Mr.Stirling Trayle นั้นเป็นผู้ที่หลงใหลในการเล่นเครื่องเสียง และค้นคว้าการเซ็ทอัพ เพื่อรีดคุณภาพเสียงจากชุดฟัง
ให้ได้คุณภาพดีที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ ซึ่งฝีมือของเค้าก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
หรือแม้กระทั่งแบรนด์เครื่องเสียงยักษ์ใหญ่ ที่ขาย System หลักหลายๆล้าน ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการเซ็ท
ก็ยังต้องใช้บริการลุง Stirling ในการเข้าไปเซ็ทอัพให้ลูกค้าครับ เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงออกมาดีที่สุด

มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ สิ่งแรกที่เค้าทำก็คือสั่งรื้อของออกทั้งหมดครับ เรียกได้ว่าเริ่มใหม่หมด
เพื่อเช็คทุกอย่างให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ มาถึงก็เรียกทีมงานของ Deco2000 รื้อให้หมด

เครื่องเสียงที่อยู่บน Shelf เค้าก็สั่งยกออกให้หมดครับ เล่นเอาทีมงานงงกันหมด
เพราะนึกว่าเค้าจะมาเซ็ทอัพลำโพงเฉยๆ ที่ไหนได้เซ็ทอัพทั้งระบบใหม่เลยครับ
ว่าแล้วก็ต้องช่วยกันยกของช่วยลุง Stirling ครับ ลำพังแกคนเดียวอาจจะหลังยอกได้ 555

นอกจากยกของออกแล้ว ยังรื้อชั้นวางออกหมดเลยครับ ถอดหมดทุกชิ้น น็อตทุกตัว
เอาออกมาขันใหม่ ทำความสะอาด และเช็คความเรียบร้อยของน็อตด้วยครับ

หลังจากนั้นก็ถอดสายสัญญาณ สายไฟ และสายอื่นๆทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ออกมาหมดเลยครับ
เค้าบอกว่าต้องเอาออกมาทำความสะอาด และใช้น้ำยาเคลือบกันอ๊อกไซด์ด้วยครับ เพื่อให้นำสัญญาณได้ดีที่สุดครับ

สายที่ถอดออกมานอนเรียงราย รอการเช็ดขั้วต่อทำความสะอาดครับ ซึ่งถ้าใครได้มาดูขั้นตอนการทำงาน
จะได้เห็นว่าเค้าเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากครับ ใจเย็นด้วย แต่ละขั้นตอนละเมียดละไมมากๆ

ลุง Stirling สั่งรื้อแม้กระทั่งแผง Acoustics ด้านหลังห้องครับ เค้าต้องการเช็คการยึดอุปกรณ์ต่างๆในห้องครับ
ซึ่งอาจจะดูเป็นจุดเล็กๆน้อยๆ แต่สามารถส่งผลต่อโดยรวมของเสียงได้ครับผม

ส่วนอันนี้เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่แกหิ้วมาจากอเมริกาครับ ครบครัน เซ็ทอัพได้ทุกอย่าง
และพร้อมแก้ไขทุกสถานการครับ เห็นกระเป๋าที่แกหิ้วมาแล้ว น่าจะไปเปิดแผงขายเครื่องมือได้เลยครับ 555

รอชมต่อครับพี่หมูหวาน อยากทราบว่าประกอบทุกอย่างกลับเข้าไปแล้วจะเป็นยังไงบ้าง แต่อาจจะต้องมีระยะเบรินใหม่ให้เข้าที่ด้วยหรือปล่าวครับเพราะขาดไฟไปเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆแป๊บนึง

ผมสนใจเรื่องการชุบสารกันออกไซด์ครับ ว่าทำกันยังไงครับ และมียี่ห้อน้ำยาที่ใช้หรือเทคนิคการทาแนะนำด้วยมั้ยครับ และทาทั้งขั้วสายไฟและสายอินเตอร์คอนเนกรวมถึงช่องoutput/input ท้ายเครื่องเลยด้วยหรือปล่าวครับ จะได้ลองทำบ้างครับ ขอบคุณครับ

ว้าว สุดยอดเลยครับได้เห็นขั้นตอนการทำงานของมือเซ็ตอัพระดับโลก ขอแบบละเอียดยิบเลยนะครับคุณหมูหวาน แอบเห็นแกใช้น้ำยา Progold รุ่นเดียวกับผมเลย เดวรื้อชุดตัวเองมั่ง 555

555 ไหนๆก็มีคนปาดไปแล้ว ขอตามน้ำเลย
ขอบคุณ @หมูหวาน ครับ ได้เปิดหูเปิดตาสิ่งที่ไม่เคยดูมาก่อน
ตามคอนเซ็ปต์ของลุง Stirling นี่ถ้ามีลายนิ้วมือเกาะที่ขั้วสายสัญญาณนี่เสียงคงเพี้ยนน่าดู อันนี้แซวเล่นๆครับ 555

พอดีคุณหมูหวานโพสเรื่องนี้ใน FB ด้วย ผมเลยไปโพสถามคุณหมูหวานว่า คุณ Stirling ใช้น้ำยาทำความสะอาดคอมแทคยี่ห้ออะไร "เป็นภาษาไทย" ปรากฏว่าคุณ Stirling แกน่ารักมาก มาตอบให้ด้วย แกคงกดแปลเพื่ออ่านและมาตอบเลยอะ

ซูมดูก็ไม่รู้ พอดีเคยเห็นแต่แบบขวดเล็กๆ กระป๋องแบบนี้ไม่เคยเห็น 55

ขอโทดที่ปาดเข้ามาครับ 555 ผมก็อ่านมาตั้งกะเมื่อคืน นึกว่สพี่หมูหวานจะลงต่อ เลยรอจนเช้าเห็นไม่มีอะไรต่อแล้วเลยขออนุญาติปาดเข้ามาถาม แหะๆ สรุปยี่ห้อ progold ใช่มั้ยครับ

555 ต้องขอโทษ @bonus79 นะครับ ไม่ได้ตั้งใจว่าแต่อย่างใด แต่สงสัยอาชีพอย่างลุง Stirling เขาเรียกว่าอาชีพอะไรครับ มันมีชื่อเรียกรึเปล่า ?

