ที่ไหนบอกไม่ควรเหรอครับ เสียงซ่าๆที่เป็น pink noise นั่นเป็น 1 ในเทคนิคการเบิร์นแบบคลาสสิคเลยนะครับ เพราะเสียงซ่าคือความถี่ผสมทุกย่าน

สมัยก่อนเค้าใช้วิธีเปิดวิทยุ FM ช่วงที่ไม่มีสถานีเป็นตัวเบิร์นครับ ลำโพงบ้านและหูฟังมอนิเตอร์มักใช้ noise นี้เบิร์น แต่หูเล็กๆนี่ไม่รู้เหมือนกันแฮะ มันเป็นยุคหลังแล้ว

เบิร์นได้ แต่ไม่ควรนาน และดังเกินไปครับ
เพราะความคลื่นความถี่ซ่า เป็นการเบิร์นที่ไดรเวอร์จะต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องปล่อยความถี่ออกมาหลายย่านมากๆ ตั้งแต่ต่ำไปจนสูง ถ้าเปิดดังไป ไดรเวอร์จะมีอาการล้า และเสียงแย่ลงครับ ใช้ได้ แต่ต้องระมัดระวังครับ หูผมเสียงเพี้ยนเพราะคลื่นความถี่มาหลายตัวแล้ว ผมใช้ pad กับ isotek เป็นเหมือนกันเลยครับ ถ้าจะใช้ ผมแนะนำ ห้ามนาน และห้ามดังครับ ผมเปิดแผ่น pad ระดับเท่าฟังปกติ 3 รอบ 3 ชั่วโมงกว่า เสียงก็ไปแล้วครับ ถ้าทำผิด ความร้อนจะสะสมที่ตัวไดรเวอร์ ทำให้แม่เหล็กเสื่อมลงได้ครับ

ถึงตอนนี้ผมก็ยังคอนเฟิมว่าไม่ควรหาไฟล์เพลงที่ปล่อยให้โหลดทางเน็ทมาเบิร์นหูฟังเอาเอง

สาเหตุเพราะว่า ไฟล์ที่ปลิวว่อนในเน็ทนั้น บางทีทางผู้ผลิตเค้าก็ไม่แนะนำให้เปิดวนหลายรอบ หรือบางไฟล์เป็นแทร็คที่เอาไว้เบิร์นเสียงทุ้มหรือใช้เบิร์นลำโพง ซึ่งมีวอยซ์คอยส์ใหญ่กว่าวอยส์หูฟัง ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมที่จะมาใช้เบิร์นครับ ท่านใดใช้ให้อ่านคู่มือให้ละเอียดก่อนด้วยจ้าๆๆๆ

บางคนอาจฟังว่า เบิร์นด้วยไฟล์ความถี่แล้ว เสียงมันใสขึ้น กลางเปิดเผย เบสกระชับ
ผมบอกได้เลยว่าจริงส่วนนึง แต่ไม่ได้จริงเพราะไดรเวอร์ทำการเบิร์นแล้วเข้าที่ แต่ผมว่าเป็นจาก ความร้อนสะสม ทำให้แม่เหล็กมีอาการเสื่อมลง ทำให้เบสน้อยลง กลางแหลมจึงเปิดเผยมากขึ้น แต่เสียงกลางแหลมที่ได้มาจะกัดหู แบน ไม่มีมิติ เบสหายไปเยอะครับ
ซึ่งผมว่า มันไม่ใช่การเบิร์นที่ดีเลยครับ เพราะแม่เหล็กเสื่อมไปแล้ว ทำให้หายยาก บุคลิกเสียงก็เปลี่ยนไปครับ

ถ้าเลี่ยงได้ ก็แบบที่เฮียมั่นว่าไว้เลยครับ ไม่ควร!! ครับ

รบกวนสอบถามเฮียและท่าน clound หน่อยครับ ว่าถ้าผมใช้เพลงจากซีดีเหล่านี้มาเบิร์น sr80i จะได้ไหมครับ กะว่าจะเปิดวันละสองรอบ รอบละประมาณ 4 ชั่วโมงตอนเที่ยงกับกลางคืน

