กว่าจะได้รีวิว ซื้อเครื่องมาเมื่อ 21 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา แต่ไม่มีเกมและเมมให้เล่น
เพิ่งจะมาหาได้ไม่กี่วันนี้เอง กระแสมาแรงจริง ๆ ครับ
และเหมือนเดิมนะ รีวิวของผม พวกศัพท์เทคนิค ไม่มีนะ มีแต่บ้าน ๆ เน้นเข้าใจง่าย ๆ
อ่านเพลิน ๆ นะ ผมก็พยายามจะกระตุ้นให้ท่านเกิดกิเลศกันล่ะ เริ่มเลยนะครับ
เครื่อง PS Vita เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัท Sony ที่เรารู้จักนั่นเอง
วางจำหน่าย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก
ที่อเมริกาและยุโรปวางจำหน่าย 22 กุมภาพันธ์ 2555
ราคาประมาณ 12,xxx - 16,xxx บาทแล้วแต่รุ่น แล้วแต่แพ็คเกจ
รุ่น Wifi ก็จะราคาประมาณ 13,xxx บาท
รุ่น 3G+WiFi ก็จะราคาประมาณ 16,xxx บาท
ปัจจุบันมีเครื่องของโซน Asia ออกมาแล้ว ใช้ซิม3G บ้านเราได้สบายนะ
ส่วนเรื่องราคาก็ต้องไปสอบถามกับร้านประจำของท่าน ๆ กันเองนะ
สำหรับ ระบบ 3G ของเครื่องรุ่นโซนที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น (โซน2) ที่ผมซื้อมานั้น
ยังไม่สามารถใช้ SIM 3G ในบ้านเราได้ เพราะเขาล็อคไว้ (ยังไม่มีใครทำปลดล็อค)
ดังนั้นถ้าใครอยากใช้จุดนี้แนะนำให้ซื้อรุ่น Asia (โซน3) และ USA (โซน1) ครับ
ส่วนผมซื้อโซน 2 ญี่ปุ่น ซึ่งมันล็อค3G ก็เลยใช้งานไม่ได้ เปรียบเสมือนเครื่องผม
มันเป็นรุ่น WiFi ดี ๆ นี่เอง แต่ก็ไม่ซีเรียส เพราะตอนแรกตั้งใจซื้อรุ่น WiFi อยู่แล้วแต่ของหมดฮ่าๆๆ
ทำไมถึงซื้อมาเล่นละ ?
คือว่า ถ้าใครเป็นแฟนเครื่องเล่น PSP มาก่อน ผมว่า 99% ต้องมาซื้อ PS Vita กันต่อแน่ ๆ
เพราะอะไร เพราะโซนี่ไปทำการบ้านมานั่นเอง ใครเขามีอะไรดี
โซนี่ก็จับ ๆ มายำรวม ๆ เป็น PS Vita ออกมา และก็ทำออกมาได้ดีมากซะด้วยสิ
มาคราวนี้เป็นหน้าจอแบบ Touchscreen และมี TouchPad หลังเครื่อง
และยังมีระบบเซ็นเซอร์อีกเอียงเครื่องซ้ายขวากระดกได้อีก และก็มีกล้องหน้า หลัง มีไมค์
มีลำโพงสองข้างเสียงดีซะด้วย มีอนาล็อคซ้ายขวา มากันแบบเต็มที่
และที่สำคัญจอ OLED ขนาด 5 นิ้ว ใหญ่สะใจนั่นเอง กราฟฟิกก็น้อง ๆ PS3 เลยทีเดียว
แรก ๆ ผมว่า ดีไซน์กล่องนี่ทำมาไม่ค่อยสวยเลยนะ
แต่ดูนาน ๆ ไปชักชอบละ นี่ละที่เขาเรียกว่า ลำเอียง
หลังกล่องก็จะระบุโซนเครื่อง โซน 2 คือ โซนที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น
โซนเครื่องไม่มีผลใด ๆ กับการเล่นเกมนะครับ เพราะเครื่องไม่ว่าจะซื้อจากโซนไหนก็เล่นเกม
ได้หมดทุกโซนครับ ไม่มีล็อคโซน นั่นเอง ดังนั้น เลือกแล้วแต่ชอบ แล้วแต่แพ็คเกจที่ต้องการนะ
ซีเรียลเครื่องข้างกล่อง กับตัวเครื่อง ก็ต้องดูนะครับ
บางร้านอาจจะหยิบให้ลูกค้าลองหลายคน ตอนหยิบใส่อาจจะใส่สลับกันได้นะ ต้องดูด้วย
ในกล่องก็มีอุปกรณ์มาตรฐานดังที่เห็น
รักษาให้ดีนะครับ ทั้ง adaptor และ สาย USB น่ะ ซื้อต่างหากนี่แพงไม่แพ้ของ apple เลยน่ะ
ตรวจสอบให้ดีก่อนออกจากร้านน่ะครับ ของในกล่องเนี่ย
มาดูตัวเครื่องกัน
ดีไซน์ก็คล้าย ๆ กับ PSP นั่นเองครับ แต่ขนาดใหญ่ขึ้น จอใหญ่ขึ้น มีก้านอนาล็อคมาสองฝั่ง
ลำโพงสองฝั่งเป็น Stereo นะครับ