@bonus79

เมื่อคืนไปพยายามศึกษามาแล้วคับ เล็งๆมานาน เห็นมีหลายยี่ห้อจึงไม่ตัดสินใจซะที พอเห็นพี่แกใช้เลยลอกเลย สั่งซื้อไปแล้วคับ(จาก avbestbuy) 555

ยี่ห้อ Deoxit จากบริษัท Caig ซีรีส์ Gold-G series(เปลี่ยนชื่อแล้ว เมื่อก่อนเรียก Progold) ในซีรีส์นี้จะมีความเข้มข้น 5% และ 100% บรรจุใน container หลายๆแบบ ซีรีส์นี้จะเน้นการเคลือบ การป้องกัน ทำความสะอาดได้นิดหน่อย

และจะมีอีกซีรีส์คือ D series ที่จะเน้นทำความสะอาดมากกว่า

ปล.จริงๆมี Gold GxL series ด้วย เหมือนจะดีขึ้นไปอีก(แพงกว่า)

โอ้โหดีเทลเพียบเลยขอบคุณมากครับคุณ draco เดี๋ยวสั่งบ้างครับคืนนี้ อิอิ

พี่สมเกียติไม่ต้องขอโทดก็ได้ครับพี่ ผมไม่ซีเรียสเลยครับ จะเม้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับแต่เห็นพี่หมูหวานลงเรื่อยๆเลยรอก่อนจนเช้านี้หละครับ ดูรูปเครื่องมือไปพลางๆ รอชมภาพและความรู้สึกเมื่อจัดทุกอย่างกลับเข้าที่เสร็จครับ

ใช้ยังไงอ่าครับ จริงๆ เหมือนตอนซื้อสาย audience มามันก็แถมน้ำยาไรนี่มาด้วยเหมือนกันนะ แต่ใช้ไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ

ต้องขออภัยด้วยครับ เนื่องจากเรื่องค่อนข้างจะยาว ผมเลยจะทยอยมาลงให้อ่านกันครับ
อาชีพของแกคือรับเซ็ทอัพเครื่องเสียงโดยเฉพาะเลยครับ คือใครต้องการรีดประสิทธภาพจากชุดที่ใช้อยู่
สามารถเรียกใช้บริการแกได้เลยครับ ค่าแรงแกก็วันละ 1,500USD ครับ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ซึ่งแกจะทำให้ใหม่หมด ตั้งแต่เริ่ม จนถึง Set Up ลำโพง ให้เสียงดีที่สุดในห้องนั้นครับผม

ขั้นตอนต่อไปแกก็เช็คเรื่องระบบไฟครับ เช็คเฟส เช็คโวลท์ตามจุดต่างๆ แล้วก็การเช็คจุดกราวน์ว่าทำงานถูกต้องไหม
การทำงานเป็นขั้นเป็นตอนครับ มีเจอไฟรบกวนเข้ามาในระบบราวๆ 10 โวลท์ ซึ่งเป็นการ Induce ของสายไฟแรงสูงภายในห้าง
ซึ่งตรงจุดนี้คงจะหาวิธีแก้ยากเหมือนกัน เพราะต้องไปขอรื้อสายไฟห้างเลย แกเลยต้องยอมหยวนๆไปครับ

จากนั้นแกก็รื้อสายไฟออกมา ปลอกใหม่ และทำความสะอาดหน้า contact ครับ ซึ่งเวลาใช้ไปนานๆ
จะมีอ๊อกไซด์เกาะทั้งตัวนำ และขั้วต่อครับ แกเลยจัดการรื้อใหม่หมด ขันน็อตล็อคใหม่อย่างดี

แถมยังไม่พอครับ แกสั่งเปิดยันพื้น ที่ออกแบบไว้เป็นระบบ Absorb ตรงบริเวณชั้นวางเครื่องเสียง
ทำการเช็คระดับน้ำ และการวางแผ่น Absorb ให้ถูกจุดที่จะรับน้ำหนัก และไม่มีการโยกเยกได้ครับ

หลังจากลงมือทำระบบไฟ เรียบร้อย แกก็เริ่มมาลุยที่ตัวเครื่องต่อครับ แกจะเน้นในส่วนของการทำความสะอาดหน้าสัมผัสต่างๆ
ซึ่งมีส่วนทำให้ System ถูกลดทอนประสิทธิภาพลง โดยเฉพาะชุดที่มีการใช้มาอย่างยาวนานครับ
ในภาพนี่กำลังลงมือเปิดฝาเครื่องของปรีแอมป์ VTL ครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าแกจะทำอะไรบ้าง

หลักๆเลยแกก็ถอดหลอดออกมา ทำความสะอาดที่ขาหลอดครับ เพื่อให้ส่งสัญญาณได้ดีขึ้น
แต่ตรงจุดนี้แกไม่ได้ใช้ Deoxit นะครับ เพราะแกบอกว่าในส่วนของหลอดแก้ว แล้วไฟที่จุดนี้ sensitive มาก
จึงไม่ควรใช้น้ำยา แต่แกให้เน้นเอาขาหลอดถูๆ กึ่งขูดที่ Socket ตอนใส่แทนครับผม

ตัว Socket Fuse และขั้ว Fuse ก็เช่นกันครับ ถอดเช็ดใส่ ถอดเช็ดใส่ อยู่แบบนี้จนครบทุกจุดครับ ซึ่งกินเวลามากเลยทีเดียว
ทำให้เราได้เห็นความพิถีพิถัน สมกับความเป็น Audiophile ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆครับ

ดูงานแกละเอียดมาก ถึงมากที่สุด ซึ่งดูแล้วกว่าจะเสร็จน่าจะใช้เวลาหลายวัน
คิดถึงตัวของแก จำนวนวันที่ใช้ x 1500$ ว้าว.. ไม่อยากคิด

อย่างนี้ถ้าเชิญแกมาตอนสร้างห้องใหม่ ซื้อของเข้ามาใหม่หมด แกคงไม่ต้องรื้ออะไรมากขนาดนี้และคงใช้เวลาทำงานน้อยลงเยอะ

เห็นแกทำแล้วสุดยอดละเอียดเลย ทีแรกว่าจะจ้างแกมาทำ พอเห็นประโยค ของพี่หมูหวาน

"ค่าแรงแกก็วันละ 1,500USD ครับ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ"

เดี๋ยวปีนขึ้นไปเช็ดขั้วเสาไฟฟ้า หน้าบ้านเองดีกว่า อิอิ

เฮียหมูหวานคับ ฝากตบกระป๋องนั้นแกมาได้ไหมคับ 555

ค่าน้ำยาหนะไม่เท่าไหร่ แต่เว็ปอื่นหายอมส่งมายากจัง แล้วเว็ปมันเองคิดค่าส่ง 70 USD OMG...

