Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รีวิว "พระกาฬไฮเดฟฟ์" SHP9000

Trafficker

02/06/2010 23:19:18
0



ขออนุญาติทุกท่าน นะครับ
ขออนุญาติ นำรีวิว ของ พ่อครัวThe Sound Chef ( http://thesoundchef.com ) มาให้อ่านนะครับ เยี่ยมมากจริงๆ
และขออนุญาติตั้งชื่อเล่นๆ พระกาฬไฮเดฟฟ์ นะครับ
Credit : The sound chef

และนี่คือรีวิว ของเค้า ครับ !

เลิกเล่นหูฟังไปนานเลยครับ และก็ไม่คิดจะกลับไปเล่นเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็ฟังลำโพงบ้านมากกว่า … แล้วผมเป็นประเภทเฉียดๆ หูฟังทีไร ถลำลึกทุกที เสียตังค์ซ้ำแล้วซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำอีก กว่าจะได้ system ที่พอใจ..ไอ้กว่าจะถึงจุดที่พอใจนั้น ก็หมดไปหลายตังค์ จนไม่กล้าบอกใครว่าใช้เงินซื้อของพวกนี้ไปเท่าไหร่เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าเราบ้า เอา..ตอนนั้นจำได้ว่า ซื้อมันหมดทุกยี่ห้อ หูเอย แอมป์เอย dac เอย player เอย สายเอย จะว่าไปแล้วไอ้ตังค์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่เวลาที่เราหมกมุ่นกับมันด้วยอ่ะสิ วันๆบ้าแต่ฟังเพลงแล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับการโม อ่าน review ของใหม่ๆ เล่นเว็บบอร์ด จนงานการไม่ได้ทงไม่ได้ทำ…แต่พอพอใจแล้ว ถึงจุดแล้ว ก็เบื่อซะงั้น ขายทิ้งไม่เหลืออะไร แล้วกลับไปฟังลำโพงบ้าน (กับพวก studio monitor)

เผอิญเมื่อวันก่อนไปเดินเล่นฟอร์จูนมา เห็น Hardware House มีพวก clearance sales เลยเดินเข้าไปดูครับ ก็เห็น Philips SHP9000 อยู่ เห็นว่าลดจาก 6990 (ราคาตั้งโม้ๆ) เหลือ 2990 ประกอบกับโหงวเฮ้งที่ดูโคตรดี รุ่นท๊อปสุดชีวิต ประมาณว่ากล่องใหญ่เท่าฝาบ้าน สายหูฟังแบบถอดได้ พร้อมโมเต็มที่ ซองใส่หูฟังก็มีแถมให้ด้วยนะ แถมจากสเป็คข้างกล่อง ก็ฟังดูสุดยอดมาก (แต่จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อหรอก เดี๋ยวนี้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนกล่องได้เยอะ เช่นเว็บแคม 16 ล้าน pixel ขนาดเท่าเล็บนิ้วเท้าก้อย ปรากฏว่ามันเป็น optical 2 ล้าน แล้วใช้ software interpolate ไป16 ล้าน….จะบ้าตาย)

ก็เลยมีไอเดียแว่บๆมาใน หัวว่า “เอ หรือจะลองซักหน่อยดีนะ ซื้อมาฟังขำๆ สบายๆ ตอนกลางคืน Philips น่าจะขับง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องมีองมีแอมป์อะไร ขำๆหน่าขำๆ”…. นี่เป็นครั้งแรกนะครับที่ผมถูกราคาหลอกทำให้ซื้อเนี่ย เพราะรุ่นนี้ได้ยินก็ไม่เคยได้ยิน ฟังก็ไม่เคยฟัง เพราะสำหรับผม Philips แปลว่า หลอดไฟ หรือ ทีวี ประมาณนี้มากกว่าอะครับ ซึ่งลองคิดดู สมมุติ Sylvania, Osram, National พวกนี้มาทำหูฟังขาย มันก็คงดูแปลกๆใช่มั้ยครับ (หูฟังประหยัดไฟ… ทนกว่า นานกว่า?)…. แต่เพราะว่าราคาโคตรจะน่าลอง บวกกับโหวงเฮ้งดี ก็เลย เอาฟระ…

ด้วยความที่ผมโดน clearance sales หลอกมาเยอะ ก่อนซื้อผมเลยไป google ทีนึงก่อน ก็เจอฝรั่งที่บอกว่า โอ้ รุ่นนี้ driver เดียวกับ hp1000 ถึงขั้นเอาไปเทียบกับพวก HD650 K701 ประมาณนั้น ผมก็โอ้วว ตาลุกเป็นไฟ เอาจิงดิ หรือนี่คือเพ็ชรในตม รุ่นท๊อปที่เป็นตัวละครลับ ไม่มีใครรู้จัก… ซื้อมา 3000 ได้เสียง HD650 มานี่มีฮาเลยนะ (แต่เอาจริงๆแล้ว ผมไม่ได้เป็นแฟน senn นะครับ ใช้ 650 มาหลายตัว สารพัดสายแล้ว ก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ไปจบที่ Denon D5000 ครับ) ความรู้สึกตอนนี้ เปลี่ยนแล้วครับ จากการกลัวการโดนบริษัทผลิตหลอดไฟหลอก เป็น จะฟลุคถูกหวยได้ขนาดไหน! ในใจก็ท่องไว้ 650 650 650 3000 3000 3000 แล้วก็คิดไปไกลมาก ประมาณว่า เอ่อ จริงนะ ไอ้บริษัทที่มันไม่ได้เป็นผู้นำด้านหูฟังเนี่ย ถ้ามันอยากสู้กับเค้า มันก็คงต้องทำของให้ดีกว่าเค้าในราคาที่ถูกกว่าเค้า หรือดีเท่าเค้าในราคาที่จ่ายน้อยกว่าเยอะ ประมาณนั้น เลยคิดไปถึงว่า โอ้ววว หรือ SHP9000 จะเป็น 650 clone เพ้อเจ้อไปเลยครับ….

