไม่ค่อยอยากให้ซ่อมเทป เพราะเหตุผลแบบนี้อะครับ *-*

iamfluke --- พี่ฟลุ๊คหาเครื่องสวยๆอีกแล้วเหรอครับ เดี๋ยววันนี้ช่วงหัวตค่ำจะมาบอกเรื่อวอลลุ่มเซอราวเซนเตอร์นะครับ

Tohide --- รับคาระวะ 2 จอก *-*

edward_jong robot shogun iamfluke -- อิอิ พักนี้ระบายของออกจนจะหมดแล้วครับ มีโปรเจคใหม่ครับ ผมตามหารีโมท คอมโป onkyo ใครเคยสั่งของ ebay ช่วยแนะนำคนที่ฝากสั่งให้ทีครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=118757

มารีวิว แบบจัดหนักกันอีกสักรอบดีกว่าครับ

พูดถึงเครื่องเสียงประเภท มินิไฮไฟ คอมโพเน้นท์ซิสเต็ม

ไม่ว่าใครก็คงรู้จักยี่ห้อ Sony แน่นอนครับ เพราะเป็นเจ้าตลาดสมัยสัก สิบ ยี่สิบปี มาแล้ว ถ้าพูดถึงสมัยนี้คงเป็นซัมซุงละมั็งนะ

แน่นอน โซนี่เป็นผู้นำตลาดอิเล็คโทรนิคชั้นดี ไล่ตั้งแต่ ทีวี เครื่องเสียง เครื่องเล่นพกพา อุปกรณ์บันทึก วีดีโอเทป ต่าง ๆ แม้กระทั่งพวก แบตเตอร์รี่ต่าง ๆ ล้วนเป็นสินค้าคุณภาพ และขายภาพลักษณ์ให้คนที่เป็นเจ้าของ ภาคภูมิใจในสินค้ายี่ห้อนี้เป็นอย่างมาก ราคาแพงและดูไฮโซ ถ้าใครใช้ sony บ้านมีตังค์แน่นอน

ช่วงสมัยผมยังเป็นวัยรุ่น สักสิบกว่าปีมาแล้ว เครื่องเสียงรุ่นแรกที่ได้เป็นเจ้าของ คือ Sony MHC-GRX8 ซึ่งเก็บตังค์อยู่นาน แอบไปเป็นเด็กขนของร้านขายเครื่องไฟฟ้าโซนี่ ยังเคย

ซึ่งทำให้ผมผูกพันธ์กับสินค้ายี่ห้อนี้เป็นอย่างมาก แต่ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียงอะไรนักหรอก รู้แต่ว่ามันสวยมาก เท่มาก เห็นแล้วเกิดกิเลสอยากได้

ซึ่งแม้ในตอนแรก ๆ ที่อยากได้เครื่องเสียงชุดนี้

คุณพ่อ ที่ใจดีของผม ได้ยก MHC-W55 มาให้ผมได้ฟังก่อน เพราะไม่อยากให้เสียเงินซื้อ

ผมก็ไม่ค่อยถูกใจในหน้าตามันนักหรอก เพราะว่ามันดูเชย โบราณ ลำโพงสีดำ อะไรเนี้ย (แต่เสียงมันดีมากๆเลยนะรู้ป่าว)

อย่างว่าและ ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียง มีของดีกับตัวแต่ไม่เห็นค่า

พอได้ GRX8 มา ก็กระหนึ่มฟังเอามันส์อย่างเดียว แต่ก็ฟังออกว่าเสียงมันไม่เห็นดีเหมือน w55 เลย (ยกคืนพ่อไปแล้ว) 55

ในตอนนั้น เครื่องแยกชิ้น W550 กำลังจะตกรุ่น และมี w555 ที่สวยสุดตีนกว่าออกมาในตอนนั้น (แอบเสียดายแล้วตู)

ถ้าเล่าเรื่องเกี่ยวกับ มินิคอมโป กับผม คงยาวมาก ๆ แน่นอน ผมคงเล่าไม่หมด แต่รู้ได้คำเดียวว่าผมรัก เครื่องเสียง มินิคอมโป โซนี่มาก ๆ แบบหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้

ดังนั้น ผมจึงขออนุญาติพี่ี ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ลองรีวิวแบบจัดหนัก เครื่องมินิคอมโป sony ในรุ่นที่ผมได้เคยลองเล่น มาให้เพื่อน ๆ กันครับ

เริ่มจากตัวแรก
mhc-w55,w77av
ออกเมื่อปี 2539 - 2540
กำลังขับ 1200w pmpo หรือ 75w+75w rms ในรุ่น w55
และ 1500w pmpo ในรุ่น w77av
สำหรับในรุ่นนี้ จะมีลูกเล่นไม่มาก ส่วนใหญ่จะเน้นปรับ eq และ surround
ถ้าเป็นในรุ่น w77av จะเป็นระบบ Dolby Prologic 5 ลำโพง

ลำโพงเป็นแบบ 5 ทาง กรวยวูฟเฟอร์แบบกระดาษขอบโฟม
ทวิสเตอร์แบบกระดาษอาบน้ำยา

รุ่นนี้จะมีข้อสังเกตคือ ในรุ่นแรกๆ จะเป็นการนำเข้าทั้งหมด
จะมีเพียง รุ่นw77av เท่านั้นที่ทำในประเทศไทย แต่ในปีสุดท้ายของการทำตลาด
จะทำในไทยทั้งหมด

แนวเสียง จะเด่นที่เสียงกลางกับเบสที่นุ่มนวล ต่ำลึก และเสียงแหลมที่ใสมาก

iamfluke < จัดไปเลยคับฟลุ้ค ส่วนประสบการณ์ของผมรุ่นที่อยากได้มากๆคือ vx700av คับ คุณสมบัติครบทุกอย่างทั้งลูกเล่น เสียง หน้าตา ผมชอบที่มันมีแพแนลเปิดออกแล้วก็ปรับเสียงได้เจ๋งสุดๆ ผมว่าเด่นที่สุดในสมัยนั้นเลยไม่มีตัวใหนมีความโดดเด่นเท่าตัวนี้แล้ว เรื่องเสียงหายห่วงมากไม่ใช่สวยแต่หน้าตานะแต่เสียงโคตะระดีเลยคับ

เนื่องจากรุ่นนี้ทำตลาด ขายดีเฉพาะ w55 จึงไม่ค่อยเห็น w77av สักเท่าไร เนื่องจากการฟังในระบบโฮมไม่ค่อยฮิตว่างั้นเถอะ

ตัวต่อไปกันเลยครับ

sony mhc-w550,w770av,v7700av

ออกเมื่อปี 2540-2542
กำลังขับ 1500w pmpo หรือ 80w+80w rms ในรุ่น w550
และ 1800w ในรุ่น w770av,v7700av

สำหรับรุ่นนี้ ตัวสูงสุดในตระกูลจะเพิ่มความสามารถในการเล่น vcd 2.0 เข้ามา
ตัวเครื่องเป็นสีทอง และได้มีการปรับปรุงในระบบเสียงหลายอย่าง
แต่ยังคงลูกเล่นเดิมๆไว้ เช่น groove DBFB และ surround
ในรุ่น w770av,v7700av จะเป็น Prologic

ว่าจะมาเปิดภาคนี้ให้ ไม่มีเวลาเลยฉัน.... ยินดีต้อนรับทุกคนนะคร๊าาาาา!!!

อยากได้เซทนี้จัง 24,000 ที่ร้านชิชาง พรอมนาดา เชียงใหม่

@ปาล์มมี่ จัดเลย

@คุณเจษ ปล่อยของไปเยอะเลยนะครับ

@iamfluke สวยๆทุกเครื่องเลยครับ

iamfluke --- อิอิพี่ฟลุ๊คทำสตอรี่เจ๋งไปเลย

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ --- มันกึ่งคอมโปกับโฮม แต่สวยดี

Tohide --- ปล่อยให้หมดหน้าตัด!!!