เดี๋ยวผมต้องหาเวลาเดินขึ้นไปเซย์ฮัลโหลกับน้า Stirling มั่งเหมือนกัน 555

เท่าที่ทราบมา ทางบริษัท Deco2000 เชิญตัวน้า Stirling มาเซ็ทห้องฟังให้กับลูกค้าที่สนใจในกิติศัพท์และชื่อเสียงของน้า Stirling ครับ ซึ่งค่าแรงที่ต้องเดินสายออกไปเซ็ทคือตกวันละ 50,000 บาท และน่าจะใช้เวลาในการตรวจเช็คและเซ็ทตำแหน่งลำโพงให้เข้าที่ สิริรวมน่าจะมี 3-4 วัน (แล้วแต่ซิสเต็มและความยากง่ายของห้อง)

แล้วน้า Stirling คนนี้ล่ะ ที่จะเดินทางไปขลุกอยู่กับเจ้าของซิสเต็มทั้งวันทั้งคืน หรืออาจจะหลายคืนจนกว่าจะแล้วเสร็จครับ

เป็นไงครับ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่า โลกนี้ยังมีอะไรที่เค้าเล่นกันอย่างลึกซึ้งละเอียดสุดๆอยู่จริงๆ 555

อ่านได้ความรู้ดีมากอย่างเรื่องขาหลอดนี้ไม่ควรใช้น้ำยาทา ผมนี่ทามั่วซั่วเลยครับ -_-"

@พี่โยครับ
เอาจริงๆของใหม่ๆบางชิ้น ก็ไม่ได้สะอาดมากนะครับ เพราะบางครั้งมีการเก็บสต็อคมาเป็นระยะเวลานาน
ทำให้หน้าสัมผัสบางจุด มีการเกิด Oxide ได้ครับ ถึงซื้อมาใหม่ก็ควรจะเช็ก่อนใช้ครับ ยิ่งพวกสายต่างๆเช็ดง่ายๆ
ควรจะเช็ดที่หัวต่อก่อนใช้ครับ อันนี้ผมก็ต้องเอาไปประยุกต์ใช้เช่นกันครับ

@Draco ครับ
จริงๆมีผู้นำเข้าคือคุณพจน์ Avbestbuy ครับ ถ้าสนใจสั่งซื้อเดี๋ยวผมจะโทรสอบถามให้ไหมครับ ไม่ต้องเสียค่าส่งจากนอก
แถมช่วยอุดหนุน Distributor ในไทยด้วยครับ ^^

เนื่องจากการทำความสะอาดขั้วต่อ และหน้าสัมผัสต่างๆ ต้องใช้เวลามากครับ ยิ้งเป็นแอมป์หลอดยิ่งเยอะเลย
ทำให้ทีมงานของ Deco2000 เข้ามาช่วยกันทั้งทีมครับ เผื่อจะช่วยย่นเวลาค่าแรงของลุง Stirling ลงบ้าง 555

ขั้วต่อต่างๆของลำโพง แกก็ถอดออกมาเช็ดใหม่หมดครับ พอเช็ดเสร็จแล้วอวดให้ผมดูด้วยว่าก่อนเช็ดกับหลังเช็ด มันแตกต่างกันมากๆ
เราจะดูได้จากความเงางามของตัวนำครับ พอเช็ดเสร็จนี่เงาแว๊บแสบตากันเลยทีเดียว

แถมยังมีการโชว์ท่ายากด้วยครับ เห็นฝรั่งหลายๆท่านเข้ามาเซ็ทอัพ ล้วนแต่ต้องโชว์ท่ายากให้ชม
ประมาณว่าทุ่มเท ให้คุ้มค่าแรงที่สุด ไม่กลัวเลอะ กลัวเปื้อนกันเลยทีเดียว เพื่องานที่ออกมาดีที่สุดครับผม

พรุ่งนี้จะมาต่อด้วยการเซ็ทอัพลำโพงแล้วครับ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากๆที่จะทำให้เสียงออกมาเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งตรงนี้ต้องจับตาดูอย่างดี เพื่อจะเอาไปประยุกต์ใช้ในการเซ็ทอัพลำโพงในอนาคตครับ
อันนี้ไม่ใช่ครูพักลักจำ แต่เป็นครูทำให้ลูกศิษย์ดูเลยครับ แกไม่หวงวิชาเลย ถือว่าเป็นมืออาชีพมากๆครับ

@คุณหมูหวาน

ได้ซื้อกับทาง Avbestbuy ไปแล้วคับ ทั้ง G และ D series แต่พอดี AVBestbuy เค้ามีแต่แบบขวดทาความเข้มข้น 100% คับ เลยไปช๊อบต่อที่เว็ปนอกจะเอาแบบสเปรย์ 5% มาใช้ทั่วๆไป แต่เห็นค่าส่งแล้วอึ้งไปคับ

ขอบคุณมากค้าบ

สเปรย์นั่นไม่น่าขึ้นหรือโหลดไปทางเครื่องบินได้เลยนะคะ มันติดไฟได้ ถ้าสั่งออนไลน์น่าจะชิปทางเรือ

รอดูตอนต่อไปนะคะคุณหมูหวาน

โอ้ว...สุดยอดมากครับ

มือจูนเสียงระดับโลกทำงานกันขนาดนี้เลย แถมค่าจ้างก็ระดับโลกจริงๆครับ 555+

ตอนนี้ผมสั่ง Progold ของคุณพจน์มาลองแล้วนะครับ แกบอกว่าตัว 5% ไม่สามารถนำเข้ามาได้ เพราะค่าขนส่งเกินจะรับได้ครับ
ถ้าเอาเข้ามาราคาจะสูงมากๆ เนื่องจากต้องใช้ Package ขนส่งเฉพาะสินค้าติดไฟได้ ประมาณว่าถ้าติดไฟ
ต้องไม่ลามออกมา ทำให้ค่าขนส่งมันแพงตรงนี้ครับ