รีบวิ่งกลับไป ซื้อมาโดยด่วนครับ แล้วกลับมาลองฟังที่บ้านทันที ท้าวความนิดนึงครับ ปกติผมจะเป็นคนไม่ฟังเพลงจากคอม จากเอ็มพีสาม flac lossless อะไรทั้งนั้น ผมฟังแต่จาก audio cd เท่านั้นครับ และ set-up ที่ใช้ฟังหูฟังของผมก็เต็มที่ ตั้งแต่ cd transporter ที่ดี ระบบไฟที่ดี สายที่ดี dac ที่ดี amp ที่ดี ทำให้มาตรฐานที่ผมกำลังจะ review นี้ไม่ใช่มาตรฐานฟังเพลงเพราะ แต่เป็นมาตรฐาน audiophile ช่างจับผิด เค้นทุกโน้ต ทุกเม็ด ทุกเครื่องดนตรี ทุกคำ ครับแต่เนื่องจากห่างวงการนี้มานาน ของเขิงอะไรเก่าๆก็ไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ ซื้อมาไม่รู้ลองกับอะไร ก็เลย เอาก็เอาวะ ต่อกับคอม (Soundcard ใช้ Emu 1212m)
ลองฟังกับ MP3 320kbps เอาก่อนละกัน…. ตื่นเต้นครับ ตุ่บ ตุ่บ ตุ่บ……

พอกด play เท่านั้นล่ะ…

เฮ้ย ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

บ้านไฟไหม้ ???????????????????????
ไม่ใช่ครับ……. ทำไมอ่ะเหรอ…………… ขับไม่ออก!!!!!!! ใช่ครับ มันขับไม่ออก!!!! ที่ว่าไม่ออกไม่ใช่ว่าไม่มีเสียงนะครับ มีเสียงครับ ดังด้วย แต่ออกอาการป้อแป้ไม่มีแรงอย่างเห็นได้ชัดเจน ผมก็งง เฮ้ยยย บริษัททำหลอดไฟ มันจะทำหูฟังที่ต้องใช้แอมป์เหรอ??? ไม่หรอกม้างงง แต่หลังจากลองเปลี่ยนเพลง เป็นคอม ก็ยังเป็นเหมือนเดิมเลยครับ ในใจคิดว่า งานเข้าแล้วตรู เสียเงินแน่งานนี้ เฮดแอมป์ก็ขายไปหมดบ้านแล้วด้วย จะทำยังงัย??

คั่นนิดนึงนะครับ ก่อนที่งานจะเข้า คืออาจจะมีคนถามว่า แล้วที่บอกว่าขับไม่ออกนั้น เสียงที่ขับไม่ออกเนี่ย…. มันเป็นงัย…อันนี้คำตอบก็จะงงๆอีกครับ (ไม่บ่อยครั้งเลยนะครับที่ผมจะเจอหูงงๆขนาดนี้) คือเสียงของ SHP9000 นี้
.
มันเป็นเสียง hi-end แนวๆ hd650 k701 จริง ไม่เถียงเลย (คือเส้นสายของเสียงมัน hi-end อ่ะครับ)…..แต่เป็นเสียง hi-end ที่โคตรจะห่วยเลย ไร้ความเป็น musical อย่างสิ้นเชิง ประหนึ่งว่า มันไม่ได้ทำมาฟังเพลง แต่เอาไว้อวดว่า สุดว่ะะะ!!!!

หูฟังตัวนี้มันมี เสียง hi ที่ชัดเจนเอาซะมากๆ เป็น hi ที่โคตรฟ้อง และเป็น hi ที่ไม่มีการ color ช่วยเลย เป็น hi ที่ไม่ว่า HD 600 650 K701 K702 W5000 D5000 D7000 ก็สู้มันไม่ได้ คือหูที่ musical ส่วนใหญ่ เสียง hi มันจะเหมือน ไม้เสียบลูกชิ้น ที่เหลาปลายให้ทู่แล้ว ถึงรู้ว่าแหลม แต่ก็ไม่แหลมขนาดจะทำอันตรายใคร… แต่สำหรับ shp-9000 นั้น คือแหลมแบบไม้เสียบลูกชิ้นที่ใช้ฆ่าคนให้ตายได้ พูดง่ายๆว่า มันโคตรเด่นในเรื่องนี้ แต่เป็นเด่นแบบ เชิงลบ ถ้าสมมุติเป็นนักเรียน ไอ้นักเรียนคนนี้จะไม่ใช่คนที่เรียนดีกีฬาเด่นนะครับ แต่จะเป็นคนที่เด่นในเรื่องของการม่อหญิง เล่นการพนัน โดดเรียน ไถตังค์เพื่อน… ประมาณนั้น

เสียง hi ของ shp9000 นั้นกวนใจผมอย่างที่สุด hi ของหูตัวนี้ มันบาดหูมากกว่าหูมอนิเตอรหลายๆหูที่ผมมีด้วยซ้ำ (k170,240, senn hd280) ผมลองฟังกันแผ่น Power of Piano 3 จากรูปก็แผ่นที่ 3จากขวานะครับ http://upic.me/i/l3/14sno.jpg แผ่นนี้เป็นหนึ่งในแผ่นที่บันทึกเปียโนได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมา เป็นแผ่นที่น่าจะใช้ compressor ในการบันทึกน้อยมากๆ อาจจะมีใช้ limiter ช่วยกดๆ ใม่ให้มัน clip หน่อยเท่านั้นเอง ฉะนั้น dynamic ของแผ่นนี้จะถือว่าสุดยอดเลย ปกติเสียงเปียโนเวลาบันทึก เวลาเล่นเสียงเบาๆ พวก ppp pp (ppp คือเบามากๆๆ pp ก็คือเบามากครับ) มันจะถูก compressor ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ของห้องอัดดึงขึ้น เพราะถ้าไม่ดึงขึ้น เวลาไปฟังเครื่องเสียงบ้านหรือฟังในรถ เสียงเบาๆอย่างงี้ มันจะหายไปเลย ชนิดที่เจ้าของเครื่องจะสงสัยได้ว่าวิทยุพังไปรึเปล่า ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เวลา compressor ดึงเสียงเบาขึ้นแล้ว เสียงมันไม่เหมือนเดิม มันจะเสีย articulation เดิมๆของมันไป ทำให้เราไม่ค่อยจะได้ดื่มด่ำกับอรรถรสของเปียโนอย่างที่ควรจะเป็น