@tohide...ยางๆๆ รอจัด Sony Walkman X 32gb ก่อน 555 // อยากฟังอีกอ่ะ

@พี่เจษ...ไปฟังมาแล้วค่ะ ใช้ไดรเวอร์ไซส์ใหญ่แบบคอมโปแต่จูนเสียงแบบโฮม ถามว่าชอบมั้ย ชอบมากกกกก!! 555 อิ่ม ใหญ่ แน่นคับห้อง

ลำโพงแบบ 5 ทาง ปรับปรุงวูฟเฟอร์ใหม่เป็น กรวยกระดาษขอบยาง
ขนาด 16 cm ให้ผลในเรื่องเบสที่มีคุณภาพมากขึ้น

ทวิสเตอร์แบบไทเทเนียมโดม 5cm ให้การกระจายเสียงแหลมที่ดีขึ้น

แนวเสียงตัวนี้จะยังนุ่ม กลางเด่นมาก เสียงร้องออกนุ่มหวาน คนละแนวกับ w55 ได้มิดเบสมากขึ้น เบสแน่นขึ้น แต่ยังคงรายละเอียดของดนตรีได้เป็นอย่างดี เสียงแหลมเป็นรอง w55 พอสมควรในแง่ปลายเสียง

มาต่ออีกที 555+

ตัวต่อไปกันเลยครับ

sony mhc-w555,w777av,v7770av

ออกขายเมื่อ 2542,2543

กำลังขับ 2000w pmpo หรือ 120w+120w rms ในรุ่น w555
และ 2400w pmpo ในรุ่น w777av,v7770av

รุ่นนี้จะมีลูกเล่นที่หลายๆคนน่าจะเคยเห็นคือ พาแนลพับได้ ปรับ eq ตั้งชื่อได้
ปรับ DBFB ได้ 4 ระดับ มี Groove และ dsp surround ในทุกรุ่น
โดยในรุ่นสูงสุดของตระกูลจะเล่น VCD2.0 ได้

ลำโพงได้รับการปรับปรุงใหม่

วูฟเฟอร์กรวยแบบใหม่สีเงิน ที่โซนี่เรียกมันว่า H O P woofer ขนาด 20cm
ขอบยางแบบผ่า ให้ข้อดีในเวลาเปิดอัด ทนทาน และดูสวยงามขึ่้น

ทวิสเตอร์ยังเหมือนรุ่นที่แล้ว แต่ได้มีการจูนเสียงใหม่ผ่านเนตเวิคค์ แนวเสียงใสกว่าเดิม เบสดีกว่าเดิมมาก ต่ำลึกสมบูรณ์ อิมแพคดี แต่เสียงกลางและรายละเอียดเสียงด้อยกว่าเดิมครับ

มาต่อกันด้วยรุ่นที่4ของตระกูลครับ

sony mhc-wx5,wx7av,vx700av


ออกขายเมื่อ 2543,2544

กำลังขับ 3400w pmpo หรือ 150w+150w rms center 60w rms
surround 40w+40w ในรุ่น wx7av,vx700av
และ 2500w ในรุ่น wx5


ถือเป็นความสำเร็จของโซนี่อีกรุ่นที่ขายดี โดยหลักๆรุ่นนี้แทบไม่เปลี่ยนในเรื่องระบบเลย
ในตัวเครื่องทำสีใหม่ปรับปรุงนิดหน่อยเท่านั้น (ไมเนอร์เชน) ว่างั้น

แต่ที่คิดใหม่ทำใหม่คือกำลังขับที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวเสียงต่างไปจากรุ่นเดิมที่เน้นไปทางสดมากขึ้น
นับเป็นรุ่นโหดอีกรุ่นของโซนี่ที่เสียงเบสดุมากเลยทีเดียว

ลำโพง วูฟเฟอร์ปรับเปลี่ยนใหม่ ดูคล้ายรุ่นเดิมแต่ไม่ใช่
เพิ่มขนาดกรวยและลดค่าความต้านทานลงด้วยการตัดครอสโอเวอร์ออกไป
แต่ใช้ c คุณภาพสูงแทน ให้ผลในเรื่องเสียงที่ดังขึ้น อิมแพคเบสที่แรงขึ้น
ด้วยวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่และกำลังขับที่เยอะนี้เอง ทำให้แม้เวลาปิดeqทั้งหมด
เบสยังออกดีอยู่เลย

ลำโพงทวิสสเตอร์เหมือนเดิมครับ แต่ตัดความถี่ใหม่ทำให้เสียงแหลมดี

ข่้อเสียของลำโพงคู่นี้ เสียงกลางจะหุบ ด้อยลงไปกว่ารุ่นที่แล้ว แต่ทดแทนด้วยเสียง
กลางต่ำและแหลมที่มีพลังแทน

รุ่นนี่้ของโซนี่ถือเป็นรุ่นสุดท้ายในแนวนี้ เพราะหลังจากนี้ไป เครื่องขนาดใหญ่ได้รับความนิยมลดลง

จึงทำให้ต้องเลิกทำไปพักนึง ดังนั้นตัวนี้จึงมีอายุในตลาดค่อนข้างนาน และยังเป็นที่ต้องการของตลาดมือสอง
เพราะหลังจากนี้ มินิคอมโปที่ให้เสียงกระหึ่ม มาครบ เริ่มหายไป

มาต่อกันที่รุ่นที่ 5 ของตระกูลแยกสองชิ้นกันครับ

sony mhc-wz7av,wz8d,wz80d

ขายประมาณปี 2547,2549

กำลังขับ 4000w pmpo หรือ 140w+140w rms 40w x3 center surround
ในทุกรุ่น

รุ่นแยก 2 ชิ้นหลังจากหายไปพักนึง เป็นรุ่นที่ดีไซน์มาสวยอีกรุ่น และใส่เทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปเช่น

ตัด DBFB ออกไป แต่ยังคงมี groove เพื่อบูสเสียง และ v-groove พร้อมระบบ
dolby digital 5.1 dts และตัวเครื่องยังอ่านแผ่น mp3 ได้ด้วย
โดยในรุ่นท็อปจะเล่น dvd ส่วนตัวรองจะเล่นแค่ vcd

ลำโพงแบบ hybrid dual woofer ขนาด 15cm สองตัว
และทวิสเตอร์อีก 1 ตัว เป็นลำโพงที่ให้เสียงกลางแหลมดี เบสจะแน่น
และมิดเบสเยอะ โดยรวมดี รายละเอียดเสียงสไตส์โซนี่ คือฟังสนุก
ครบเครื่อง ถ้าได้ซับตรงรุ่นมาเติม จะดีมาก เพราะลำพังคู่หน้า ยังขาด
เบสต่ำลึกพอสมควร

เครื่องตัวนี้หน้าจอจะเปลี่ยนสีได้หลายสี ถือว่าเป็นโซนี่ที่สวยน่าเก็บอีกรุ่น

ข้อเสียของรุ่นนี้คือ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก บางรุ่นในบางปี จะแถมหน้ากากลำโพงมาให้สองสี
หรือจัดโปรโมชั่นแถมซับมาด้วย

อีกประการคือ อะไหล่หายาก ซ่อมยาก เพราะตัวเครื่องถึงเป็นสองชิ้นจริง
แต่ภาคขยายกลับรวมอยู่กับเทป ส่วนเครื่องเล่นซีดีจะมีภาคปรีกับวิทยุด้วย
ดังนั้นการจะแยกส่วนเล่นเหมือนรุ่นเดิมๆ จึงเป็นไปไม่ได้ครับ

มาถึงรุ่นสุดท้ายของตระกูลครับ

sony mhc-wz88d

ขายเมื่อ 2548,2550

กำลังขับ 4000w pmpo 140w x2 40w x3

รุ่นแยกสองชิ้นรุ่นสุดท้ายครับ ในขณะที่ความนิยมเริ่มถดถอย
รุ่นนี้เหมือนโซนี่จะทิ้งทวน จึงเป็นรุ่นที่เล่น SACD ได้ ตัดลูกเล่นที่ไม่จำเป็นออกหมด
มีเพียง DSGX เพิ่มกำลังเสียงเท่านั้น หน้าจอสีฟ้าไม่มีสเปกตัมแล้ว
ปรับระบบเสียงรอบทิศทางได้ dolby digital DTS 5.1 ปรับ eq ได้

ลำโพงใช้ดอกเหมือนรุ่นที่แล้ว แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยตัวตู้ใหญ่กว่า
มีครอสโอเวอร์ พอร์ตระบายเสียงเบสทั้งหน้าและหลัง ทำให้เสียงเบส นุ่มลึกกว่าเดิม
พร้อมทวิสเตอร์ที่ให้เสียงแหลมได้ดี ฟังแล้วกลมกล่อมดีมาก กลางแหลม รายละเอียดดีทีเดียวครับ


ข้อเสียของรุ่นนี้ คือ หายาก เพราะตอนออกใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยมีคนซื้อแล้ว
อะไหล่ก็ไม่มี แถมทั้งชุด ทำในหลายๆประเทศอีก เช่นลำโพงทำในมาเลเชีย
ลำโพงเซ็นเตอร์และเซอร์ราวน์ทำในจีน ตัวเครื่องทำในไทยซะงั้น