1.2012 TAA 22nd International Hi-End Show (BLU-SPEC CD)
2.Bitter Love Tan Dun
3.เพลงของเติ้งลี่จวิ้น แบบ audiophile
4.เพลงของซาตาน่า หรือ ไมเคิล แจ็คซัน

ผมเพิ่งซื้อใช้ตัวแรกเลยครับ ลองหาข้อมูลเรื่องการเบิร์นก็มีหลากหลายมากๆ เท่าที่ตกตะกอนได้ก็ลองมาจัดเป็นเพลงเหล่านี้ ถ้ามีข้อแนะนำก็ขอรบกวนพี่ๆด้วยนะครับ

1 ไม่เคยฟังครับ ถ้าเป็นเพลงทั่วๆไป ไม่ใช่เสียงซ่า เสียงวี๊ดๆจี๊ดๆ ก็ได้เลยครับ
2,3,4 ได้ครับ

รู้เมื่อสาย

แผ่นแรกเป็นส่วนใหญ่เพลงคลาสสิกครับคุณ clound

1. Prelude Of Orchestra - 时间
2. When I Met You(民间旋律，作者不详，由演奏者改编，与Sarah Geronimo同名曲无关)。时间
3. Granados : Orientale From Spanish Dance No.2 Opus 37。时间
4. Paganini : D大调第一号小提琴协奏曲选段。时间
5. 小提琴超炫技独奏 - Violin Bravo Piece
6. Mozart : 钢琴奏鸣曲No 11 In A第三乐章土耳其进行曲。时间
7. 行星组曲选段。时间 : Holst - The Planets Suite (Orchestra)
8. 大提琴独奏进行曲 : Cello Solo March
9. 皮尔金组曲选段。时间 : Peer Gynt - Orchestra Suite No.1
10. 杜兰朵公主歌剧咏叹调 : Turandot Aria : Signore, Ascolta
11. 钱宁史基基歌剧咏叹调 : Puccini - Gianni Schicchi Aria : O Mio Babbino Caro
12. 罗密欧与朱丽叶选段。时间 : Prokofiev - Romeo And Juliet (Orchestra)
13. 时间 - 浮士德交响曲末段 : Liszt - Faust Symphony : Chorus Chorus With Organ
14. 鼓, 舞。现场中国鼓打击乐(民间与神州鼓乐团创作)。时间 : The Soul Of Chinese Drum

อีกข้อคือ มีเพลงเบิร์นสำหรับ ลำโพง ชุดเครื่องเสียง ตรงนี้ไม่ควรเอามาเปิดกับ หูฟังนะครับ

งั้นก็ใช้ได้เลยครับ คุณ ManjiE

คห.7 ขายทิ้งลูกเดียวครับ

มีอีกอย่างคือ ที่เค้าว่าทิ้งไว้ 6 เดือนแล้วเอามาเบิร์นใหม่
อันนั้นผมว่าเฉพาะกรณีเบิร์นแล้วเบิร์นด้วยไฟล์ไม่ดีนะครับ
สำหรับเบิร์นด้วยความถี่ แม่เหล็กเสื่อมไปแล้ว ถึงทิ้งไว้ ก็ไม่ทำให้ดีขึ้นครับ

ไม่ใช่ว่าผมไม่ใช้นะ ผมใช้ครับ แต่เปิดรอบเดียว เบาๆเลย เบาคือได้ยินเสียงตอนแหลมๆแล้วไม่แสบหูครับ ไว้ล้างสนามแม่เหล็ก ครั้งเดียวในตอนแรกที่เพิ่งแกะกล่องครับ

สงสัย ครับ แล้วพวกไฟล์ Flac ที่ปล่อยโหลดทางเน็ต แบบผมไปโหลดมา อะครับ อัลบั้มนึงเป็บ gb เลย ไอ้พวกนี้มันดูยังไงครับ ว่าเป็นไฟล์เบิร์น หูฟัง หรือลำโพง