แต่ แผ่น Power of Piano 3 นี้ บันทึกเสียงแบบ ไม่แคร์สื่อ สดมากกก dynamic ดีมาก ถึงแม้เท่าที่ฟังดูอาจจะมีการใช้พวก limiter เสียง pedal noise (เสียงที่นักเปียโนเหยียบ pedal ของเปียโน) อยู่ครบไม่มีการพยายามเอาออก และยิ่งไปกว่านั้น แผ่นนี้ได้ยินแม้กระทั่งเสียง key release (เสียงที่ปล่อยคีย์เปียโนอ่ะครับ มันจะมีเสียง damper ของเปียโน ซึ่งทำให้สายเปียโนหยุดสั่น) และก็ยังได้ยินถึงเสียง sympathetic resonance ที่ชัดเจน ของเปียโน (sympathetic resonance ก็คือ สมมุติว่าเวลาเรากด โน้ต C บนเปียโนนะครับ มันจะเป็นเสียงนึงใช่มั้ยครับ ทีนี้เวลาเรากดโน้ต C พร้อมกับ E เนี่ย เสียงมันจะไม่ออกมาเป็น C + E นะครับ เพราะมันจะมีการ resonante กับสายเปียโนเส้นอื่นด้วย ทำให้เสียงที่ออกมาจะเป็น C + E + กลิ่นอะไรบางอย่างที่มาจากการ resonance ครับ)

ลองฟังแผ่นนี้กับเจ้า shp9000 เชื่ออะไรมั้ยครับ แม้แต่ไอ้เสียง pedal noise เนี่ย (เสียงเหยียบ pedal) มันยังเป็นเสียงเหยียบ pedal ที่มี hi ที่เด่นมากเลยครับ เป็นเสียง pedal noise แบบที่ผมไม่เคยไได้ยินมาก่อนจริงๆ คือฟังกับหู hi-end ตัวอื่นๆ เสียงนี้จะเป็นเสียง “ตุ่บ” เหมือนเราเหยียบอะไรบางอย่าง เป็นเสียง “ตุ่บ” ที่ทุ้มๆ สุขุม นุ่มมม แต่เสียง “ตุ่บ” ที่มาจาก shp9000 เป็นเสียง “ตุ่บ” ที่โคตรจะชัดเจนแหลม ใส และ งง…

ผ่านไปกับข้อเสียร้ายแรงข้อที่ 1 นะครับ ทีนี้มาดูข้อดีแบบร้ายรายข้อที่ 1 บ้างครับ คำว่าข้อดีร้ายแรงก็คือ มันดีครับ ดีมาก แต่ดีแบบ งงๆ ข้อดีร้ายแรงข้อที่ 1 ก็คือ Stage ครับ!!! Stage ตัวนี้กว้างมหึมามากๆ กว้างกว่า K701 ไปอีกเยอะเลย ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คงเป็นเวทีคอนเสิร์ตที่ยาวตั้งแต่ bts หมอชิตไปจนถึง bts สยาม นั่นก็คือ ยาวจนมือเปียโนอาจเหลือบมองไป ไม่เห็นมือกีต้าร์ มันกว้างซะจนทีแรกที่ฟัง ผมต้องกลับมาเช็คว่า ผม pan ผิดรึเปล่า หนึ่งในเหตุผลทางวิทยาศาตร์ของความกว้างของ stage ก็คือการ pan นั่นล่ะครับ สมมุติเป็นเสียง sax บางทีคน mixอยากให้คนฟังมีความรู้สึกว่าเสียง sax มันอยู่ไกลๆ เป่าอยู่ข้างๆเวที ประมาณว่าให้รู้ว่า ข้ามาแจมกับวงนะไม่ได้อยู่วงเดียวกัน เค้าก็จะ pan ไปซ้ายมาก หรือขวามาก มันจะทำให้รู้สึกได้ถึงความกว้างและไกลอ่ะครับ… แต่สำหรับ shp9000 มันกว้าง กว้างซะจนผมงงว่า เฮ้ย ผมเผลอเอา mix pan ไปทางซ้ายหรือขวารึเปล่า จนกระทั่งมี instrument อื่นๆมาเล่นอีกด้านนึง ผมถึงรู้ว่านี่คือความจงใจของหูฟังตัวนี้แล้วล่ะ stage มันกว้างมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกทะแม่งๆ เลยเอาวะ ลองกับเพลงคลาสสิคดีกว่า หูฟังที่มี stage ระดับนี้น่าจะใช้กับวงใหญ่ๆได้ดี..

http://images.amazon.com/images/P/B000003D69.jpg
ผมจึงหยิบหนึ่งในแผ่นคลาสสิคที่ผมชอบมาก คือ Telarc Collection Vol 2 โดย track ที่ผมใช้เป็น Reference ก็คือ The Magnificent Seven… track แรกเลยนะครับ สิ่งที่พิเศษของ track นี้คือมันเป็นเพลงที่ครบๆเลย เพลง classic หลายๆเพลง บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินแต่เครื่องสาย ในขณะที่พวกมือ harp, oboe, timpani นั่งหลับอยู่ แต่ในเพลงนี้ ทุกคนทำงาน และเนื่องจากว่าเพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงคลาสสิคยุคบาโรค โรแมนติค คลาสสิค อิมเพรชชั่นนิสต์ แต่เป็นเพลงที่ถ้าผมจำไม่ผิด พึ่งแต่งขึ้นช่วงยุค 50-60เอง ทำให้มันมีในส่วนของ rhythm ที่มีส่วนคล้ายกับเพลงที่เราได้ยินกันในปัจจุบันแต่เป็นวงใหญ่ ซึ่งเพลงอารมณ์หาฟังได้ยากมากครับ

เปิดมาก็ โอ้วว วงใหญ่สะใจจริงๆ แต่…………. ทำไมเวทีมันถึงไร้ซึ่งความลึกได้อย่างสิ้นเชิงอย่างงั้นล่ะ คือมันเป็นเวทีที่มีหน้ากว้างประมาณกิโลนึงได้ครับ แต่ลึก 60 เซนได้ คือประมาณว่า หากอยู่ตำแหน่งเดียวกันบน stage แล้ว ไอ้นักดนตรีสองสามคนนี้ มันต้องขี่คอกันเล่น เพราะไม่มีพื้นที่ให้มันเล่น ใช่ครับ สิ่งที่ผมกำลังพูดคือ shp9000 มันกว้าง แต่มันแบนครับ ต่างกับ set up เก่าของผมที่ใช้ d5000เลย คือมันไม่ได้กว้างขนาดนี้ แต่เวทีมันลึก ทำให้ตำแหน่งของเครื่องดนตรีมันชัดเจน สามารถจะจินตนาการรูปเวทีออกมาได้ง่ายกว่า shp9000 มากๆ … สาเหตุนึงที่มันเป็นแบบนี้ อาจจะมาจากข้อเสีย ร้ายแรงข้อที่สองของเจ้า shp9000 นี้ล่ะครับ อยากรู้ใช่มั้ยแล้วว่าคืออะไร แต่น แตน แต๊น….