ตัวสุดท้ายนี้ จะสร้างความภูมิใจให้กับเจ้าของที่ปิดตำนานมินิคอมโปแยกชิ้น รุ่นสุดท้ายในไทยครับ

iamfluke < ขอเสริมนิดนึ่งคับฟลุ้คกำลังขับของรุ่น vx700av 3800 w pmpo คับนอกนั้นก็เท่ากันหมดคับ รีวิวได้ดีคับในตระกูลสองชิ้นซีรี่ w แบบนี้ไม่ต้องดูโบรชัวร์
jetsadaton9999 < ห้องน่าจะโล้งไปเลยนะคับน้องเจษ พี่ว่าน่าจะเอาเครื่องที่แพ็คเก็บไว้มาเปิดบ้างนะเดียวมันจะไม่สบายหรือไม่ก็งอแง กลัวมันจะน้อยใจ อิอิ

กรรม ลงตัวเลขผิด อายจัง 555+

ตามมาดูวิวัฒนาการของตระกูลชิ้นเดียวในบ้านเรากันบ้าง

เอาตัวเด่น ๆ ในแต่ละซีรีย์มาแล้วกันครับ

เริ่มจาก ตัวที่ผมรู้จักก่อน ถ้าเก่ากว่านั้นต้องรบกวนพี่ ๆ คอยช่วยชี้แนะ อิอิ

MHC-G88

MHC-GR8

MHC-GRX8

MHC-GRX80

mhc-vx77

mhc-zx70dvd

mhc-dp1000d

mhc-rv8

mhc-gn88d

เดี๋ยวรุ่นตัวเดียวปามมาต่อให้เองค่ะพี่ฟลุค ซัก 5 ทุ่มเที่ยงคืนโน่นแหละ เดวต้องไปทำงานก่อน

โอเคครับน้องปามมี่

ที่ห้องซื้อขาย ผมโดนสวมรอยอีกแล้วครับ งง จริงๆครับ ไปแอบซื้อไม่บอกกันสักคำ

เสียใจจริงๆ

หารูปสวยๆให้ไม่ได้ แต่มาพร่ำเพ้อถึงcomponent ที่เคยเป็นที่ใฝ่ฝันในอดีตครับ

JVC UX t1
JVC EX TD5
และไฮเอ็นด์midi compo DENON D250 ^ ^

พี่เหน่งบา สวัสดีครับ

เข้ามาอ่านความรู้จากพี่iamflukeครับ

iamfluke < อย่าลืมรีวิวรุ่นสี่ชิ้นด้วยนะคับฟลุ้ค เพราะมันเป็นรุ่นท็อปโซนี่เลยคับอยากเห็นๆ

มาแล้วววววววววว!!! เริ่มเลยละกันนะ อาจจะร่ายกันค่อนข้างยาวหน่อย ทำเป็นบทความสั้นๆ ได้เลยนะเนี่ย 555555

ย้อนกลับไปสัก 20 - 35 ปีก่อน เป็นยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เจริญก้าวไกลไปอย่างรวดเร็วจนคาดไม่ถึง ความทันสมัยของเทคโนโลยี แปรผกผันกับจำนวนเม็ดเงินที่ต้องเสีย ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อเทคโนโลยีชั้นสูงได้ในราคาที่ถูกลง ส่งผลกระทบในด้านดีกับอุตสาหกรรมหลายๆ ด้าน สินค้าอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงทางภาพและเสียงก็เช่นเดียวกัน มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอด บริษัทหลายๆ บริษัท พยายามคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นเจ้าตลาด อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์หลายอย่างถูกคิดค้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในยุคนั้น ในตลาดโลก สินค้าอิเล็คทรอนิคส์เพื่อความบันเทิงทางภาพและเสียง ส่วนใหญ่มักจะกระจุกตัวอยู่ในตลาดยุโรปและอเมริกา มีหลายบริษัทที่เป็นบริษัทใหญ่และคนน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักบริษัทเหล่านี้ เช่น Altec Lansing, Bang and Olufsen, Bose, Harman Kardon, JBL, Marantz และอื่นๆ อีกมาก สินค้าของพวกเขา เพียบพร้อมด้วยคุณภาพ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของผู้ซื้อ ทั้งตลาดความบันเทิงภายในบ้าน และตลาดผู้ใช้ระดับสูง ยกตัวอย่างเช่น ลำโพง JBL L100 อันเลื่องชื่อ เป็นที่กล่าวขานกันถึงเรื่องน้ำเสียงที่ทรงพลัง หนักแน่น และราคาที่ไม่สูงเกินไปนักในยุคนั้น

ความสำเร็จของลำโพง L100 ทำให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ เร่งผลิตผลงานของตัวเองเพื่อออกมาต่อกรกับลำโพงรุ่นนี้ ตลาดเครื่องเสียงบ้านจึงเริ่มเฟื่องฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว และแผ่ขยายออกไปทั่วทุกมุมโลก

กลับมาที่เอเชียกันบ้าง ที่ญี่ปุ่น บริษัทโซนี่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1953 โดยนายอากิโอะ โมริตะ ซึ่งเคยโด่งดังจากการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องบันทึกเทปในนาม "เทปคอร์ดเดอร์" ในชื่อแบรนด์ของ "บริษัท วิศวกรรมโทรคมนาคมแห่งโตเกียว" ในปี 1946 โซนี่เติบโตมาจากการพัฒนาเครื่องรับวิทยุแบบทรานซิสเตอร์ ในปี 1955 และระบบโทรทัศน์แบบไตรนิตรอนในปี 1968 โซนี่เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำเอาเทคโนโลยีเสียงแบบสเตอริโอเข้ามาในญี่ปุ่น เป็นต้นแบบ และเป็นผู้ผลิตเครื่องเล่นเทปคาสเสตแบบพกพาหรือ "วอล์กแมน" อันโด่งดัง และครองตลาดได้นานถึง 20 กว่าปี (ถูกชิงตำแหน่งเครื่องเล่นพกพาด้วย iPod จาก Apple ในปี 2001) ปัจจุบัน โซนี่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพและเสียงอันดับต้นๆ ของโลก กับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สรรสร้างมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วอล์กแมนในปี 1979 แผ่นคอมแพคดิสก์หรือซีดีในปี 1982 เครื่องเล่นซีดีพกพารุ่นแรกของโลก "ดิสก์แมน" (หนึ่งในสี่จตุรเทพดิสก์แมนที่นักสะสมตัวยงอยากมีไว้ครอบครอง D-50, D-250, D-350 และ D-Z555 // ไม่เกี่ยว!!) กล้องวิดีโอเทป "แฮนดี้แคม" ในปี 1989 เกมเพลย์สเตชั่นในปี 1994 และ Bluray Disc ในปี 2003 (แผ่นน่ะออกตั้งแต่ 2003 เครื่องเล่นออกตั้งปี 2006 นานไปมั้ง 555)

เอารูปวอล์กแมนรุ่นโปรดของปามไปดูเล่นก่อนละกัน 555

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเอมดี 5555 เกือบลืมละ ทุกวันนี้แม้เอมดีจะหยุดสายพานการผลิตไปแล้ว แต่ก้อยังมีคนไม่น้อยเลยที่พูดถึงมนต์สเน่ห์ของเทคโนโลยีตัวนี้อยู่

//พี่ๆ ห้องเอมดีขา รบกวนใครเหนกระทู้นี้แล้ว ฝากแปะรูป MZ-1 ให้หน่อยเด้อ อิอิ

ตามมาด้วยคนครับ

ต่อๆ เลยละกัน ยาวไปๆ

มาที่วงการเครื่องเสียงบ้าน อย่างที่บอกไว้คือ... โซนี่เป็นผู้นำระบบเสียงแบบสเตอริโอเข้ามาในญี่ปุ่น และผลิตออกจำหน่ายทั่วโลก ด้วยความที่เป็นสินค้าญี่ปุ่น ในช่วงแรกๆ ที่วางจำหน่ายนั้น ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่หลังจากที่วอล์คแมนโด่งดังและได้รับความนิยมทั่วโลก ยอดจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ของโซนี่ก้อดีขึ้นตามลำดับ

อันนี้เป็นรูปเซทเครื่องเสียงสเตอริโอของโซนี่ในปี 1978 นะคะ สวยมากๆ เลย ตัดมาจากแคตตาลอกโซนี่ปี 1978 ค่ะ ขอบคุณเว็บ audioidiots.com ด้วยค่ะ

ตั้งตารอบทความจากปามมี่อย่างใจจดจ่อครับ

อันที่จริง เครื่องเสียงขนาดเล็ก หรือมินิคอมโปนั้นมีมานานแล้ว คาดว่าน่าจะเริ่มประมาณปี 1986 ปามเดาว่าน่าจะเปนการต่อเซคเมนท์ หรือต่อสายการผลิตมาจาก Boombox หรือไฮไฟแบบพกพาได้