ลองเปิดฟังดูครับ ถ้ามันเป็นเสียงซ่าๆ มีการไล่เสียงตั้งแต่ต่ำไปจนสูง วิ๊ดๆๆ อะไรแบบนี้ครับ
เป็นไฟล์เบิร์นที่ไม่น่าเอามาเบิร์นกับหูฟังครับ ไฟล์เบิร์นหูฟัง ให้ใช้เพลงที่ฟังกันได้แบบปกติ แบบที่เป็น flac wav aiff ครับ

คนรู้จักผมใช้ลำโพงเป็นล้านพี่แกยังเคยเบิร์นกับเสียงซ่าๆเลย แต่มันก็ต้องอยู่ในหลัก

ต้องระวังครับ หูฟังกับลำโพง ขนาดวอยซ์คอยส์ใหญ่ไม่เท่ากัน ลวดในว็อยส์ลำโพง เส้นโตกว่า จำนวนรอบที่พันเยอะกว่าแยะจ้า ความทนต่อกระแสต่างกันจ้าๆๆ

ลองแผ่นเบิร์นของ kharma ซิครับ เป้นเสียงเครื่องดนตรี ไม่ใช่ pink noise มีแทร้ค demag ด้วย

http://www.cnamusic.com/detail.asp?cat_no=KARCD%2010002

แหม่...มันสะกิดต่อมสงสัยด้วยความรู้ห่างอึ่งเลยสงสัยว่าไฟล์เสียงปี๊ดปิ้วๆที่ได้ยินแสดงว่ามันควรจะมีความถี่ที่ิ 20-20kHz เดาเอาเพราะมันยังพอฟังออก แล้วสเปคหูฟังทั่วไปค่าตอบสนองความถี่ทั่วไปก็20-20kบางรุ่นก็เกินนี้ แล้วเบิร์นด้วยเพลเยอร์ที่เอาไว้ฟังเพลงประจำด้วยvol ปกติเท่ากับที่ฟังเพลง สมมุติว่าdBมันเท่ากัน มันจะส่งผลถึงขั้นแม่เหล็กเสื่อม หรือหูฟังเสียงต่างจากบุคลิกที่มันควรจะเป็นเลยหรอครับ ยิ่งหูสมัยนี้มีทั้ง neodynium ที่ดีกว่าแม่เหล็กทั่วไป หรือเทคโนโลยีที่ดีกว่าdynamic แบบ planar magnetic ,balance armature ฯลฯ มันจะส่งผลถึงพวกรุ่นใหม่ๆได้หรือเปล่า ชี้แนะด้วยคร๊าบ

ผมอยากรู้แค่ว่าแม่เหล็กจะเสื่อมได้ยังไงครับมันไม่ได้ไปทำอะไรกับแม่เหล็กเลยนะ ไฟมันวิ่งไปที่ลวด(VoiceCoil)ไม่ได้ไปโดนแม่เหล็กนิ มันก็อยู่ของมันนิ่งๆ แค่ปล่อยเส้นแรงมาเนี่ยวนำขดลวดอีกที แล้วอีกอย่างหูฟังส่วนใหญ่น่ะมันรองรับกำลังขับได้มากกว่าที่เครื่องเล่นทั่วไปได้อยู่แล้ว ยกเว้นเครื่องที่มีแอมป์คุณภาพสูงในตัวหรือต่อแอมป์เพิ่ม ซึ่งนั้นถ้าเปิดดัง โอกาสพังสูงแน่ๆ
ส่วนเรื่องเบิรน์เนี้ยใช้ไฟล์เพลงดีๆ เพลงที่หลากหลายแนวก็น่าจะเพียงพอละ ค่อยๆเบิรน์ เอามาฟังจับการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บางทีก็อย่าเอาเวลามากำหนดอะไรมากเกินไปนัก มันจะทำให้ความสุขในการฟังเพลงลดน้อยลงเปล่าๆ ^_^