ข้อ เสียร้ายแรงข้อที่สอง… hi กับ mid และ low มันไร้ซึ่งความสมดุลย์กันอย่างสิ้นเชิง!!!! ชนิดที่เรียกว่า hi ของมัน mid ของมัน และ low ของมัน เหมือนมาจากหูฟังคนละตัวกันเลยครับ ถ้าให้ผมเดา Philips เค้าใช้วิศวกรแยกคนออกแบบ hi mid low รึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเอามารวมกัน แต่พอมารวมกันแล้วลืมลองฟัง ว่ามันเข้ากันไม่ได้!!!!!!! และเพราะตรงนี้ล่ะ ทำให้เสียงมันแบนไปหมด

ตรรกะเด็ก ป.4 เลยนะครับ “หากหูฟังเสียงแหลมมันบาดหู ต้องทำงัยล่ะ?” ก็แน่ละสิ mid มันต้องเด่น หนา และลอย เพราะไม่เช่นนั้นเสียง hi ซึ่งเป็นเสียงของเครื่องดนตรีซะส่วนใหญ่เนี่ย มันจะมาบังนักร้องทำให้เสียงนักร้องมันไม่เด่น และจะฟังเพลงร้องได้ไม่ค่อยเพราะ และ ถ้าเสียง mid มันหนาแล้ว เสียง low จะต้องหลบ โดยการที่ low จะต้องลงได้ลึก แต่ชัด และเป็นลูกๆ ….

แต่ shp9000 นั้น ทำตรงข้ามกับที่ผมพูดทั้งหมด นั่นก็คือ mid ของมัน มาในแนว คม ชัด ลึก ละเอียด โปร่ง ซึ่งโอเค ไอ้การ คม ชัด ลึก ละเอียด ของ mid นี่เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ไม่ดี แต่เสียงลักษณะนี้มันไม่เข้ากับ hi มันอ่ะสิครับ มันทำให้ฟังเพลงร้องแล้ว เสียง hi แทนที่จะอยู่ข้างหลังนักร้อง นี่กลายเป็นมาเล่นอยู่ข้างนักร้องซะงั้น..

http://upic.me/i/l3/14sno.jpg
ผมจึงลองฟังทดสอบกับแผ่น ETERNAL SINGING – ENDLESS LOVE IV (แผ่นที่ 2 จากซ้าย) Track 1 เลย Speak Softly Love เพลงนี้ เป็นหนึ่งในเพลงที่ mix ออกมาได้ “เลียหูที่สุด” ครับ คือนักร้องไม่ได้อยู่ในวง แต่มาร้องให้ฟังข้างๆหูเลย เป็นเพลงที่ถ้าเจอหูฟังที่มี mid เด่นๆละก็ โอ้โห เวลาถอดหูฟังออกมาเนี่ยหูเปียกเลยครับ เพราะโดนเลียซะเยิ้มเลย… (น่าน…อย่าคิดมากนะครับ) แต่พอมาฟัง track นี้กับ shp9000 พบว่า มันลงตัวเลยครับ (ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีนะครับ เพลงนี้มันต้องเยิ้มครับ) คือนักร้องเหมือนจะรู้กาละเทศะ เดินกลับไปอยู่บนเวทีซะงั้น เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความกระด้างของเพลงนี้ ซึ่งเป็นเพลงที่จะ นุ่มไปซะหมด ทั้ง instrument ที่เล่น เทคนิค microphone placement เทคนิคการ mix ฯลฯ…

Salena Jones – Audiophile Selection II (2008)

หลังจากนั้นผมก็ทดลอง กับแผ่นรวมฮิต Salena Jones ซึ่งเหตุผลที่ผมชอบแผ่นนี้มากเลยก็คือ มันเป็นเพลง Audiophile ที่ไม่ได้ใช้สูตรสำเร็จในการทำเพลงแนว audiophile จะขอแชร์ให้ฟังนิดนึงและกันนะครับ ในฐานะคนทำเพลง ที่ฟังเพลงด้วย…

คือ ไอ้ stage, image, focus หรืออะไรก็ตามแต่ในภาษาคนเล่นเครื่องเสียงจะพูดกันไปเนี่ย แท้จริงแล้ว ในภาษาคน mix มันก็คือแค่ PAN (ซ้าย ขวา) และ VOLUME เท่านั้นเองครับ มันไม่ได้มีปาฏิหารย์ใดๆทั้งสิ้น ไม่มีเทคนิคชั้นสูงในการจัดวางเครื่องดนตรีเวลามิกซ์ เพราะท้ายสุด มันก็จะกลับมาที่เบสิคที่สุด คือ pan กับ volume เสมอ ทีนี้เพลง audiophile ปกติ สมมุติว่ามี instrument ดังต่อไปนี้

1. กลอง Brush (Jazz kit)
2. Double Bass
3. Piano
4. Saxophone Solo
5. Vocal

และ ผู้มิกซ์ต้องการจัดรูปวงให้ได้อารมณ์ Jazz Club กลองอยู่ข้างหลังกลาง Double Bass อยู่ทางขวา เปียโนอยู่ทางซ้าย Double Bass & Piano อยู่แถวสองถัดมาจากกลอง ส่วน saxophone ยืนแถวหน้าคู่นักร้อง ต่างกันที่ว่านักร้องจะยืนตรงกลางค่อนมาทางซ้าย ส่วนแซ็กซ์จะยืนอยู่ทางขวาแต่แถวเดียวกับนักร้อง