อันนี้คือรุ่นที่ปามชอบนะคะ ทุกวันนี้น่าจะยังมีคนตามหามันอยู่ FH-7MKII ค่ะ ซึ่งในสมัยนั้น ตลาดเครื่องเสียงน่าจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มชอบของใหญ่ (ไฮไฟตู้กระจกทั้งหลาย) กับ ไฮไฟแบบพกพาได้ (บูมบอกซ์) ส่วนตลาดมินิคอมโปปามว่ายังไม่น่าจะเกิดนะตอนนั้น

ทำไปทำมากลายเป็น สารคดีเครื่องเสียงมหัจฉริยะมินิคอมโปแนนท์ ไปซะแล้ว ติดตามอย่างใกล้ชิดครับ *-*

นั่นสิคะ ออกทะเลไปนิดนึง 55555555555 // มะกี้เซงมาก ขี่รถไปเซเว่นเจอเด็กเปรตมันขี่รถปาดหน้าอ่ะ รมเสียมาก!! เดียะต้องเรียกค่าเสียหายซักแสนนึง > <'

ในปี 1981 โซนี่ได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงคอมโปแบบตั้งพื้น หรือ Rack system ที่มีชื่อว่า Liberty ออกสู่ตลาด จุดเด่นของ Liberty คือ ขายเปนเซท, ราคาไม่แพงหูฉี่เท่ากับซื้อแยกชิ้นแล้วมาประกอบรวมกัน, ใช้เทคโนโลยีเสียงชั้นสูง ลูกเล่นเยอะ เป็นต้น ในคือต้นแบบของ Liberty ในปี 1981 ค่ะ

ขอบคุณ sony.net สำหรับรูปด้วยค่ะ

Liberty ถือเปนประวัติศาสตร์ใหม่ สำหรับวงการเครื่องเสียงบ้านในยุคนั้นมาก เพราะคุณภาพเสียงที่สุดยอดในราคาที่ซื้อได้ไม่ยากนัก ทำให้เครื่องเสียงแบบนี้ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร อย่างรุ่นที่เห็นในภาพนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 225,000 เยน ถ้าคิดเปนเงินไทยปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 83,250 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างคุ้ม ถ้าเทียบกับการซื้อเครื่องเสียงแยกชิ้น ราคาต่ออุปกรณ์หนึ่งอย่าง ต้องเสียเยอะกว่านั้นมาก เรื่องนี้ต้องขอรายละเอียดจากพี่ฟลุคค่ะ ปามเองก้อไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน

ความสำเร็จของ Liberty ส่งผลให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ ในญี่ปุ่น แข่งขันกันทำเครื่องเสียงตั้งพื้นราคาประหยัดของตัวเองออกมามากมายหลายรุ่น ส่งผลให้ตลาดเครื่องเสียงบ้าน คึกคักพอๆ กับเครื่องเสียงพกพาในยุคนั้นเลยทีเดียว

ยกตัวอย่างเช่น Kenwood Roxy J9LD หนึ่งในสุดยอดเครื่องเสียงแบบ midi system ในยุคเกือบสุดท้าย ก่อนที่ Kenwood จะยกเลิกสายการผลิตไป อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น การนำเครื่องเล่นเลเซอร์ดิสก์มาใส่ไว้รวมกับเครื่องเล่นซีดี ซึ่งนับว่าสุดยอดมากในเวลานั้น แถมการนับซับวูฟเฟอร์เข้ามาเสริมระบบเบส ทำให้เสียงเบสของรุ่นนี้ อัดแน่น เต็มพลัง แต่เปนที่น่าเสียดายยอดขายของ Kenwood ในยุคนั้น สู้ของโซนี่ไม่ได้ ด้วยเหตุที่ราคานั้นสูงมาก และในสมัยนั้น ถึงแม้ว่าเลเซอร์ดิสก์จะเป็นฟอร์แมตที่ให้คุณภาพของภาพดีกว่าวิดีโอเทปอยู่หลายเท่าตัว แต่ก้อมีคนเล่นเจ้าแผ่นนี้อยู่ในกลุ่มน้อย เพราะด้วยราคาที่สูงและความยุ่งยากหลายๆ ประการ ถ้าใครเคยเล่นเลเซอร์ดิสก์จะรู้ ขนาดของเลเซอร์ดิสก์ที่ใหญ่พอๆ กับแผ่นเสียง กล่องแปลซับไตเติลที่ราคาแพงมหาโหด และสามารถแปลได้แค่ 1 ภาษาต่อหนัง 1 เรื่องเท่านั้น ซึ่งโดยรวมถือว่าแพงเอามากๆ

ซับวูฟเฟอร์เองก้อเช่นกันที่เป็นจุดอ่อนอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เคนหวูดไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าซับวูฟเฟอร์ จะช่วยทำให้เสียงเบสหนักแน่น และสมจริงมากขึ้น แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก้อมองว่าซับวูฟเฟอร์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะตัวลำโพงคู่หน้าเองก้อให้เสียงเบสที่หนักแน่นพออยู่แล้ว

LBT รุ่นแรกๆจัดเต็มมาก ดูแล้วครบเครื่องสมราคาเลย แต่ดูเหมือนมีสองราคาให้เลือกแล้วแต่ออฟชั่นใช่มั้ยคับ

Sony Liberty ได้รับความนิยมอยู่ช่วงนึง จนมาถึงปี 1989 Sony ก้อได้ออกกลุ่มเครื่องเสียงตัวใหม่ ในชื่อน่ารักๆ ว่า Pixy โดยรวมมันก้อคือเครื่องเสียง Liberty ที่ลดขนาดลงนั่นเอง ด้วยขนาดที่ลดลงแต่ได้คุณภาพเสียงที่ถือว่าดีเทียบเท่ากับรุ่นใหญ่ๆ ทำให้ pixy ได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้ที่ไม่มีพื้นที่มากจนสามารถเครื่องเสียงชุดใหญ่อย่าง Liberty ได้เต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันกั้อไม่อยากได้ชุดเล็กระดับไมโครอย่างตระกูล FH ตัว Pixy นั้นถือเปนทางเลือกที่ดีสำหรับพวกเขา

จุดเด่นของเครื่องเสียงตระกูลมินิคอมโปอย่าง Pixy นั่นก้อคือ การใช้เทคโนโลยีเสียงที่เรียกได้ว่าล้ำหน้ารุ่นใหญ่ไปพอสมควร ด้วยเหตุที่ตัวเครื่องเล่นและลำโพงมีขนาดที่เล็กกว่า ทำให้เครื่องเสียงตระกูลนี้ถูกอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเสียงแบบต่างๆ เพื่อให้เสียงที่ออกมานั้น ใกล้เคียง หรือเทียบเท่ากับรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าตลาดเดิมอยู่ก่อนแล้ว การที่จะทำให้เครื่องเสียงขนาดกลางเกือบขนาดเล็ก มีพลัง หรือกระหึ่มสะจิตสะใจเท่ารุ่นใหญ่ๆ ในราคาที่ถูกกว่านั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก วิศวกรต้องคิดหนักกันเลยทีเดียว

//ในที่สุดก้อเข้าประเด็นจนได้ ร่ายซะยาวเลยกู มาเริ่มกันที่รุ่นแรกค่ะ มินิคอมโปรุ่นแรกของโซนี่ เปิดตัวมาด้วยรุ่น MHC-P77 ถือว่าเปนรุ่นปฐมบทของเครื่องเสียงมินิคอมโปเลยทีเดียว

@Robot...ใช่ค่ะ เครื่อง LBT สมัยนั้นจะให้เทป วิทยุ รีซีฟเวอร์ อีควอไลเซอร์กับลำโพงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รุ่นสูงๆ จะบรรจุเครื่องเล่นซีดีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ในรุ่นกลางๆ หรือรุ่นต่ำๆ ก้อจะให้เป็นออพชั่น เช่น ถ้าเอาเครื่องเล่นซีดี หรือเอาเทปแดท หรือเอาเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วย ก้อจะคิดเพิ่มไปค่ะ

ปามมี่ ผมภูมิใจที่มี เจ้า pixy77 หรือ fh717r อยู่ อิอิ เจ้า lbt คห 65 เห็นแล้วน้ำลายไหล จัดเต็มมากๆๆๆๆ