พูดถ็งไดรเวอร์ ไดนามิคก็แล้วกันจร้า
แม่เหล็กทั่วไป. ทำจากวัสดุผสม. นำมาขึ้นรูป. ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างที่ต้องการจากนั้น นำไปผ่านเครื่องมือ/กระบวนการทำให้เป็นแม่เหล็ก

ว้อยซ์คอยล์ ถูกตรึงกับไดอะแฟรม/แผ่นกำเนิดเสียง ให้อยู่ในช่องแคบๆ ของแม่เหล็ก. ในจุดที่ต้องการ เมื่อมีสัญญาณกระแสสลับผ่านvoice coil ก็จะเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า. แล้วตัดกับสนามแม่เหล็กถาวรการผลัก/ดึงระหว่างกันแบบถึงพริกถึงขิง ก็จะเกิดขึ้นในช่องแคบดังกล่าว ไดอะแฟรมขยับ เป็นพลังงานเสียง แต่องค์ประกอบของขดลวดมีค่าความต้านทานอยู่. เมื่อมีแรงดันตกคร่อม. จึงเกิดเป็นค่าของพลังงานP= กระแส I . แรงดัน E เกิดเป็นความร้อน ระบายผ่านช่องแคบ หากเปิดเบาความร้อนก็เกิด/ส่งผ่าน ระบายออก เหลือสะสม มีไม่มากเกินความสามารถระบายได้ดีตามที่ออกแบบไว้
แต่หากเกิดมากระบายไม่ทัน. ก็จะสะสมแผ่มาถึงวัสดุแม่เหล็กมากๆ. นานๆ. จึงส่งผลลบทำให้ความสามารถในการแสดงตัวตนเป็นแม่เหล็กถาวรเสื่อมสภาพลงไป

กรณีนี้จะเกิดได้ต่อเมื่อ. ภาคขยายเปิดได้กำลังสูง(เปิดดัง) ได้อย่างต่อเนื่อง. จนเสี่ยงต่อ. อัตราการรับกำลังขับของไดรเวอร์
(ความไวสูง ทนกำลังขับน้อย. เจอแอ็มป์ใหญ่ เสี่ยงมาก)

คห.18 ชัดเจนขอบคุณครับ ^^

ทำไมไม่เจอกระทู้นี้เลยนะรู้เมื่อสายไม่รู้ว่ามันเกี่ยวหรือเปล่าครับ เสียงออกข้างเดียว

ผมสงสัยครับ ว่าหูฟัง ก็มีมานาน มีการพัฒนาเทคโนโลยีและแข่งขันกันมาตลอด
ไม่แพ้ลำโพง-เครื่องเสียงบ้าน

แล้วทำไม ไม่มีบริษัทไหน ทำแผ่นเบิร์นสำหรับหูฟังโดยเฉพาะบ้างครับ ?
น่าคิดเนอะ

แล้วอยากถามพี่ ๆ ที่ใช้หูฟังหลักแสน ว่าเบิร์นด้วยแผ่น audiophile
หรือว่าใช้ pink noise ครับ
ปล.ถามเป็นความรู้นะครับ

เบิร์นด้วยไฟล์ความถี่ ผมว่าพวกเสียงซ่าๆ มันเป็นการเบิร์นทุกๆย่านความถี่พร้อมๆกัน ทำให้ตัวหูฟังทำงานอย่างหนัก(กว่าไฟล์เพลงทั่วไป) คิดดูครับ เวลาเสียงเกิดขึ้นมา ความดังแต่ละย่านมันขึ้นมาไม่มาก แต่เวลาเปิดไฟล์ความถี่ ตัววัดมันขึ้นไปสูงทุกๆย่าน แล้วจะไม่ให้ความร้อนสะสมได้ไงหล่ะครับ ไฟล์ความถี่ เปิดดังนิดหน่อยก็เป็นแล้วครับ(สำหรับหูที่ผมทดลอง) แงะออกมา แม่เหล็กดูดน้อยลงเลยครับ ไขควงโดนดูดเบาๆเลย กับอีกตัวซื้อใหม่ แกะกล่อง ลองแกะมาดู แม่เหล็กดูดมากกว่าเห้นได้ชัดครับ ผมก็ไม่ได้เปิดดังมากครับ แต่เวลาเสียงที่มันไล่ไปสูงๆจนบาดหู เค้าว่าช่วงนั้น ไดอเฟรมมันจะขยับถี่ที่สุด ก็คงเกิดความร้อนสะสมแน่ๆครับ ยิ่งเอียบัด ผมว่า เพี้ยนแน่ๆครับ