ผมเลยจัดเป็น 100% มาแทน เดี๋ยวของมาถึงแล้วจะเอามาให้ดูกันอีกทีครับ ขอบคุณพี่พจน์สำหรับคำแนะนำครับ ^^

มาถึงการเซ็ทลำโพงเลยดีกว่าครับ แกเริ่มจากการเช็ค Spike ของลำโพงว่าทุกตัวนั้นขันแน่นหนา
แถมยังมีการลงน้ำยาหล่อลื่นด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการปรับแต่งความสูง และระดับน้ำของลำโพงครับผม
ซึ่งความสูงของลำโพงมีผลต่อเวทีเสียง และตำแน่งของชิ้นดนตรีต่างๆด้วยครับ

จากนั้นแกก็จดรายละเอียดของขนาดห้อง และตำแหน่งลำโพงเดิมไว้ด้วย โดยจากที่ผมสอบถามว่าต้องใช้เครื่องมืออะไรมั้ย
ลุง Stirling บอกว่า " only my bare hands, my ears and my experience " โอ้วว ฟังดูเท่ห์ปนหมั่นไส้นิดๆครับ 555
แต่ก็ต้องเชื่อแก เพราะว่าถ้าฝีมือไม่ดีจริง คงมาถึงระดับนี้ไม่ได้แน่ๆ

จากนั้นแกก็เริ่มให้ตั้งระดับน้ำของลำโพงแบบเบื้องต้นครับ เพราะว่าตอนตำแหน่งลำโพงใกล้ลงตัว
จะต้องทำการวัดระดับน้ำใหม่ และอาจจะต้องมีการปรับความสูงของลำโพงอีกครั้งนึง
ภาพนี้ทีมงาน Deco2000 กำลังช่วยกันปรับขา Spike ของลำโพง Wilson รุ่น Alexx ครับ

ส่วนภาพนี้เป็นการปรับตำแหน่ง และองศาของลำโพงให้ตรงๆเป๊ะๆ และตรงตามสูตรคำนวณของทาง Wilson ครับ
ซึ่งลำโพง Wilson Audio นั้นเป็นลำโพงที่ออกแบบมาให้ยืดหยุ่นต่อการใช้งาน และปรับแต่งได้ละเอียดสุดๆครับ
เพราะมันสามารถปรับได้ แบบแยกกันแบบอิสระ สามารถจูนเสียงให้เข้ากับทุกห้องได้อย่างดี
แต่ต้องให้ผู้มีประสบการ์เป็นคนติดตั้งครับ ถึงจะรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มสูบ

แล้วก็มาถึงขั้นตอนถูพื้น เอ๊ยๆๆ ติดสก็อตเทปไกด์ไลน์ที่พื่นครับ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเซ็ทอัพลำโพง
เพราะบางครั้งการขยับลำโพงการเดินหน้าถอยหลังนิดหน่อย กลับส่งผลจนน่าตกใจ
บางครั้งเราขยับแล้วดี แต่เลื่อนไปอีกนิดนึงกลับไม่ชอบ การถอยหลังกลับจุดเดิมได้ก็ต้องมีม่ร์คไว้แบบนี้ล่ะครับ

แล้วก็ก็ลองมานั่งฟังอีกครั้ง พร้อมขยับโซฟาหาจุดที่น่าจะดีที่สุดของห้องครับ
ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการขยับลำโพงล้วนๆแล้วครับ อย่างอื่นไม่มีการปรับแต่ง
ตัว Acoustics ในห้องก็ถอดออกเกือบหมดแล้วครับ ถ้าจะใส่เดี๋ยวบอกเองอีกทีว่าใช้ตรงไหน

ขอบคุณคุณหมูหวานมากครับ ที่นำวิธีการมาให้ชมกัน เป็นอะไรที่ surprise ผมมาก เพราะวิธีการเล่นแบบนี้มีคนไทยบางกลุ่มเล่นกันมานานหลายปีแล้วครับ แต่ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการจะใกล้เคียงกันขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าแนวทางการเล่นเครื่องเสียงของเรากับฝรั่งไปในทิศทางเดียวกันคือทำชุดเครื่องเสียงให้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด เยี่ยมมากครับกระทู้นี้

ติดตามอ่านครับ ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ

เป็นกระทู้ที่ดีมาก และเป็นประโยชน์จริงๆคับ ผมจ้องกระทั่งเค้าวางอะไรไว้บนพื้น 555


ถ้า progold มารบกวนคุณหมุหวานเอาไปฝากที่หน้าร้านด้วยนะคับ จะได้ไปยืม..หุหุ

ล้อเล่นคับ :P ผมไวกว่า ของมาแล้ววันนี้คับ ทีมงานแกแพคดีมากและส่งไวจริงๆ
และก็ขอบคุณที่กรุณาเช็คข้อมูลตัว 5% มาให้หายข้องใจคับ มิน่าค่าส่งอะไรฟาดไป 70 USD

@Draco ครับ
จัดมาไวมาก ผมสั่งมาก็คล้ายชุดที่คุณ Draco สั่งเลยครับ เดี๋ยวเอามาลองใช้ที่ร้านดูว่าให้ผลเป็นไงบ้าง
ของผมน่าจะวันสองวันนี้น่าจะมาถึงแล้วครับ

เริ่มต้นแกก็ให้พลักลำโพงข้างขวาเข้าไปเกือบสุดหลังห้อง แล้วก็หันหน้าไปฝั่งกำแพงขวาครับ
ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าแกน่าจะเริ่มจูนเสียงจากตอนลำโพงติดกำแพง แล้วค่อยๆขยับออกมา
ที่ไหนได้แกปรับแบบนี้แค่ข้างเดียวครับ ผมก็เลยงงว่าแกมาสูตรไหนกันแน่