ฉะนั้นผู้มิกซ์ก็จะ เอา piano pan ไปทางซ้าย double bass แพนขวา โดยใช้ volume น้อยกว่าแถวแรก นั่นก็คือนักร้องและแซ็กส์ เพื่อให้มันอยู่ลึกกว่า ส่วนนักร้องก็แพนซ้ายนิดๆ แซ็กส์แพนขวาไปมากๆหน่อย จะได้เห็นตำแหน่งชัดเจน…. เสร็จแล้วเวลาอัดก็เอาฟีลดิบๆ สดๆ มีเสียง reverb นิดหน่อย มีเสียงบรรยากาศ ambience นิดหน่อย ใช้ outboard น้อยๆ

แค่ นี้ นักเล่นเครื่องเสียงก็ชมกันเปาะแล้วครับ ว่าโอ้ว อัดดี มิกซ์ดี เสียงดี ทั้งที่ความจริงก็คือ มันก็แค่เครื่องดนตรีน้อย ทำให้จัดต่ำแหน่งได้ง่าย และมีเสียง ambience, reverb อยู่ด้วย จึงรู้สึกได้ถึงความสด… แต่แผ่น Selana Jones หาใช่อย่างนี้ไม่

Selana Jones เป็นแผ่นที่ให้ความสำคัญกับ musicality ของเพลงอย่างเต็มที่ เครื่องดนตรีจะเยอะกว่าเพลงแนว audiophile ทั่วไป รายละเอียดของเพลงเยอะ (ต่างกับเพลง audiophile ทั่วไป ที่รายละเอียดของเพลงน้อย แต่รายละเอียดของแต่ละ instrument เยอะ)

ผมลองฟัง Track ที่ 11 “The Way We Were” ผลก็คือ เจ้า SHP9000 ให้รายละเอียดออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ผมได้ยินเสียงหลายเสียงที่ผมจะไม่สังเกตเลยกับพวก hd650 600 k701 D5000 อาจจะเป็นไปได้ว่าหูพวกนั้น เสียงมันกลมกล่อมไปหมด จึงทำให้ความปราถนาให้การแสวงหารายละเอียดมันน้อยลง แต่สำหรับ SHP9000 นี้ ด้วย character ของมัน ทำให้เพลงๆเดิม มีความสนุกใหม่ๆเข้ามา นั่นก็คือฟังเสียงที่เราไม่เคยได้ยิน อย่างเช่น the way we were นี้ หลังจากจบ Intro เข้า Verse 1 หลักจากที่ร้องว่า Memories,….. like the corners of my mind ตอนช่วงที่เป็นห้องว่างระหว่าง memories กับ like the corners ผมได้ยินเสียง effect chorus ของคำว่า “like” มาก่อนที่ Salena จะร้องว่า “Like” ซึ่งปกติแล้ว chorus จะต้องตามมาทีหลังใช่มั้ยครับ แต่นี่มันมาก่อน ทำให้ฟีลของเพลงมันน่าสนใจมากขึ้นทันทีเลย…

อย่างไร ก็ตาม ข้อเสียก็อยากที่บอกไปแล้วอ่ะครับ คือ SHP9000 นี้เสียง hi ระดับเทพ แต่ mid เป็นคนเดินดิน ฉะนั้นเวลาฟัง Salena แล้ว ไอ้เสียง instruments มันจะมาแข่งกับ Salena ครับ คือตำแหน่งของ Salena มันไม่ได้ออกมาข้างหน้ามาก เหมือนยืนห่างจากวงแค่ไม่กี่เมตร (แต่ stage ก็ยังกว้างมากอยู่นะครับ) อีกปัญหาที่มาจากเสียง hi เหมือนกันคือ ในพวกท่อน verse เนี่ย ก่อนกลองจะ fill มาเข้าท่อน pre-chorus หรือ chorus หลายๆทีมันมักจะชอบตี hi-hat เพื่อคุมจังหวะ แล้วไอ้เสียง hi-hat นี่ล่ะครับที่มันบาดหูเอาซะมากๆ ด้วยความชัดของมัน ทั้งที่ในแผ่นเดียวกันนะ ผมฟังกับ set-up อื่นที่ผมเคยมี ผมไม่เคยรู้สึกรำคาญ hi-hat มาก่อนเลย..

หลัง จากนั้นผมก็ลองฟังแผ่น Kenny Rogers/ You decorated my life เพลงนี้ผมว่าเป็นเพลงที่บันทึกมาได้ดีมากๆเพลงนึงเลย เรียกว่าฟังเพลงนี้เพลงเดียว ก็สามารถที่จะตอบได้ประมาณ 80% เลยว่า set up นี้ประสิทธิภาพเป็นยังงัยบ้าง เพลงนี้โครงสร้างคร่าวๆมันเป็นงี้ครับ

Intro: Piano

Verse 1: Piano + Vocal

Verse 2: Piano + Vocal + Pad

Chorus: Piano + Vocal + Pad + drums (มี fill กลองเข้ามาก่อนเข้าท่อน Chorus เป็น fill กลองแบบแพนซ้ายสุดยันขวาสุดไปเลย ไม่ค่อยได้ยินเค้า mix แบบนี้กันครับ) + Ensemble Strings วงใหญ่เลยครับ + Guitar Strumming ที่ซ่อนอยู่ ลองตั้งใจฟังดีๆนะครับ + Choir (พวกเสียง ฮู้ ฮา นั่นล่ะครับ) + etc.. ท่อน Chorus เพลงนี้ วงใหญ่มากๆครับ

ผลที่ได้ก็ confirm จาก Selana Jones เลยครับ เริ่มต้นตั้งแต่ intro มาจนถึง verse 2 ฟังดูดีมาก หากเป็นคนไม่ชอบเสียง mid ล้นๆ เพราะเครื่องดนตรีมันมีอยู่แค่เปียโนกับเสียง pad และร้อง ฉะนั้นสำหรับหูฟังขั้นนี้กับงานแค่นี้ยังงัย image มันก็ชัดอยู่แล้ว พอจะเข้าท่อน chorus งานก็เข้าเลย เพราะด้วยความที่ stage มันกว้างสุดลูกหูลูกตา พอมือกลอง fill เข้ามา แล้วแทนที่ sound en จะจับให้มือกลองอยู่กลาง ส่วนกลองอยู่รอบตัวเค้า กลับให้มือกลองอยู่กลาง แต่กลองอยู่ขอบเวทีซ้ายและขวา แพนกันสนุกเลย ฉะนั้นมันจึงฟังดูไม่ค่อยเหมือนจริงเท่าไหร่ (แต่มีสีสัน) ในท่อนนี้