เอาไฟล์เพลงmp3มาแปลงเป็นwavแล้วเบิร์นได้มั้ยคะ ตอนนี้ใช้beat solo hdอยู่อ่ะค่ะ

ก่อนหน้านี้ผมใช้ไฟล์เบิร์นพวกนี้ เบิร์นหูฟังไปพอสมควรครับ รู้เมื่อสายไปจริงๆ
รู้สึกได้ว่าหลังจากใช้ไฟล์พวกนี้เบิร์น เสียงมันแหลมขึ้นและเบสลดลง
(แต่โชคดี ตัวที่ใช้เบิร์นตอนนั้นไม่แพง พันต้นๆ)

แต่ผมอยากรู้ว่า ถ้าใช้ไฟล์วี๊ดๆพวกนี้มันส่งผลเสียต่อหูฟัง แล้วมันจะส่งผลเสียอะไรกับ เพลย์เยอร์ด้วยหรือเปล่าครับ
เช่น ตัวที่ผมใช้อยู่ คือ AK100 ตอนที่เบิร์นหูฟังช่วงนั้น ผมเปิดเครื่องทิ้งไว้ปล่อยให้มันเบิร์นไปเองเป็นชั่วโมงๆ
ตัว Ak100 จะห่วยลงหรือแย่ลงไหมครับ

ไฟล์ความถี่ เหมาะสำหรับเบิร์นแอมป์ dac รวมทั้งเครื่องเล่นครับเพราะจะช่วยให้กระแสไหลได้ดีและร่นระยะเวลา burn-in ลงมาอีกพอสมควรแต่ควรใช้แผ่นที่มียี่ห้อหน่อยครับไม่ควรอย่างยิ่งใช้ไฟล์ที่ปล่อยตามเนตครับ

แค่เรื่องเบินก้ปวดหัวแล้ว

ไอ้ที่แนะนำขายทิ้งลูกเดียว นี่ ไร้จริยธรรมมาก เลวครับ

ระวังของที่ clound ขายต่อนะครับ คงไม่ใช่ของดีแน่ๆ

เรื่องดอกลำโพงไดนามิค เป็นเรื่องแม่เหล็กถาวร ไม่มีแม่เหล็กไฟฟ้า
ตัวนำวางในสนามแม่เหล็กถาวร เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จะเกิดแรงผลักตัวนำให้เคลื่อนที่
ตัวนำที่พันไว้หลายๆรอบ ก็จะเกิดแรงย่อยๆหลายๆแรงรวมกันผลักให้ไดอะแฟรมที่ติดกับตัวนำเคลื่อนที่
สัญญาณเสียงเป็นไฟสลับ ก็ทำให้เกิดแรงเคลื่อนที่ไปกลับ เกิดเป็นคลื่นเสียง
ไม่ได้เกี่ยวกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าครับ เป็นแค่กระแสไฟไหลในตัวนำที่อยู่ในสนามแม่เหล็กถาวร

การเบิร์นมีความจำเป็นครับ แต่ไม่ควรเปิดดังจนสร้างความเสียหาย
ส่วนเรื่องเบิร์นด้วยเสียงซ่าแบบไหนก็ตาม หรือเสียง sweep ไม่มีความเห็นครับ
เพราะสุดท้าย เราจะฟังเพลงที่เราชอบไปอีกทั้งปี
เบิร์น ด้วยอะไร กี่ชั่วโมงก็ตาม สุดท้ายหูฟังมันจะต้องเปิดด้วยเพลงที่เราชอบไปอีกทั้งปี
ใครเชื่อว่าเบิร์นแบบพิเศษ จะให้ผลพิเศษ แต่ผลของมันก็จะลดลงเรื่อยๆตอนที่เราฟังเพลงปกติ
คุณภาพเสียงมันก็จะกลับมาสู่สภาพปกติที่มันถูกออกแบบไว้อยู่ดี