ส่วนอีกข้างแกขยับหาตำแหน่งโดยใช้การกะด้วยประสบการณ์ของแกเองครับ ซึ่งอันนี้ต้องเป็นเรื่องของการเซ็ทบ่อยๆ
จะพอคาดเดาตำแหน่งของลำโพงในห้องได้ใกล้เคียง ไม่ต้องขยับไปมาเยอะครับ
ประมาณว่าจุดที่แกเริ่ม น่าจะขยับเดินหน้า ถอยหลัง ไม่เกินครึ่งฟุตแล้ว

เสร็จแล้วแกก็มาเริ่มเทสฟังครับ สังเกตุลำโพงด้านขวาแกเอียงหันหน้าเข้ากำแพง และชิดหลังห้องไปเลย
ซึ่งสูตรนี้เพิ่งเคยเจอเหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าแกใช้หลักการไหนในการ setup น่าจะคิดขึ้นเองโดยเฉพาะนะผมว่า

เริ่มต้นแกก็เทสเสียงต่ำของลำโพงก่อน ซึ่งน่าจะเป็นหลักสากลครับ คือเริ่มจูนจากเสียงต่ำ
ให้ได้มวล ขนาด และพลังที่ดีที่สุด โดยไม่บวมเบลอ และไม่เล็กกระจิดริด จนไม่สมกับขนาดลำโพง
อันนี้แอบถ่ายเพลงที่แกเทสเบสมาครับ เป็นเพลงของ Jennifer Warnes -- Ballad of the Runaway Horse ครับ
เสียงดับเบิ้ลเบสของเพลงนี้ ใช้เทสเสียงได้ดีเลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=5BD7CFwiIsI

แกนั่งฟังสักพัก ก็ลุกไปขยับลำโพงเดินหน้านิด ฉีกออกข้างหน่อย Toe-in เล็กน้อย แล้วก็มานั่งฟังต่อครับ
ดูท่าในการขยับลำโพงซะก่อน ต้องโชว์ท่าทางแบบพิเศษตลอด นี่ถ้าไม่เกรงใจอาจจะตีลังกา set ให้ดูแล้วล่ะครับ 555

โอว เซ็ตลำโพงแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ ขอบคุณคุณหมูหวานอีกรอบครับ

รออๆๆๆๆๆ

ผมก็รอ 5555

อ้าวๆๆ มาต่อแล้วจ้าาา 555
ช่วงการเซ็ทลำโพงนั้นเป็นช่วงที่ยาวนาน และดูน่าหงุดหงิด สำหรับคนที่นั่งรอมากครับ
เพราะไม่รู้เลยว่าแกทำอะไร จูนหาอะไรอยู่ ทำคนเดียว รู้คนเดียว
แต่สิ่งที่ผมจับได้คือเริ่มแรก แกจูนเสียงต่ำ ให้ได้ลูกกลม มีพลัง คือลักษณะบสต้องเหมือนชิ้นดนตรีจริงๆ
ไม่ใช่เซ็ทแล้วเสียงเหมือนปรับ Bass Boost จนเบลอเละเทะ กลบเสียงย่านอื่นจนโดยรวมฟังไม่ดีครับ

ระยะเวลาผ่านไปราวๆ 2 ชั่วโมง ลุง Stirling เปิดเพลงเดิมซ้ำๆ วนไปวนมา อยู่เพียง 2-3 เพลง
ซึ่งเท่าที่ผมฟังเพลงของเค้าแล้ว เหมือนเป็นเพลงทั่วๆไป ไม่ได้เป็นแนว Audiophile แบบที่เราๆใช้กันครับ
คือเดาหลักการของแกแล้วเหมือนพยายามวางลำโพงให้ได้อารมณ์เพลงมากที่สุด มีพลังมากที่สุด
โดยที่เสียงแต่ละย่านไม่ทับซ้อนกัน ชิ้นดนตรีแยกออกจากกัน แต่เล่นสอดประสานกันได้ดี

ลองยกตัวอย่างเพลงที่แกใช้ในการเซ็ทนะครับ อันนี้ผมถอดรหัสมา แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า
แต่ละเพลงนั้นใช้ฟังในเรื่องไหน แต่ลองฟังแล้วเหทือนแต่ละเพลงจะมีอารมณ์ของดนตรีค่อนข้างสูงครับ



[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=kW_5YdPL9Go[/youtube]

อ้าวอีกเพลงนึงไม่ติด งั้นเพิ่มตรงนี้แทนละกันครับ ลองฟังกันดูว่าสามารถใช้เทสในเรื่องไหนได้บ้างนะครับ

มาถึงตรงนี้แกเซ็ทลำโพงจนได้ตำแหน่งที่ถูกใจแล้ว แกก็เริ่มมาร์คตำแหน่ง และจดไว้บนเทปที่พื้นครับ
ต้องขอย้ำนะครับ ว่าแกเซ็ทลำโพงข้างซ้ายข้างเดียว อีกข้างไม่รู้ว่าทำไมต้องเอาไปแอบแบบนั้น
ประมาณว่าเซ็ทข้างนี้ได้ ถึงจะค่อยไปขยับอีกข้างให้เท่ากันครับ

แล้วแกก็เริ่มปรับขาวัดระดับน้ำของลำโพงครับ ซึ่งสูตรก้มเงยลำโพงแต่ละ Driver ต้องเช็คระดับน้ำของลำโพงด้วยครับ
เพราะไม่งั้นองศาของแต่ละไดร์เวอร์ อาจจะผิดเพี๊ยนจากที่ทาง Wilson Audio ออกแบบไว้ครับผม

แกวัดระดับน้ำทั้งแนวนอนและแนวตั้งครับ ผมเลยถามหยอกแกไปเล่นๆ ว่าถ้าเป็นลำโพงที่ไม่ใช่ทรงเหลี่ยมๆ
ยกตัวอย่างเช่นลำโพง Vivid Audio แกจะวัดระดับน้ำยังไง แกเลยตอบว่า เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน
แต่ยังไงก็ต้องหาวิธีวัดให้ได้ อย่างเช่นเอา Laser ยิ่งเส้นขนาน ทั้งแนวนอนและแนวตั้งครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

อันนี้เป็นริ้วรอยอานธรรมที่แกฝากไว้บนสก็อตเทปครับ มีการจดระยะ และโน้ต Comment ไว้ด้วย
ซึ่งแกน่าจะรู้เรื่องคนเดียวครับ อันนี้ผมถอดรหัสไม่ออกจริงๆ 555