โรบอท เห็นแล้วอยากหา เจ้า lbt เหมือนพี่ไหมอือิ

ฟลุค กลับมาแล้ว ไปดูแล เมียและลูกอยู่ 40 ชม อิอิ

tohide ให้มีความสุขกับเครื่องคอมโปนะ

เจษ พักผ่อน ฟังเพลงให้ผ่อนคลาย นะ

5555 เพิ่งเปิดเจอในเว็บค่ะ ก้อเลยเอาลงมาเลย

Pixy ประสบความสำเร็จในตลาดมาก ขายดีกันแบบสุดๆ ยี่ห้ออื่นพอรู้ข่าวปุ๊บ ก้อต่างส่งรุ่นของตัวเองออกมาขายกันยิ่งกว่า โดยชูโรงที่คุณภาพเสียงและดีไซน์ที่สวยงาม แต่ขอโทดนะคะ สู้โซนี่ไม่ได้ซักตัว 5555 ต่อมาไม่นานโซนี่ก้อได้ออกรุ่นใหม่ คือรุ่น MHC-P99X ซึ่งเปนรุ่นที่พัฒนามาจาก P77 เดิม ชูจุดเด่นที่การปรับอีควอไลเซอร์แบบพาราเมตริกกราฟฟิก ระบบเสียงเบสที่ไปเอามาจาก Liberty นั่นคือ Dynamic Bass Feedback หรือ DBFB เอามาใช้แทนระบบ Super Acoustic Turbo หรือ SAT เดิม ซึ่งถือว่าล้ำเลิศจิงๆ รุ่นนี้ก้อขายดีตามคาดค่ะ ค่าตัวของ P99X ตอนนั้นไม่แน่ใจว่ากี่บาทนะ แต่รุ่นรองของมัน P77X ราคาตอนนั้นอยู่ที่ 110,000 เยน (ประมาณ 40,000 บาท)

สำหรับเมืองไทย โซนี่ได้ส่งรุ่น FH-E929 มาขายซึ่งก้อทำตลาดได้ดีทีเดียว แต่ก้อยังสู้เครื่องเสียงรุ่นเล็กราคาสุดคุ้ม แถมเสียงดีเกินตัวไม่ได้ รุ่นที่ว่านั่นก้อคือ FH-311 อันโด่งดัง วางขายตั้งแต่ปี 1988 แต่ขายดีเปนเทน้ำเทท่า ค่าตัวตอนนั้นอยู่ที่ประมาณหกพันห้าสะพานเหล็ก คุ้มจิงๆ นะรุ่นนั้นอ่ะ 55555 ทุกวันนี้ก้อยังมีแบบ NEW OLD STOCK ขายอยู่ตามเว็บ ใครอยากได้ไปเก็บก้อเต็มที่เด้อ 55555

นี่คือรุ่น FH-311 ตำนานเมืองไทยค่ะ ขายดีมากๆ เลยตัวนี้ ใครเคยฟังจะรู้ว่าเสียงมันดีขนาดไหน 555555 ขอยืมรูปหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

รุ่น 311 บ้านอาผมมี เสียงดีแบบติดเทอร์โบ ถ้ากดปุ่ม SAT

น่าจะย่อมาจาก super acoustic turbo

edward_jong --- ต้องขอโทษด้วยครับพี่ พักนี้งดงานซ่อมอะครับ มือผมไม่ค่อยนิ่งครับต้องจับแบ้งค์ทั้งวันครับ 555

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ --- ดีเลยครับน้องปาล์ม พี่จะเซฟเก็บไว้เลย เป็นคอล้มนิสเครื่องเสียงได้เลยนะเนี่ย

robot --- อิอิ ปล่อยไปเยอะหละครับ พี่อุเทนบอกให้ไปลองเครื่องแยกชิ้นได้แล้ว 555 อาจจะปล่อยเพิ่มอีกเร็วๆนี้

iamfluke --- หาต่อไปครับพี่สู้ๆเดี๋ยวต้องเจอแน่นอนครับพี่

Tohide --- อิอิ อยากรู้เรื่อง sony ถามน้องปามได้เลย 555

ระบบ DBFB ผมเพิ่งรู้ว่ามาจาก LBT นะเนี้ย คาราวะน้องปามมี่จริงๆ
ข้อมูลแน่นปึ้ก

อ่ะ อันนี้พักเบรกก่อน เดี๋ยวคนเขียนหมดแรง 5555

พอมาถึงปี 1991 โซนี่ก้อได้ออกมินิคอมโปรุ่นเทพออกมา ตัวนี้แหละ เป็นตัวตำนานที่นักสะสมเครื่องมินิคอมโปหลายๆ คนอยากได้ รุ่นนั้นก้อคือ MHC-P909

ในช่วงนั้น เทคโนโลยีเสียงสำหรับเครื่องมินิคอมโปก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้ผลิตรายต่างๆ พยายามที่จะยัดเอาเทคโนโลยีต่างๆ ใส่เข้าไปในมินิคอมโปของตัวเอง หนึ่งในนั้นก้อคือเทคโนโลยีสนามเสียงเซอร์ราวด์โดยใช้เพียงแค่ลำโพงเพียง 2 ตัวคู่หน้าที่ได้รับความนิยมมาก จุดนี้เองที่ทำให้โซนี่ต้องเข็นเอาเทคโนโลยีเสียงเซอรราวด์ออกมาใช้บ้าง

ในสมัยนั้น เครื่องเสียงมินิคอมโปส่วนมาก ยังทำสนามเสียงเซอร์ราวด์ได้ไม่ดีนัก (ในความรู้สึกคนเขียนนะ) ถึงแม้ว่าจะมีการนำระบบ Digital Signal Processing มาใช้แล้วก้อตาม และมินิคอมโปสมัยนั้นมีตัวเลือกให้ปรับใช้ระบบเสียงเซอร์ราวด์ไม่เยอะมาก อย่างมากก้อ Disco, Live, Hall หรือไม่ก้อ Live, Hall, Arena, Stadium ทำนองนั้น แต่ P909 จัดเต็มยิ่งกว่า เพราะนางไปเอาระบบการจูนเสียงเซอร์ราวด์แบบ D.P.S หรือ Digital Presence Surround รวมไปถึงระบบ Digital Dynamic Sound หรือ D.D.S และ Digital Parametric Equalizer หรือ D.P.E ทำให้เสียงที่ออกมานั้นมีมิติสมจริงกว่ารายอื่นๆ มาก (แต่ถึงอย่างนั้นก้อขึ้นอยู่กับการจัดวางลำโพงอีกทีหนึ่ง) จุดเด่นของ P909 คือการปรับอีควอไลเซอร์และระบบเสียงเซอร์ราวด์ที่หลากหลาย (จำไม่ได้ว่ากี่แบบแต่เยอะมาก) การปรับเสียงเบสแบบ DBFB ก้อยังมี่ใช้อยู่ในรุ่นนี้ แถมมีเทปแดทกับซับวูฟเฟอร์เปนอุปกรณ์เสริมด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ P909 ยังแตกไลน์การผลิตออกไปเปนรุ่นย่อยๆ ต่างๆ มากมาย เช่น P909D ตัวเครื่องสีทองแบบลิมิเต็ด รุ่น Stanz หรือ P909W ที่มีการนำซัพวูฟเฟอร์มาใช้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ในบ้านเรา โซนี่ก้อได้นำเอารุ่น P909 มาขายเช่นกัน แต่ได้รับการเปลี่ยนชื่อรุ่นเปน FH-E939CD (เปลี่ยนทำไม?) สนนราคาอยู่ที่ 38,000 บาท รึเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน อ่ะเอารูปไปดู พี่ในบอร์ดนี้มีตัวนึง จำไม่ได้ว่าใคร รบกวนลงวิดีโอตอนปรับเสียงหน่อยค่ะ หน้าจอรุ่นนี้สวยมากๆ เลย

@พี่ฟลุค ข้อมูลตรงนี้ปามไม่ค่อยแน่ใจนะคะ เดี๋ยวลองเช็คอีกที เพราะเท่าที่ปามเคยเหนมา DBFB มันเคยอยู่ใน LBT รุ่นนึง ปามจำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า เดี๋ยวถ้าใครมีข้อมูลอะไรหรือผิดพลาดตรงไหนเสริมได้เต็มที่เลยนะคะ

http://ameblo.jp/marumo-enjoy/entry-10941508283.html

ข้อมูลของรุ่น P909 ค่ะ ปามไปได้มาจากบล๊อกนี้ เจ้าของบล๊อกเปนคนญี่ปุ่นค่ะ อาริกาโตะโกไซมัส อิอิ

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ < E939 ของผมเองคับ อิอิ
อันนี้ลิ้งของเมืองนอก
http://www.youtube.com/watch?v=uch5Sc6QLww
อันนี้ลิ้งของผม
http://www.youtube.com/watch?v=TPY3-E_NVKM

อ่ะพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวขอกลับไปรวบรวมข้อมูลก่อนนะคะ