หลัง จากกลอง fill แล้ว อยากให้ลองฟังดูดีๆนะครับ จะได้ยินเสียง guitar strumming ซึ่งความพิเศษก็คือ ปกติ guitar strum เนี่ย เค้าก็จะ strum เป็นคอร์ด ไปเรื่อยๆกับเพลงใช่มั้ยครับ แต่นี้จะเป็น strum ลักษณะ “สอดไส้” แล้วปกติเนี่ย มือกีต้าร์จะ strum อยู่ข้างหลังใช่มั้ยครับ แต่นี้ มือกีต้าร์จะมา strum ข้างหน้าเลย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่่มิกซ์เพลงนี้มองไปเหนือกว่านั้น เพื่อให้ strum นี้มีเสน่ห์และเป็นเสียงที่ไม่กวนกับเพื่อน จึงไป eq เอา mid กับ lo ลงเยอะๆเลย เหลือเป็นความกริ้งและฟีลของ pick ดีดสาย nylon ของการ strum ทำให้รับรู้ถึง impact ของ pick ได้เลยครับ (ศัพท์นี้ผมตั้งขึ้นมาเองนะครับ เค้ามีแต่ impact ของ bass 5 5 5) สำหรับเสียงเสียงนี้นะครับ พูดจริงๆว่า hd650 และ d5000 ก็ให้ฟีลนี้ผมไม่ได้ เนื่องจาก mid ที่หนากว่า ทำให้เสียง strum ตรงนี้มันไม่ cut ออกมาจากวง

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อน ก็ยังเป็นจุดอ่อนครับ เสียง string ensemble ข้างหลัง ที่ในที่นี้ใช้เป็น strings วงใหญ่ มันโหมก็จริงอยู่ แต่มันไม่ลีกครับ ปกติสูตรสำเร็จของการมิกซ์เสียงสตริงเลยก็คือ ให้มันเป็นเสียง background อยู่ข้างหลังเลย มีแล้วบางทีรู้สึกเหมือนไม่มี แต่ถ้าไม่มีแล้วจะขาดแล้วเพลงก็ไม่เพราะเลย แต่ strings ในเพลงนี้กับ SHP9000 ตำแหน่งมันอยู่ประมาณระหว่างมือกลองกับมือเบสได้ ซึ่งในความเป็นจริงเวทีแบบนี้จะไม่มีในโลกครับ…

และพอมาถึงเสียง Choir ตรง ฮู้ อู ฮู้ ฮุ่ ตรงที่นักร้องหยุดเนี่ย จุดอ่อนก็เด่นชัดออกมาครับ นื่องจากเสียง Choir ลักษณะนี้มันสมควรจะเป็นเสียงที่ใช้ปูพื้นเพื่อให้เพลงมันแน่น หนา แต่ฟังสบายมากขึ้น ปกติหูฟังและลำโพงที่ฟังเสียง choir เพราะๆก็คือหูฟังหรือลำโพงที่มี low ที่อุ้มๆหน่อย อย่างเช่น D5000 นี่ใช่เลย Choir มันจะออกมา smooth มากเลยครับ และไม่ไปแย่งกันเด่นกับเครื่องดนตรีอื่นด้วย แต่สำหรับ SHP9000 ที่จุดเด่นมันไปอยู่ที่ hi นั้น ทำให้เสียง Choir มัน cut ออกมาจาก mix (ซึ่งเสียงลักษณะนี้ไม่ควร cut เลย) แล้วมันก็มาแย่ง scence ชาวบ้านเค้า distract ความสนใจและสมาธิของผู้ฟัง และทำให้รู้สึกว่ามันโดดๆ

นอกจาก Choir ที่ cut ออกมาชัดมาก อีกหนึ่งปัญหาก็คือเวทีที่ขาดความลึก ทำให้ไอ้ choir นี่มันแบนสนิทเลย เวลามีเครื่องเยอะๆแล้วเนี่ย การมี stage ที่กว้างมากๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่แล้วครับ… เพลงมันจะฟังดูราบเรียบไปหมดเลย

บ่นมายาวถึงขนาดนี้ หลายๆท่านอาจจะคิดว่าหูฟังตัวนี้มันแทบจะไม่มีอะไรดีเลย ขาดๆเกินๆตลอด???

ผิด ครับ!!!!

1.ถ้ามันแย่ ผมไม่ทู่ซี้ฟังต่อจนไม่ได้ทำการทำงานหรอกครับ… หูฟังตัวนี้ เสียง มันมี “ศักยภาพ” ที่ จะเติบโตขึ้นได้ดีกว่านี้อีกหลายเท่าตัวเลย ชนิดที่เรียกได้ว่าหาก match อุปกรณ์ดีๆ กับ player กับ dac ดีๆ มีสิทธิ์ได้หายใจรดต้นคอ HD600,650 K701, D5000 แน่ๆ (ในหลายๆแนวดนตรีอาจจะมีศักยภาพที่จะชนะด้วยซ้ำไป)

2. ตอนที่ผมแกะกล่องลองทีแรก ซึ่งเป็นช่วงแรกที่เขียน review หูมันยังไม่ได้ burn เลยครับ ตอนนี้ฟังไปประมาณยี่สิบกว่า ชม ได้แล้วมั้ง ความกระด้างของแหลม ที่ทำให้ mid มันฟังดูกระด้างมากๆนั้นหายลงไปเยอะพอสมควรแล้วครับ จำได้มั้ยครับที่ผมบอกว่าเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นที่เอาไว้ฆ่าคนได้อ่ะครับ.. ตอนนี้ฆ่าคนไม่ได้แล้วนะครับ แต่ยังบาดเจ็บสาหัสได้อยู่