ซึ่งตอนนี้ลำโพงเซ็ทไว้ลงตัวถึง 80% แล้วครับ แต่แกติดภารกิจ ออกไปเซ็ทบ้านลูกค้า
ทำให้แกต้องไปทำงานที่อื่นก่อน เดี๋ยววันนี้ผมจะขึ้นไปเช็คอีกทีว่ามีการอัพเดทอะไรเพิ่มเติมหรือป่าวนะครับ

งี้คือด้านขวาก็แค่ใช้ระยะเดียวกับด้านซ้ายหรอครับ ไม่ต้องมาไล่เซ็ทอัพอีกทีหรอครับเฮียหมูหวาน

สูตรแกคือเซ็ทด้านเดียวให้ได้ก่อนครับ แล้วขยับด้านขวาให้เท่ากัน จากนั้นก็แทบจะปรับกันระดับต่ำกว่าเซนแล้วครับ
ซึ่งตรงที่ปรับระดับเซนติเมตร บอกตามตรงว่าผมก็ยังฟังไม่ออกเลยว่าต่างกันยังไง ต้องหาประสบการ์อีกเยอะครับ

เฮ้อ คลาดกันหลายทีแล้ว ยังไงต้องหาโอกาสไปถ่ายภาพที่ระลึกกับน้า Stirling ก่อนแกจะบินกลับครับ 555

วันนี้แกพักจากคู่ใหญ่มาเซ็ทลำโพง Wilson Audio รุ่น Sabrina ไว้ใช้ในงาน Training เรื่อง System Optimizer ด้วยครับ
ซึ่งงานจะเป็นวันเสาร์นี้ เดี๋ยวผมจะมาอัพเดทบรรยากาศในงาน และสิ่งที่ลุง Stirling Trayle สอนให้อ่านกันครับ
คอยติดตามอ่านกันให้ดีเน้อออ ^^

ขอบคุณ คุณหมูหวาน สำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันกันครับ

ขอติดตามอย่างกระชั้นชิดครับ อ่านแล้วมันส์มาก 55

วันนี้มาพักการเซ็ทลำโพง ด้วยการเซ็ทเครื่องเล่นแผ่นเสียงกันบ้างครับ ซึ่งเป็นหัวข้อ Ultitamate turntable setup technic
โดยมือ setup เบอร์ต้นๆของโลก Stirling Trayle และ Roy Gregory
กับสามนักเซ็ทอัพแถวหน้าของไทย หมอไกรฤกษ์ เฮียเม้ง และพี่สมชาย ที่โชว์รูม DECO2000 ครับ
เป็นการพบกับยอดฝีมือของฝรั่ง และของคนไทยเลยจ้าา

ก่อนเริ่มงานก็มีการสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดกันระหว่างผู้เข้าร่วมงานอย่างหมอไกรฤกษ์ กับ Roy Gregory ครับ
ซึ่งบรรยากาศเป็นกันเอง เพราะทุกคนที่มาในงานนั้นเป็นเซียนกันหมด แต่วันนี้เหมือนเข้ามาเติมเต็มเทคนิค
เพื่อที่จะไปถึงขั้นสุดยอดของการเซ็ทเครื่องเล่นแผ่นเสียงกันครับผม

ทางพี่สมชายร้าน M.U.S.E ก็อาสาทำความสะอาดแผ่นเสียงที่จะใช้ในการทดสอบวันนี้ให้
โดยใช้เครื่องล้างแผ่นเสียงของ HANNL เพื่อให้แผ่นสะอาดจากฝุ่นและสิ่งตกค้าง ที่จะมากวนการฟังได้ครับ

ทางด้านนี้ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเซ็ทอัพเครื่องเล่นแผ่นเสียงครับ ไม่ว่าจะเป็น VTA Tracking Force หรือ Azimuth
ต้องเริ่มจากเครื่องมือตรงนี้ก่อน เพราะทุกอย่างต้องเริ่มจากมาตรฐานของโรงงาน
แล้วค่อยปรับแต่งเพิ่มครับ ไม่งั้นจะยากมากทีเดียวถ้าไม่ได้เครื่องมือที่เที่ยงตรงและแม่นยำมาช่วยครับ
อย่างที่เห็นนี้เป็นเครื่องมือ setup turntable ของ SMARTractor ครับผม

เริ่มการสัมมนาครับ Roy Gregory อธิบายว่าวันนี้เรามาทำอะไรกัน และเราทำไปเพื่ออะไร
ผู้เข้าร่วมงานวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นผูช่ำชองในการเซ็ทอัพเครื่องเล่นแผ่นเสียงของไทยครับ

อย่างที่แนะนำไปแล้วข้างต้นครับ มีพี่หมอไกรฤกษ์ นักเล่นเครื่องเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียงมือเก๋า
เฮียเม้งยอดฝีมือด้านการเซ็ทอัพ และการฟังครับ แกบินตรงจากภาคใต้มาหากิ๊ก เอ๊ยๆๆ มางานนี้โดยเฉพาะเลยครับ
ส่วนอีกท่านนึงก็พี่สมชายแห่งร้าน MUSE ครับ เป็นนักเซ็ทฝีมือเยี่ยมอีกท่านนึงที่ไม่ค่อยชอบออกสื่อเท่าไร 555

เริ่มจากให้ทุกท่านฟังเสียงแบบ Standard recommend จากโรงงานผลิตอาร์ม หัวเข็ม และแท่นครับ
ซึ่ง Turntable ที่ใช้ในงานเป็นของ Kuzma ทั้งหมดครับ
ตัวแท่น Kuzma รุ่น Stabi S
Tonearm Kuzma รุ่น 4 Point
และหัวเข็ม Kuzma รุ่น CAR - 50 ครับผม

ทุกคนในห้องนั่งฟังอย่างตั้งใจครับ แล้วก็ต่างความเห็นกันออกไป บางท่านก็ว่าดีแล้ว บ่างท่านก็บอกว่ายังไม่ดี
ซึ่งอันนี้เดี๋ยวทาง Stirling Trayle และ Roy Gregory เค้าจะลองสาธิตวิธีการปรับให้ดูกันว่า ปรับตรงไหนมีส่วนยังไงบ้าง