ตรงสันเครื่องด้านล่างนี่ก็จะมีช่องเอาไว้ใส่ memory ซึ่งเป็น เมมชนิดใหม่ที่โซนี่คิดค้นขึ้นมา
ส่วนตรงนี้ก็สันเครื่อง ฝั่งบน และฝั่งล่าง
ช่องเสียบสาย USB นี่เป็นสายแบบเฉพาะของ Sony PS Vita นะครับ
ช่องเสียบหูฟังก็ 3.5 มินิแจ๊ค ปกติพื้นฐานครับ เอาหูฟังอะไรมาเสียบก็ได้
ปุ่มเปิดปิดเครื่องก็ทำให้ดูทันยุคสมัยแบบมือถือทั่วไป
ส่วนช่องข้าง ๆ ปุ่มเปิดปิด ็เป็นช่องใส่แผ่นเกมนั่นเอง
เถิบจากช่องใส่แผ่นเกม ก็จะเจอช่องสำหรับอุปกรณ์เสริมในอนาคตและปรับเสียง
ปุ่มปรับระดับเสียง นี่คล้าย ๆ กับของ iphone 4 เลยนะ
ฝั่งขวามือของเครื่อง
ปุ่ม select และ start ก็ยังอยู่ครบ ที่เพิ่มมาก็แกนอนาล็อคนั่นเอง
ฝั่งซ้ายมือของเครื่อง
ก็จะคล้าย ๆ กับ PSP เดิมเรื่องการวางปุ่ม แต่ต้องบอกตรงนี้เลยครับว่า
แกนอนาล็อคที่ทำมาในครั้งนี้ เรียกว่า แจ่มเป็ด ไปเลยครับ ไม่ได้ง้องแง้งแบบ PSP แล้ว
งานประกอบเครื่อง PS Vita ผมให้สอบผ่านครับ เรียกว่าประกอบเครื่องมาได้เนี้ยบ
การจัดวางปุ่มกดต่าง ๆ ถนัดมือ และใช้เวลาไม่นานในการทำให้คุ้นเคย และน้ำหนักเครื่อง
ก็ไม่ได้หนักอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่เบาหยองน่ะ เรียกว่า กำลังดีเลยละครับ
หลังเครื่องก็เป็นจุดขายจุดเล่นใหม่นั่นคือ touchpad
ขึ้นอยู่กับเกมแต่ละเกมว่าจะนำจุดนี้มาใช้ยังไง ไม่ต้องห่วง เกมแต่ละเกมจะมีสอนแน่นอน
พูดถึงเกม ก็มาดูหน้าตาแผ่นเกมของ PS Vita กันบ้าง
เราน่าจะคุ้นเคยกับแผ่น UMD ของ PSP กันมานานแล้ว มาคราวนี้ เปลี่ยนรูปแบบกันเลยละ
อาจจะเป็นเพราะ ต้นทุนการผลิตแผ่นเกมลักษณะนี้ถูกกว่าทำแผ่น UMD แน่ ๆ
แต่ผมว่าดีนะ คราวนี้ ก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องหัวอ่านหัวเลนส์ เรื่องมอเตอร์ไดร์ฟ เรื่องกลไกต่าง ๆ
เปิดฝากล่องเกมก็จะเจอดังนี้
น่าเสียดายที่ ไม่มี manual หรือ คู่มือเล่ม ๆ แล้ว เขาจับยัด manual ไว้ในตัวแผ่นเกมเลย
เป็นไฟล์ให้เปิดดูแทน ก็เสียอารมณ์เรื่องความคลาสสิคไปนะเนี่ย
กล่องไม่ใหญ่นะครับ
หลังกล่องก็จะระบุโซนไว้
ซื้อเล่นกับเพื่อนฝูงก็นัด ๆ กันด้วยนะครับว่าจะเล่นโซนอะไร
เพราะถ้าเกมไหนออนไลน์ได้ (เกือบทุกเกม) ก็จะต้องเลือกแผ่นให้ตรงโซนกันน่ะเพื่อนฝูงน่ะ
เล่นออนไลน์นี่ข้ามโซนไม่ได้นะครับ เหมือน PS3 นั่นละ
ส่วนตรงนี้ก็จะระบุว่า แผ่นที่เราซื้อนี้ เป็นภาษาอะไร
แน่นอนช่วงแรกที่ออกมีแต่โซนญี่ปุ่น ก็ต้องเป็นภาษาญี่ปุ่น
ก็จะมีเกม Uncharted เท่านั้นละ ที่เลือกเป็นภาษาอังกฤษได้ในโซน 2 ญี่ปุ่นเนี่ย
นี่ครับ หน้าตาแผ่นเกม
ใช่เลยครับ ใกล้เคียงกับขนาดของ SD Card มาก ๆ เลยละ
ความจุของแผ่นเกมที่โซนี่คิดค้นขึ้นมานี้รองรับได้ถึง 32GB เลยทีเดียว
แต่ช่วงแรกของเกมที่ออกนี้ก็ยังไม่มีเกมไหนใช้ความจุเกิน 3GB เลยครับ
เราก็เอาแผ่นเกมไปเสียบตรงช่องด้านบนเครื่อง โดยหันหน้าเลเยอร์ของแผ่นเกมออกแบบนี้ละ
และก็มีบางเกม ก็จะเรียกร้องให้ต้องใช้ เมม ด้วยนะ
มันก็จะระบุไว้หน้ากล่องแบบนี้เลยว่า เกมนี้ต้องการใช้เมมในการเล่นด้วย
ก็ใช้ในส่วนการเก็บเซฟเกม และ install เกมบางส่วนลงไว้ในเมมนั่นเอง