ในปี 1992 โซนี่ก้อได้ออกรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ E939CD ออกมาขายในไทยและตลาดต่างประเทศ เท่าที่รู้รุ่นนี้ไม่มีขายในญี่ปุ่นนะ รุ่นที่ว่านั่นก้อคือ FH-E959CD รุ่นนี้มีจุดเด่นคือระบบ Bi-Amp ซึ่งมันดีกว่าปกติยังไงก้อไม่ทราบเหมือนกัน แต่เค้าบอกว่าจะทำให้เสียงกระหึ่มขึ้นกว่าเดิม รุ่นนี้มาพร้อมตัวเครื่องสีทองอร่ามพร้อมกับลำโพงที่ออกแบบมาใหม่ ส่วนคุณสมบัติด้านอื่นก้อไม่มีอะไรมาก ยังคล้ายๆ กับรุ่น E939 เดิม ปามไม่ค่อยมีข้อมูลตัวนี้เลย ใครมีช่วยเสริมหน่อยค่ะ ^^

เท่าที่รู้รุ่นนี้จะมีลำโพงให้ 2 แบบนะคะ ถ้าขายที่อเมริกาจะใช้แบบในรูป แต่ถ้าขายที่บ้านเราจะใช้ลำโพงคล้ายๆ รุ่น 939 แต่หน้ากากจะไม่ครอบถึงรูปล่อยเบส

@Robot...ลิ้งค์เมืองนอกนี่เค้าเล่นเพลง Die Another Day ของไอดอลปาม "มาดอนน่า" สุดพลังเลยนะนั่น 5555

ปามมี่ หัวกระทู้พี่บอกหมดแล้วตัว fh 959 นะจ๊ะ.... สเปกคร่าว 959 ส่วนเครื่องพี่ยังเปิดฟังคู่กับ 858 ทุกวันอิอิ

เจษ ไม่เป็นไร

ฟลุค เดินทางดีๆๆ นะ เอารถไปเลยเผื่อฝนตก (ที่จริงเผื่อขนของให้พี่อิอิ)

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ < สงสัยเจ้าของเครื่องเค้าคงจะชอบด้วยมั้งคับเลยเปิดซะแรงเลย 555
edward_jong < กลับบ้านที่ กทม.วันใหนกระซิบบอกด้วยนะคับพี่ ผมรออยู่ อิอิ

โซนี่ครองเมืองจิงๆ ค่ะยุคนั้น เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ตอนนี้ขอพักก่อน รถล้มมาตั้งแต่เที่ยง เจบอยู่เลย :(

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ < ตกลงเฉี่ยวจนล้มหรือคับ ผมนึกว่าไม่ล้มแค่ผาดหน้าเท่านั้น งั้นก็ขอให้หายเจ็บไวๆนะคับ

หายป่วยไวไวครับน้องปามมี่ เอาใจช่วยอยู่

อยากให้กระทู้ดีดีกระทู้นี้เก็บไว้นาน ๆ เลย มีคุณค่ามาก ๆ

ทั้งข้อมูล ทั้งความรู้สึกของทุก ๆ คนที่มาโพส มันโดนใจจริง ๆ ครับ

ขอบคุณห้องแห่งมิตรภาพจริง ๆ ชอบจริง ๆ เวลาคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มาคุยกันเนี้ย มันถูกคอจริง ๆ ครับ

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ < ผมขอเสริมนิดนึ่งคับ E959 ที่ขายในเมืองไทยลำโพงก็เหมือนกัน ฝาครอบมันปิดเหมือนในรูปเลย เพราะผมพึ่งขายให้พี่อุเทนไปคับ ส่วนรุ่นที่ไม่ครอบน่าจะเป็นรุ่น MHC-6600 limited มากกว่าคับ อันนี้รูป 6600 คับผิดถูกยังไงต้องขออภัยด้วยคับ

อันนี้รูปลำโพงข้างในเหมือนกับรุ่น e939 เลยคับ

อ๋อค่ะ ปามเองไม่ค่อยแน่ใจเพราะว่าไม่ค่อยมีข้อมูลรุ่นนี้อ่ะค่ะ แต่ปามเพิ่งไปเจออันนี้มาก้อเลยงงๆ 555

ปามว่ารุ่นนี้สวยดี การออกแบบอะไรต่างๆ ดูลงตัวไปหมดเลย

สวยๆ ชักชอบขึ้นมาแล้ว ตัวเครื่องสีทอง สวยมาก

ต่อๆ กันค่ะ ในปีปลายปี 1992 ต่อ 1993 โซนี่ก้อได้ออกรุ่นใหม่ อีกแล้ว ในชื่อรุ่น MHC-J900EX หรือ Pro Pixy รุ่นแรก เทคโนโลยีของรุ่นนี้ที่เพิ่มเข้ามาคือระบบลำโพงแบบท่อลมคู่ ซึ่งจะให้เสียงเบสดีกว่ารุ่นเดิม และสามารถปรับความถี่เบสได้ตามต้องการ หรือระบบ Dynamic Bass System ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าคู่แข่งในตลาดค่อนข้างมาก ส่วนระบบปรับเสียงเซอร์ราวด์จากรุ่นก่อนๆ ก้อยังมีให้เลือกปรับเหมือนเดิม

ส่วนบ้านเรา ในปี 1993 โซนี่ก้อส่งมาขายในชื่อของ FH-E9X ในแคมเปญของ Super FH Emblem ซึ่งทำโฆษณาออกมาเปนผู้ชาย 2 คนใส่หูฟังฟังเพลงจากรุ่นนี้อ่ะค่ะ เมื่อก่อนในยูทูบมีให้ดูแต่ตอนนี้หายไปแล้ว

นี่ๆๆ ปรับเบสได้

มีให้เลือกปรับเหมือนเดิมนะจ๊ะ

มีอีก

ปรับ Dolby ได้ด้วย เริดๆๆๆ

http://www.jdbbs.com/thread-4659816-1-1.html รูปทั้งหลายเอามาจากเว็บนี้นะจ๊ะ อยากดูเยอะๆ ไปดูเว็บนี้เลย ^^

เกาะขอบกระทู้ ติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับตัว J900EX นั้น โซนี่ได้ออกอีกรุ่นนึงสำหรับคนที่อยากฟังเพลงจากเทปแดท ออกมาในรุ่น J1000Ex เหมือนกับตัว 900EX ทุกอย่าง แต่เปลี่ยนจากเทปคาสเซทเปนเทปแดทแทน

เดวมาต่อให้ตอนดึกๆ เน้อ ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานก่อนค่ะ อดใจรอหน่อยเน้อ 555

โอ้วว J900EX ลูกเล่นในการปรับเสียงเยอะมาก ส่วนตัวเครื่องกับลำโพงก็ดูดุได้ใจจริงๆเป็นรุ่นที่ชอบอีกรุ่นที่อยากลองฟังเสียงมาก!!

มีแต่รุ่นเทพๆทั้งนั้นเลยอะ

เฮือก เห็นภาพแล้ว อลังมาก

น่าจะมีแต่ตัวเทพจริง ๆแหะ

เงียบๆดันไป

หวัดดียามดึก ทุกท่าน

ปามมี่ อนาคตเนี่ยน่าจะรับเขียนบทความได้เลยนะเนี่ย หาข้อมูลไร ได้ละเอียดใช้ได้ อิอิ

โรบอท ตัวข้างบนเป็น fh b190 มั้ง ผมมีตัว 170 อยู่เสียงนุ่มใช้ได้ครับ

ตัว J900EX หรือ e9x ในบ้านเรา นั้น ขายปี 1994 ครับ ผมเคยดูที่โชว์รูม่แล้ว รูปร่างสวยงาม แต่วัสดุเริ่มเป็น พลาสติกมากขึ้น ประหยัดเเม้กระทั่งโลโก้ เอาสกรีนสีขาวขุ่นแทน เห็นแล้วไม่ประทับใจเลย เป็นตัวที่แทน fh 959 น่ะ บ่งตอง ท่อลมคู่มันแค่ ปรับหน้าตาท่อเบสเฉยๆๆ ไม่ได้จูนเสียงเบสขึ้นเลยนะ นึกถึงพวกรถที่ไปพ่วงปลายท่อไอเสียให้มีครบสองข้าง (จริงการจูนเบสของโซนี่นั้นมาจากปริมาตรตู้ภายในต่างหาก ไดรเวอร์ก็ยังเป็นแบบกรวยกระดาษ ขอบโฟม เหมือนตัวรุ่นก่อนครับ