เริ่มแลกเค้าแนะนำให้ปรับ Tracking Force หรือนำหนักกดของหัวเข็มครับ ซึ่งเราได้เซ็ทค่าจากโรงงานไว้แล้ว
แต่เราจะใช้การฟังเป็นตัวจูนอีกครั้งนึงครับ ซึ่ง Stirling และ Roy นั้นแนะนำว่าขั้นตอนนี้ให้เราฟัง
หาความชัดเจนของชิ้นดนตรี แต่ละชิ้นต้องไม่ทับซับก่อน ไม่มีชิ้นดนตรีไหนแย่งเด่นเกินไป

และส่วนต่อมาคือการปรับ VTA ครับ อันนี้แกบอกว่าไม่มีอะไร มันเป็นเพียงแค่การปรับความดังของเสียง
ซึ่งต้องปรับตามความหนาขแงแผ่น ถ้าแผ่นหนา บางไม่เท่ากัน ก็ต้องปรับตลอดครับ
เฮียเม้งเ และทุกๆท่านเข้ามาดูงานอย่างใกล้ชิดเลยครับ ว่าปรับแบบไหนถึงจะสัมผัสความแตกต่างของเสียงได้ง่าย

ทุกท่านสามารถฟังออกอย่างง่ายดายครับ ว่าความแตกต่างมันเป็นยังไง และแบบไหนคือสิ่งที่ควรจะเป็น
ซึงทุกคนต้องลองปรับ ลองฟังเอง อาศัยความชำนาญในการฟัง เพื่อให้สามารถจูนจนเสียงดีสุดๆได้

ส่วนขั้นตอนต่อไปก็คือการปรับ Azimuth ครับ ซึ่งตรงนี้ให้ปรับหาความพริ้วไหวของดนตรี
การส่งรับ การสอดประสานเข้ากันของดนตรีแต่ละชิ้นครับผม อันนี้เล่นปรับกันระดับไม่ถึงครึ่งมิลลิเมตรเลย

และหลังจากเซ็ททุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสียงเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ร่วมงานทั้งหมดแล้ว
เค้าก็กลับมาวัดกับ Smart Tractor ให้ดูอีกครั้งว่าต่างจากจุดมาตรฐานมากแค่ไหน

ซึ่งจุดที่พวกเราเซ็ทแล้วให้เสียงที่ชอบนั้น หัวเข็มอยู่ห่างจากจุดที่เราเซ็ทไว้ และแรงกดก็เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ
จะเห็นได้ว่าสุดท้ายก็ต้องใช้หูจูนอยู่ดี ลำพังการเซ็ทตามค่าจากโรงงานต่างๆ ไม่สามารถพาเสียงไปถึงที่สุดได้
เพราะค่า Recommend จากโรงงาน กับชุดเครื่องเสียงที่บ้านเรานั้นต่างกันคนละเรื่องเลยครับ

สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณบริษัท Deco2000 ที่ได้ให้ผมเข้าไปร่วมงานสัมมนา และจัดงานดีๆแบบนี้ขึ้นมา
Thank you, Mr.Stirling Trayle และ Mr.Roy Gregory for teach us a good experience.
และผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ทุกท่านนะครับ

วันนี้มีเซ็คชั่นพิเศษในการเซ็ทอัพลำโพงด้วยครับ สอนเทคนิคเพื่อให้เอาไปใช้งานจริง
เวลาต้อง setup ลำโพงให้ลูกค้า จะได้ประสิทธิภาพเต็มที่ อย่างที่ลำโพงจะทำได้ และห้องจะเอื้ออำนวยครับผม

เริ่มเปืดงานโดย Roy เจ้าเก่า อธิบายว่าวันนี้พวกเราหล่ามาชุมนุม กันเพื่อทำอะไรครับ
ซึ่งคนที่เข้ามาในงานให้ความสนใจกันอย่างเต็มที่ โดยจะเริ่มให้เสียงเสียงของลำโพงแบบวางคร่าวๆก่อนครับ

แล้วก็เริ่มให้ฟังเพลงครับ ซึ่งเสียงที่ได้ยังไม่เป็นที่หน้าพอใจนัก วันนี้เราจึงเข้ามาเรียนรู้กันว่าต้องปรับยังไงเพิ่มเติม
วันนี้มีเจ้านนท์ Windows X มาร่วมงานด้วยครับ

จากนั้นแกก็เริ่มด้วยการเปลี่ยนสายไฟ และสายสัญญาณอย่างละ 1 เส้น ที่ไม่บอกให้เราทราบล่วงหน้า
ว่ามีการผสมสายในชุดอยู่ และลองเปลี่ยนเป็นสายยี่ห้อเดียวกัน Series เดียวกันทั้งหมด
ปรากฎว่าเสียงออกมาดีกว่าเดิมเยอะมากๆ เจ้า Roy บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นสายยี่ห้อไหน
ถ้าเราเล่นยี่ห้อเดียวกันทั้งหมด ย่อมให้ผลดีกว่าเอาสายคละแบรนด์ครับ และถ้าเป็นสาย Series เดียวกันแล้วด้วย
จะให้ผลดีกว่าสายรุ่นใหญ่กว่า แล้วผสม Series หลายๆรุ่นอีกครับ อันนี้เราสามารถเอาไปปรับใช้ได้เลยจ้า

แล้วก็ต่อด้วยการใส่ Isolate feet ลองเครื่องต่างๆ เพื่อลดการสั่นสะเทือน และช่วยสลาย Resonance ของเครื่อง
ซึ่งช่วยทำให้มิติของเสียงนิ่งขึ้น ชิ้นดนตรีดูมีความชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ไม่วูบวาบเบลอๆจับภาพไม่ได้

ซึ่งทุกคนในคลาสนี้ สามารถฟังออกได้อย่างชัดเจนครับ ว่าแตกต่างกันมากๆ แบบไม่ต้อง A-B Test เลย
ฟังปุ๊บรู้ปั๊บครับ ว่าเสียงตอนใส่ Isolate feet กับ ไม่ใส่ต่างกันขนาดไหนจ้าา