3. ผมลองใช้พวก headamp ของ studio ทดสอบดูแล้วนะครับ (Behringer HA-4700) ซึ่ง headamp ของ Studio จุดประสงค์จะต่างกับ headamp ของบ้านเลย headamp ของบ้านจะใช้เพื่อ amp หูฟังและ customize เสียงให้ได้อย่างที่เราต้องการให้เป็น หลายๆทีก็จะถูกใช้เพื่อกลบจุดอ่อนของหูฟังนั้นๆ แต่ headamp ที่ใช้ใน studio เนี่ย ถูกออกแบบมาให้ amp หูฟังอย่างเดียวเลยครับ ไม่ใช่ไป color มัน ซึ่งผลหลังจากทดสอบกับ headamp ก็คือ เวทีลึกขึ้นพอสมควรเลยครับ นักดนตรีไม่ขี่คอกันเล่นซักเท่าไหร่แล้ว วงเล็กๆตอนนี้เอาตัวรอดสบายแต่วงใหญ่ๆยังอึดอัดอยู่ครับ เบสลึกขึ้น แต่ก็ยังเป็นเบสแนวชัดๆ ไม่ฟุ้ง ไม่ลึก เบสน้อยเหมือนดิมครับ โดยสรุปก็คือ ผมเชื่อว่าถ้าเจ้า SHP9000 เจอกับ player กับ amp ดีๆ น่าจะจบเลย ไปได้ไกลชัวร์ๆครับ

4. สำคัญที่สุด อาจจะเห็นว่าผมด่าเยอะนะครับ นั่นเป็นเพราะว่าด้วยความเป็นรุ่นท๊อปของมัน ผมจึงเปรียบเทียบกับรุ่นท๊อปของยี่ห้ออื่นๆ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เอาเข้าจริงๆ set-up ที่ผมฟังหูฟังนั้น สมัยที่ผมเล่น มันก็ค่อนข้างเป็น set-up ที่ดีในระดับนึงเลย ไม่ว่าจะเป็น player dac สาย amp ไฟ ฯลฯ จะว่าไปมันก็คือ set-up ที่ราคาหลักแสนนิดๆ และผมเอาไปเปรียบเทียบกับหูฟังราคาสามพันบาท (2990 ด้วยเอา) ถ้ามันดีกว่า ไอ้แบรนด์ใหญ่ๆคงไม่ต้องขายแล้วล่ะครับ

หากให้ผมเปรียบ เทียบตัวนี้กับหูฟังที่ราคาเท่าๆกัน… สมมุติละกันนะ

K420, K430, ATH SQ-5 (สองตัวหลังแพงกว่าหน่อยด้วยเอา)… ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า

มัน สู้กันไม่ได้เลย!!!!! เปรียบเหมือนเอานักมวยปล้ำร่างยักษ์อย่าง Big Show ไปต่อยกับนักมวยไทยหนักไม่เกิน 55 กก… ระหว่างทดสอบผมได้มีโอกาสต่อ ATH SQ-5 ของน้องสาว burn มาครบแล้วมาลอง a-b ข้างๆกัน ฟังอย่างตั้งใจจะดื่มด่ำรสชาติของบทเพลง… แต่สิ่งที่ผมพบก็คือ “ขี้” ครับ ถูกต้องแล้วครับ “ขี้” คือเสียงทุกเสียงมันถูกนำมายำ กวาดมารวมกันไว้ตรงกลาง แล้วยื่นให้ผู้ฟังเอาไปแยกขยะเอาเอง มันไม่ใช่สิ่งที่ดนตรีควรจะถูกได้ยินเลย

สำหรับหูฟังพวกนั้น ผมไม่เคยได้รับ “สุนทรียภาพของการฟัง” กับมันเลย สิ่งที่ผมได้จาก หูฟังราคาสามพันบาทบวกลบพวกนั้นก็คือ ผมแค่รู้ว่าเพลงมันเป็นยังงัย หลายๆคนอาจจะบอกว่า ผมดัดจริดนะเนี่ย ฟังเพลงจากวิทยุก็เพราะได้ ถูกครับ ฟังเพลงจากวิทยุมันก็เพราะได้ แต่อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ มันจะมีสองอย่างที่เกี่ยวข้องเสมอ คือ Matter และ Manner ซึ่ง Matter ก็แค่สาระ แก่นของสิ่งๆนั้น Manner ก็คือวิธีที่สิ่งๆนั้นถูกสื่อสารออกมา สำหรับดนตรีแล้ว มันสำคัญพอๆกันเลยครับ เพราะดนตรีมันจะเพราะได้มากที่สุด ก็แค่เท่ากับที่มันถูกสื่อสารออกมานั่นหน่ะแหละ…

สรุปก็คือ Philip SHP-9000 นั้น โคตรจะคุ้มเหนือราคา clearance ของมัน จริงๆแล้วผมเชื่อเหลือเกินว่า ที่คุณภาพขนาดนี้ หาก Philips ทำ marketing ดีๆ หูฟังตัวนี้จะสามารถขายได้ราคาสามถึงสี่เท่ามากกว่าราคา clerance ที่สามพัน อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เป็นหูฟังที่เป็นมาม่า ลวกน้ำร้อนสามนาทีแล้วจะเพราะเลย เพราะมันต้องการแอมป์ และต้องการการ match อุปกรณ์ดีๆด้วยครับ สำหรับวันนี้ ก็ขอจบการ review ยาวเหยียดมหากาพย์โม้แหลกเพียงเท่านี้ ขอบคุณที่อุตส่าห์ทนอ่านจนจบครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Trafficker

02/06/2010 23:20:57
0



นุ้มมนุ่ม
ความคิดเห็นที่ : 2

Trafficker

02/06/2010 23:21:13
0



แหล่ม
ความคิดเห็นที่ : 3

Trafficker

02/06/2010 23:21:41
0



2.5-3.5
ความคิดเห็นที่ : 4

Trafficker

02/06/2010 23:22:07
0



3.5 6.3
ความคิดเห็นที่ : 5

Trafficker

02/06/2010 23:22:18
0



-*-
ความคิดเห็นที่ : 6

Trafficker

02/06/2010 23:22:45
0



..
ความคิดเห็นที่ : 7

Trafficker

02/06/2010 23:24:33
0



มีกราฟฟด้วยยย
ความคิดเห็นที่ : 8

Trafficker

02/06/2010 23:25:24
0



ตอนแขวน
ความคิดเห็นที่ : 9

Trafficker

02/06/2010 23:26:50
0



จบแล้วครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้ ที่ฮารด์แวร์เฮ้าส์ยังมีอีกเยอะไหมครับ แฮ่ๆ...พี่ๆท่านไหนพบเจอบ้างไหมครับ
ความคิดเห็นที่ : 10