เจษ ไม่เป็นไร เพ่เข้าใจดี

ฟลุค ค่อยๆๆ เดินน่ะ บอกแฟนเลือกของใช้นานๆ เลยอิอิ

ลืมบอกไปค่ะ โซนี่มักจะมีการออกรุ่นใหม่ช่วงกลาง - ปลายปีค่ะ ประมาณไตรมาสที่ 3 - 4

โอเคค่ะ กลับมาต่ออีกนิดหน่อย ในปี 1994 ที่ญี่ปุ่น ได้มีการเปิดตัว Pixy มาอีก 1 รุ่น ในชื่อของ Pro Pixy Esprit ในชื่อรุ่น MHC-J970EX ตัวนี้เป็นอีกรุ่นนึงที่มีการกล่าวขานถึงเทคโนโลยีขั้นเทพของโซนี่ นั่นก้อคือ การนำลำโพงแผ่นฟิล์ม หรือ Electrostatic มาใส่ในเครื่องมินิคอมโป ซึ่งตอนนั้นก้อถือว่าฮือฮามาก ถ้าพูดถึงลำโพงแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงลำโพงแผ่นฟิล์ม ตั้งพื้นราคาเรือนแสน เกือบล้าน เช่น Martin Logan, Apogee เป็นต้น แต่อยู่ดีๆ โซนี่ก้อทำลำโพงแนวนี้ออกมา แล้วขายในราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด ทำให้รุ่น J970EX อยู่ในความสนใจของตลาดค่อนข้างมากทีเดียว

ในบ้านเรา J970EX ถูกเปลี่ยนชื่อเปน P100X เปนรุ่นที่ถือว่าขายดีกันพอสมควร เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจ ณ ตอนนั้น (ดัฉนีหุ้นไทยพุ่งสูงแตะหลักพันจุดในช่วงกลางปี 2537) ราคาเปิดตัวตอนนั้นอยู่ที่ 48,000 บาท และในช่วงนั้นเองที่โซนี่ได้ส่วนแบ่งการตลาดด้านเครื่องเสียงเยอะที่สุดในไทย อันที่จิงน่าจะครองมานานละนะ (ข้อมูลจากนิตยสาร Audio Hifi ปี 2537 เดี๋ยววันหลังจะถ่ายรูปมาให้ดู ตอนนี้ขอไปคุ้ยหนังสือเก่าก่อน) แต่ที่น่าเสียดายที่ตลาดทีวีสีถูก Panasonic แย่งไปครอง หลังจากที่พานาประกาศหั่นราคาทีวีสี 21 นิ้วของตัวเอง จากราคา 11,000 กว่าบาทเหลือแค่ 7,000 กว่าบาท ซึ่งเทียบเท่ากับราคาทีวีสี 14 นิ้วในตอนนั้น ทีวีของพานาขายดีเปนเทน้ำเทท่ามากในบ้านเราตอนนั้น ที่บ้านปามก้อมีอยู่ตัวนึง 25 นิ้ว ตอนนี้ยังอยู่ดี หลอดยังไม่พัง ดูได้ปกติ

อีกตัวนึงในปี 1994 ที่เปนรุ่นรองของ P100X นั่นก้อคือ E90X กับพลังเสียงที่ขับได้ถึง 1,000 วัตต์ ในยุคนั้นคือถือว่าเยอะทีเดียว

ออพชั่นการปรับแต่งก้อคล้ายๆ กับตัว FH-E9X ค่ะ

พอมาถึงปี 1995 โซนี่ก้อได้ออกมาอีก ในชื่อรุ่น Pro Pixy Elestat หรือในรหัส MHC-S90C ที่ชูจุดยืนเรื่องลำโพงแผ่นฟิล์ม Electrostatic แต่คราวนี้โซนี่มาแปลก คือ เวอร์ชั่นที่ออกจำหน่ายในญี่ปุ่น กับในต่างประเทศจะเปนคนละเวอร์ชั่นกัน คือใช้ลำโพงรู้สึกจะรุ่นเดียวกันแต่ใช้เครื่องเล่นคนละชุดกัน เวอร์ชั่นที่ญี่ปุ่น จะเล่นซีดีได้ 5 แผ่น มีไฟกราฟฟิกสวยงาม ปรับอีควอไลเซอร์ต่างๆ ได้หมด คล้ายๆ กับรุ่นปี 1994

แต่สำหรับเวอร์ชั่นขายนอกญี่ปุ่น อย่างที่บ้านเราก้อจะได้อีกเวอร์ชั่นนึงมาแทน เรียกว่าเปนคนละรุ่นกันไปเลยก้อว่าได้ บ้านเราใช้ชื่อรุ่นว่า MHC-EX10AV ซึ่งถูกตัดออพชั่นออกไปค่อนข้างมาก ซีดีจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่เล่นได้ 5 แผ่น บ้านเราเล่นได้แค่แผ่นเดียว อีควอไลเซอร์ล้ำๆ ถูกตัดออกเอาปุ่มปรับเสียงเบสเสียงแหลมมาแทน Dolby Prologic มีให้เหมือนเดิม ปรับได้ 4 แบบ แถม Digital Signal Processing (D.S.P) มาให้อีก 4 แบบ (เพื่ออออออ!!?)

อันนี้เปนรูปเวอร์ชั่นญี่ปุ่น S90C

เทียบกะบ้านเรา EX10AV

ในปีเดียวกัน โซนี่ก้อได้ออกมินิคอมโประดับโคตรพรีเมี่ยม ชูจุดยืนด้วยลำโพงแผ่นฟิล์ม แต่ใช้เครื่องเล่นระดับสูง แอ๊บพรีเมี่ยม รุ่นที่ว่าคือรุ่น Compo S หรือมีชื่อเล่นว่ารุ่น Scala นั่นเอง

อีกรุ่นนึงที่วางจำหน่ายในปี 1995 เปนรุ่นรองของ EX10AV ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ EX9AV ตัวนี้มีจุดเด่นที่ แถมลำโพงเซนเตอร์เซอร์ราวด์มาให้ในชุด เพื่อมารองรับกับระบบ dolby prologic ทำให้ตัวระบบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่วนตัว EX10 ไม่แน่ใจว่าจะแถมให้รึเปล่า ข้อมูลช่วงนี้น้อยมากๆ ค่ะ

บ่ายวันอาทิตย์อันแสนผ่านไปรวดเร็ว นั่งฟังเพลงจิบกาแฟ หลับตาและคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

สุดยอดข้อมูลน้องปามมี่

@ iamfluke สวัสดีครับ คุณฟลุ๊ค

แวะมาห้องนี้บ้าง เห็นแล้วนึกถึง ความหลังเก่าๆ ยังไงไม่รู้

น้อง ปามมี่ สาวเชียงใหม่ชอบจริงอะไรจิงข้อมูลแน่นมากครับ
เห็นหารูป mz1 แวะมาแปะให้ครับ ส่วนaiwa amd-100เป็นตัวโคลนของsony mz-1 ครับ

โอ้ย ไม่ได้สุดยอดข้อมูลอะไรหรอกค่ะ 555 ก้อพอเอามาปะติดปะต่อกันได้บ้างล่ะค่ะ ไม่ได้เยอะอะไรเลย

ต่อๆ กันค่ะ เรื่องของเรื่องก้อคือ ตอนนี้ปามมีข้อมูลในรุ่นถัดจากนี้น้อยมาก ปามจะเขียนเท่าที่รู้นะคะ

MHC-EX100 คาดว่าตัวนี้น่าจะเปนตัวไมเนอร์เชนจ์ของรุ่น EX10AV น่าจะออกพร้อมกับพวกตัว G99AV, G88, G77 พวกนั้น ดีไซน์โดยรวมก้อคล้ายๆ กับ EX10 แต่ลำโพง Electrostatic ออกแบบมาใหม่ ทรงสวยมาก รุ่นนี้โซนี่ได้นำเอาเทคโนโลยีเก่า ที่เคยใส่ไว้ใน P100X กลับมาอีกครั้้ง โดยที่รุ่นนี้จะใส่อีควอไลเซอร์มาให้จุใจอย่างเดิม รูปแบบเสียงเซอร์ราวด์ต่างๆ ที่เคยใส่ไว้ในรุ่นก่อนๆ มาใส่ในรุ่นนี้อีกครั้ง

ลำโพงสวย ^^

ไฟๆๆ

กลับมาแล้ว!! อีคิวที่ชั้นอยากได้ ^^

พีีๆทุกท่านครับ ผมอยากให้พี่ปามมี่ เปิดห้อง CD Walkman และ Discman และลงประวัติข้อมูลอย่างนี้บ้างจะพอเป็นไปได้มั้ยคับ พอดีผมหาในมั่นคงแล้วไม่เจอเลย เห็นมีแต่ห้องหูฟัง ห้องมินิคอมโป ห้องเอ็มดี เองครับ