การเบิร์นหูฟังไม่จำเป็นต้องซีเรียสเรื่องไฟล์เสียงพวก White Noise หรือ Pink Noise ครับ ใช้เพลงอะไรก็ได้ที่มีเปิดวนเวียนให้มันได้ทำงานเป็นระยะเวลา 100-200 ชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ

ส่วนหูฟังเก่าเก็บอาจจะทำการเบิร์นอินอีกนิดหน่อยก็ได้ครับ เป็นเพียงการปลุกให้มันคืนชีพขึ้นมาเท่านั้น ชั่วโมงการเบิร์นไม่จำเป็นต้องเท่ากับของใหม่แกะกล่องครับ ที่สำคัญอย่าเปิดดังกว่าการฟังปกติก็ใช้ได้แล้วครับ^^

หูฟังของผมทุกตัวเเปิดเบิร์นด้วยไฟล์ mp3 ที่มาจากแผ่น PAD ไม่ต่ำกว่า 30-40 ชม.ด้วยความดังปกติ โดยเบิร์นเป็นรอบๆละ 3-4 ชม แล้วพักทิ้งไว้ค่อยเบิร์นต่อเป็นรอบๆไม่เปิดแช่เป็น 10-20 ชม. ติดกันนะครับ พอครบ 30-40 ชม. ค่อยเอามาฟังเพลงทั่วไปยืนยันว่าไม่ทำให้หูฟังมันเสียแน่นอนครับ

ผมคิดว่าที่มันพังคือ 1.เปิดดังกว่าปกติเป็นเวลานาน 2. เปิดทิ้งไว้นานเกินหลายสิบชม.โดยไม่พัก พวกนี้เลยทำให้เกิดความร้อนสะสมครับ ถ้าเปิดแบบคนทั่วไปเค้าฟังกันผมว่ายังไงก็ไม่พังแน่นอนครับ

ในความคิดผมนะ 
ชอบเพลงประเภทไหน เบิร์นด้วยเพลงประเภทนั้นครับ
ถ้าให้ไดรเวอร์ทำงานแบบไหนซ้ำ ๆ 
น่าจะมีแนวโน้มให้ตอบสนองความถี่แบบนั้นได้ดีเป็นพิเศษ

ส่วนตัวผมก็โหลดเพลงแบบ WAV 24 บิท 44.1 หรือ 96 หรือ 192 มาจาก HDtracks เลือกเฉพาะอัลบั้มที่ชอบฟังมาเปิดวนไปเลยครับ เสียงก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก็ใช้ Westone AM Pro 30 + Effect Audio Eros II + iFi xDSD ส่วนเครื่องเล่นก็ Huawei Mate 10 Pro แอพ USB Audio Player Pro เชื่อมต่อกับ DAC ด้วยบลูทูธ ซึ่งทั้งคู่รองรับ Apt X HD เสียงก็ดีมากๆ ครับ เพลงที่ฟังประจำก็ Dream Theater 2 อัลบั้มใหม่ Maroon 5 Songs About Jane, Norah Jones, Susan Wong, The Carpenters, Jason Mraz Love, Queens และอื่นๆ เปิดวนไปเลย เสียงหูฟังก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ

เคยเอาเพลงเบรินมาเปิด เบริน KOSS KSC75

จากเสียงออกดีๆ 

หลังจากเบริน หูพังไปเลยครับ 555+

ผมก็ใช้ file เพลงที่ฟังๆ อยู่ประจำนี่ละ วนให้หลากหลายหน่อย เพลง classic บ้าง เครื่องดนตรีเยอะๆ .. เพลง rock บ้าง .. เพลง jazz บ้าง .. เพลงนักร้องผู้ชายบ้าง ผู้หญิงบ้าง ... ฯลฯ