Trafficker

02/06/2010 23:37:28
0
ขอบพระคุณ พี่ๆ The Sound Chef เป็นอย่างสูงครับ

ในเว็บ http://thesoundchef.com มีแนะนำการเลือกซื้อเปียโนไฟฟ้า ด้วยล่ะครับ !!!
ความคิดเห็นที่ : 11

Trafficker

02/06/2010 23:43:16
0



สายอย่างนี้ เรียกว่า อะไรเหรอครับ สายถักหรือ?
ความคิดเห็นที่ : 12

Trafficker

02/06/2010 23:43:58
0



เ่อ่อ รูปหน้ากล่องแต่ละประเทศไม่เหมือนกันหรือครับ?
ความคิดเห็นที่ : 13

Acidstudio

03/06/2010 00:46:20
0
ตอนอ่านแรกๆก็งงว่า ทำไมถึงรู้ศัพท์ทางห้องบันทึกเสียง ศัพท์ทางเครื่องดนตรี แม้กระทั่งศัพท์ทางดนตรีด้วยซ้ำไป
ที่แท้ ก็คนในวงการนี่เอง อิอิ รีวิวดีครับ ชอบๆ ขอบคุณ จขกท. ที่นำมาแบ่งปันนะครับ


ปล.ว่าแต่ขอเค้ารึยังครับว่าจะเอามาลงที่นี่น่ะ
ความคิดเห็นที่ : 14

toonynet

03/06/2010 04:03:03
0
SHP9000 ผมหามานานแล้วเพราะผมชอบ SHP8900 แต่ยังไม่เจอถูกๆ ดีๆซะที
ฟิลิป ของดี นะครับ แต่มันไม่ขายใน US เลยไม่ดังในวง head-fi แค่นั้นจริงๆ
ความคิดเห็นที่ : 15

jomjomjom

03/06/2010 05:00:37
5
จองครับ
ความคิดเห็นที่ : 16

pirarucu

03/06/2010 05:42:29
0
รุ่นนี้ใช้วัสดุประกอบดีมากๆ(เมื่อเทียบกับราคา) นุ่มมากใส่สบาย ต้องใช้แอมป์ขับ เบสชัดแต่ค่อนข้างบาง เสียงอาจจะจืดเกินไปสำหรับหลายๆคนนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 17

jomjomjom

03/06/2010 06:26:17
5
โอ๊ะ ไม่ได้มีใครจะขายใช่ไม๊ครับเนี่ย ... ขอโทษในความเฟอะฟะครับ 555+++
ความคิดเห็นที่ : 18

Trafficker

03/06/2010 07:24:02
0
ขอเรียบร้อยแล้วครับผม พี่ๆใจดี


Re: Enquiry Pidhin‏
จาก: thechef@thesoundchef.com
ส่งเมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553 13:44:41
ถึง: Pidhin (trafficker_21@hotmail.com)

Quoting Pidhin :

> คือผมอยากจะขอ อนุญาติ นำรีวิว Philips SHP9000 นำไปเผยแพร่ที่เว็บ
> มั่นคงแก๊ดจิด ได้ไหมครับ คือผมชอบในแบรนด์นี้ ปัจจุบัน ใช้SHP8900
> ประทับใจมากๆ และประทับใจในรีวิวของพี่ จึงอยากจะขอนำไปแบ่งปันได้ไหมครับ
> ด้วยความเคารพอย่างสูง
> ปั้น
>
>

ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ :)

ความคิดเห็นที่ : 19

Trafficker

03/06/2010 07:26:16
0



อยากได้ง่ะๆ ใครเคยใช้ ช่วยแนะนำหน่อยครับ คือผมมี8900แล้ว ไม่ทราบว่าshp9000มันต่างกันมากไหมครับ ควรซื้อเพิ่มอีกตัวไหมครับ ขอบพระคุณครับ
ความคิดเห็นที่ : 20

Montri

03/06/2010 08:53:33
1
http://diy.alinkcorp.com/review/clearance0912.asp

ลองดูนะครับ
ความคิดเห็นที่ : 21

go_pong

03/06/2010 09:12:10
0
อ่านซะเคลิ้มเชียวครับ
ความคิดเห็นที่ : 22

go_pong

03/06/2010 10:42:02
0
http://diy.alinkcorp.com/review/clearance0912.asp
ผมลองติดต่อไปแล้วครับ สินค้าตัวนี้ไม่มีของในสต๊อกแล้ว ที่เห็นคอมมันไม่อัพเดท
ความคิดเห็นที่ : 23

นายมั่นคง

03/06/2010 10:42:10
4,282
กำลังค่อยๆๆ ทะยอยอ่านล่ะครับ 555
ความคิดเห็นที่ : 24

Trafficker

03/06/2010 12:22:28
0
กำ หมดแล้ว !!!!!!!!!!! โอ้วววว ซาร่าห์์~~~~~
ความคิดเห็นที่ : 25

Trafficker

03/06/2010 21:51:17
0
รบกวนถามหน่อยนะครับ ว่าไอ้ สาย แบบ หูฟังอันนี้ แบบที่ 2.5ไป 3.5 น่ะครับ ตอนนี้ มีสายโม ขายบ้างไหมครับ คือไม่ค่อยเห็นเลย
ความคิดเห็นที่ : 26

PuyZaBra

21/06/2010 07:51:42
ถ้าเอามาเทียบกับMS1i หรือ SR80ใครเสียงกว่ากันคับ
ความคิดเห็นที่ : 27

tr

21/06/2010 13:18:02
ผมว่าฟิลิบส์ ให้รายละเอียดดีแยกเสียงดีเหมือนกันนะครับ แต่เสียงธรรมดา จืดๆ ต้องมีแอมป์ ปรับEQช่วยบ้าง ขาดสีสัน ใส่สบายกว่ากราโด้มากๆ55+ ดูหนังเพลิน
ความคิดเห็นที่ : 28

Kornn

13/08/2011 02:16:37
ขาย SHP9000
สภาพใหม่
085-386-1688
ความคิดเห็นที่ : 29

bigcat

13/08/2011 08:30:57
คห.10 เล่นเอาเคลิ้มเลยนะ
ความคิดเห็นที่ : 30

bigcat

13/08/2011 08:33:04
เคลิ้มมากไปเลยพิมพ์ผิด

คห.19 เล่นเอาเคลิ้มเลยนะ
"รีวิว "พระกาฬไฮเดฟฟ์" SHP9000"