ปล.ถ้าไม่เหมาะสมต้องขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วยครับ

เอาตรงนี้ให้เสดก่อนค่ะ มันเยอะ!! แล้วคราวหน้าถ้าใครจะรีเควสอะไรกับฉันขอล็อกอินมีรูปเท่านั้นนะ ไม่อยากเจอพวกกวนตีน เจอมาเยอะในบอร์ดนี้ รำคาน

ถ้าอยากได้เรื่องตระกูลวอล์กแมน เอาเว็บนี้ไปดูก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆ จะเขียนให้

http://www.sonyvintage.com/

ปามมี่ สาวเชียงใหม่ --- เพื่อเป็นการให้กำลังใจคอมลัมนิสท์ น้องปามเลือกเลยครับอยากได้ตัวไหน เลือกมา 4 ชิ้น อิอิ เมลล์มาเลยครับ ยกเว้น รีโมท vcd วิทยุ อิอิ อันนี้ขอเก็บไว้ครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=118576

อัพเดตจากตลาด วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลยครับ ผิดหวังจริงๆ

เสริมจากน้องปามมี่ครับหลังจากที่ MHC-EX100 ออก จะเป็นปีที่ รุ่น MHC-W55 ในปีถัดไปครับ

รุ่นนี้ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นรุ่นแรกที่โซนี่ ดีไซน์ดอกลำโพงทวิตเตอร์ทั้งสองด้าน
ออกให้มีมุมกระจายเสียงที่กว้างขึ้น และใช้ต่อมาใน gr w grx ในอีกหลายๆรุ่นครับ

หน้าตาของลำโพง ที่มีทวิตเตอร์ข้างซ้ายและขวา

ยังมีอีกคับ รีวิวต่อกันเลยอยากเห็นๆ

ปามมี่ ใจเย็นๆๆๆ อดกลั้นกับสิ่งเร้า....นะ ใครกวนตีนมา ถีบไปเลย อิอิ
อิ
พี่โย ว่างๆ พี่มารีวิว ความหลังเครื่องพี่บ้าง

เจษ ให้รางวัลพี่ๆๆบ้าง ปามมี่เขาขอเครื่องคอมโปสวยๆๆ จะให้ บ่ อิอิ
ฟลุค ไม่เป็นไร สงสัยฝนตก และข่าวลือที่มันสะพัดไปๆๆมาๆๆ

โรบอท ใจเย็น ครับ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่สงสัยลงไปแน่นอนนะ ....

@พี่เจษ...ไม่เปนไรค่ะ ขอ Sony Walkman X 32GB ตัวเดียวก้อพอละค่ะ 55555

@พี่อุเทน...ปามเจอมาเยอะค่ะกับบอร์ดเนี้ย ตั้งแต่ขาย 484 เมื่อปีที่แล้วก้อโดนเยอะ ด่าถึงพ่อถึงแม่เลยก้อมี ทุเรดมาก จากนั้นมาก้อเลยไม่เจรจากับพวกไม่สมัครล็อกอินอีกเลย เจอในกระทู้ตัวเองก้อด่าแหลกอ่ะค่ะ 5555

อ่ะมาต่อในปี 1996 โซนี่ก้อเปิดตัวเครื่องเสียงรุ่นใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้มาแปลก โซนี่ได้แตกไลน์ออกเปน 2 ไลน์ คือรุ่นดีไซน์แยก 2 ชิ้น กับรุ่นชิ้นเดียว รุ่น 2 ชิ้น ก้อคือ W77Av กับ W55 ซึ่งมีจุดเด่นที่เปนดีไซน์แยก 2 ชิ้น มาพร้อมกับลำโพงที่ออกแบบใหม่ คือติดลำโพงที่กาบด้านข้าง 2 จุด ซ้าย-ขวา ข้างละ 1 จุด เพื่อให้การกระจายเสียงกว้างขึ้น เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Multi Ambience Speaker และมาพร้อมกับเทคโนโลยีเสียงที่กลายเปนจุดเด่นของมินิคอมโปโซนี่ นั่นก้อคือ Groove เปนเทคโนโลยีที่เพิ่มเสียงเบสและเสียงแหลม ให้เสียงแหลมที่คมชัดสดใส และเสียงเบสจะถูกปรับให้ทรงพลังมากขึ้น และถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ อีกจุดนึงที่เพิ่มเข้ามาคือ Dynamic Bass Feedback หรือ DBFB ที่หายไปตั้งแต่ออกรุ่น FH-E959 ก้อได้นำกลับมาใส่ใหม่อีกครั้ง และในปีนี้เองที่โซนี่ใส่เครื่องเล่นซีดีแบบเปลี่ยนแผ่นอัตโนมัติ 3 แผ่น มาในมินิคอมโปเกือบทุกรุ่น และเอาเครื่องเล่นซีดีแบบเปลี่ยนแผ่นอัตโนมัติ 5 แผ่น ไปใส่ไว้ในเครื่องเสียง Liberty ชุดใหญ่อีกด้วย

สำหรับรุ่นชิ้นเดียว เปิดตัวด้วยรุ่นทอปอย่าง G99AV ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการเล่นแผ่น Video CD (VCD) ซึ่งเปนแผ่นบันทึกภาพและเสียง ที่ถูกพัฒนาโดยโซนี่ เจวีซี ฟิลลิปส์ และบริษัทตระกูลมัตซูชิตะของญี่ปุ่น ในปี 1993 แผ่น VCD เปนที่นิยมมากในแถบบ้านเรา เพราะว่ามีราคาแผ่นและเครื่องเล่นที่ถูก ปัจจุบันก้อยังมีการบันทึกภาพยนต์ คอนเสิร์ต คาราโอเกะต่างๆเปนแผ่น VCD ออกจำหน่ายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะที่ประเทศไทย นอกจากนี้ G99AV ก้อมาพร้อมกับ Groove ที่ให้เสียงทรงพลัง กระหึ่มไม่แพ้ใคร ยังไม่พอยังมาพร้อมกับ Dolby Prologic และ Digital Signal Processing หรือ DSP พร้อมอีควอไลเซอร์อีกเกือบ 20 แบบ มีระบบคาราโอเกะสมบูรณ์พร้อม และเล่น-เปลี่ยนซีดีได้ 3 แผ่น แถมมีลำโพงเซนเตอร์ เซอร์ราวด์มาให้ในชุด

นี่รูปของ G99Av นะคะ

รุ่นรองทอปค่ะ G88 ยังมี Dolby Prologic กับ DSP อยู่

ตัวนี้น้าปามใช้อยู่ค่ะ G77 ซื้อมาตั้งแต่ปี 2539 ทุกวันนี้ยังอยู่ดีค่ะ เทปไปแล้วแต่ซีดียังเล่นได้ สังเกตว่ารุ่นนี้ไม่มี Dolby กับ Dsp นะคะ (รุ่นรองบ๊วยเลยนะนั่น)

@พี่โย มีเครื่องไหนซ้ำๆแบ่งปันน้องชายคนนี้ได้นะครับ

@พี่อุเทน ต้องขอขอบคุณพี่อุเทนมากครับ ส่งมินิคอมโปมาให้ผม

@คุณเจษ ขอบคุณมากครับ

@พี่iamflukeกับแนนซี่ ขอบคุณรูปสวยๆและความรู้ดีๆที่นำมาแบ่งปันครับ

มาแถมให้รอบดึก อันนี้เปนเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ นะคะ

ในปี 1993 VCD ได้ถือกำเนิดขึ้น

ในปี 1995 DVD ได้ถือกำเนิดขึ้น จากการคิดค้นและพัฒนาโดย 4 บริษัทใหญ่ ได้แก่ ฟิลลิปส์ โซนี่ โตชิบ้า และ พานาโซนิค เครื่องเล่นดีวีดีเครื่องแรกของโลกเปนของโตชิบ้า รุ่น SD3000

SD3000 ออกในช่วงปลายปี 1996 แต่ในปี 1997 โซนี่ก้อได้ออกเครื่องเล่นดีวีดีของตัวเองในชื่อรุ่น DVP-S7000 เปนเครื่องเล่น DVD ระดับไฮเอนด์ ค่าตัวตอนนั้นก้อหลายหมื่นบาท และตอนนั้นเอง โซนี่ก้อได้เริ่มพัฒนาระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ขึ้นมา กลายเปนระบบ Digital Cinema Sound อันขึ้นชื่อ และโซนี่ก้อได้ใส่เทคโนโลยีนี้ให้กับเครื่องเสียงของตัวเองในยุคหลังๆ มา

เพิ่มเติมภาพให้น้องปามมี่ครับ

เครื่องเสียงใครมี โลโก้นี้ รับประกันได้เลยว่ามีระบบ dsp muti channal หรือ Digital Cinema sound ครับ