จากนั้นก็ต่อด้วยการปรับระน้ำแนวดิ่งของลำโพงครับ ซึ่งต้องค่อยๆปรับ และไม่ทำแบบขอไปที
ปรับวัดหลายๆครั้งจนแน่ใจว่าทั้งสองข้างสูงเท่าๆกัน เพื่อให้เวทีเสียงนั้นมีมิติด้านสูงต่ำ ชัดเจน
ฟังออกง่ายยๆ แบบไม่ต้องเพ่งฟังครับ

จากนั้นก็ต่อด้วยการวัดระดับน้ำลำโพงแนวนอนครับ เพื่อให้เสียงซ้ายขวามาประกบกันได้อย่างแม่นยำ
ไม่มีเสียงย่านไหนของไดร์เวอร์เอียงไปเด่นอีกด้านนึง ทำให้ตำแหน่งเสียง และการไล่เสียงซ้าย-ขวา ส่งต่อกันไม่ราบรื่น

อันนี้เป็นระดับน้ำที่เค้าใช้ครับ เป็นแบบดิจิตอลของ Mitutoyo ซึ่งความละเอียดระดับ .1 องศาครับ
ผมว่าจะแอบจิ๊กกลับบ้านเหมือนกัน แต่ลุง Stirling เค้าไม่เผลอซะที 555

ผลลัพธ์ของเสียงที่ออกมาน่าพอใจมากครับ ทำให้ทุกๆคนเข้าใจเลยว่า การ setup ลำโพงนั้น
ต้องมีความใส่ใจในรายละเอียดทุกๆจุด ถ้าขาดส่วนใดไปก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี หรือไม่เต็มประสิทธภาพได้ครับ

และสุดท้ายแกสองคนลองปรับค่า damping Factor ของแอมป์ VTL ให้ฟังครับ ว่ามีผลอย่างไรต่อเสียง
ซึ่งอันนี้แกอยาลองกันเองด้วยครับ ปรากฎว่าในตำแหน่งลำโพงที่เซ็ท กับห้องนี้ Low Damping ให้ผลที่ดีกว่า

ก่อนกลับบ้านกันเจ้านนท์ยังได้นั่งโม้กับฝรั่งทั้งสองท่านนี้ด้วยครับ เรื่องการเซ็ทอัพที่เคยเจอมา
และเรื่อง Fidelizer ที่กำลังโกอินเตอร์ ไปด้สวยในตลาดคนฟังเพลงจากคอมพิวเตอร์ครับ
ไม่รู้ว่าได้ส่ง Nimitra ให้ Roy เอาไปลองฟังที่อังกฤษรึป่าว

ถ่ายอะไรมุมนี้ ทำไมไม่ถ่ายแบบนี้ เง้อววววว

ปล. Stirling คุยเก่งและนานมากครับ ได้ยินมาว่าแกไม่ค่อยพูด นี่คุยจนผมออกมาพร้อมกับแกและคุณวินัยตอนเกือบทุ่มนึงเลย ฮาๆๆ

เอาอีกๆ กำลังมันส์

เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะติดตามลุง Stirling ไปเซ็ทลำโพง Wilson Audio รุ่น Alexx ที่บ้านคุณนิพนธ์ครับ
เดี๋ยวมีขั้นตอนยังไงบ้าง ผมจะรีบเอามาอัพเดทให้อ่านกันจ้าา ได้ไปดูเคส Study จริงๆแล้วครับ

ขอแจมกระทู้หมูหวานหน่อยครับ 555

เมื่อ 4 ปีก่อน Roy Gregory ได้มาไทย และสาธิตวิธีการเซ็ทเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมถึงการเซ็ทอัพลำโพงไปแล้วครั้งหนึ่ง ลองดูจากลิงค์นี้ประกอบได้เลยครับ
http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=76937

ผมว่าคนเรากว่าจะเดินทางมาถึงขั้นที่คนในวงการยอมรับนี่มันไม่ใช่ของง่ายเลยจริงๆ มันต้องเกิดจากการใฝ่รู้ ขวนขวาย ลองผิดลองถูก และที่สำคัญทุกอย่างต้องถูกต้องจนนำไปใช้อ้างอิงเป็นเคล็ดลับได้ นับถือๆๆๆ

เสียดายไม่ได้เจอลุง Stirling เลยครับ TT

ผมมีโอกาสได้ไปดูลุง Stirling เซ็ทอัพลำโพงที่บ้านคุณนิพนธ์มาครับ เป็นลำโพง Wilson Audio รุ่น Alexx สีแดงเฟอรร่รี่
ซึ่งกล้องอาจจะเก็บสีออกมาไม่เหมือนตาเห็นครับ ตัวจริงสวยมากๆเลยจ้าา

มาถึงแกก็เริ่มเช็คระบบไฟก่อนเลยครับ เพราะเรื่อง Phase มีปัญหารกะบเสียงที่ได้ยินมาก
ไม่งั้นแกจะเซ็ทลำโพงไม่ได้ครับ แล้วก็ก็สั่งย้าน UPS ออกจากปลั๊กเครื่องเสียงด้วย

ชุดที่พี่นิพนธ์ใช้เป็น Pre Amp VTL ตัวท็อปรุ่น TL7.5 Series III กับ Power Amp Hovland Stratos
และ Source เป็น Meridian 818V3 ครับผม ซึ่งปกติก็เป็นชุดที่ให้เสียงลงตัวกับห้องนี้อยู่แล้ว

จากนั้นก็เริ่มทำการวัดที่ตั้งเดิม และคำนวณตามหลักทฤษฎีก่อนครับผม
ซึ่งแกบอกว่าตำแหน่งอาจจะไม่ห่างจากที่ตั้งไว้เดิมมากครับ

แล้วก็ก็เริ่มเซ็ทด้วยสูตรเดิมครับ เซ็ทลำโพงซ้ายข้างเดียว ซึ่งตรงนี้เป็นสูตรที่แกใช้ตลอด แต่เราๆไม่สามารถฟังออก
ว่าแฟังหาอะไร และฟังยังไงถึงจะดีครับ เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะตัว

เริ่มจูน เริ่มขยับลำโพงไปเรื่อยๆ กินเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงแล้วครับ แกเป็นคนใจเย็น และไม่ยอมแพ้จริงๆ
เพื่อให้ได้ตำแหน่งลำโพงที่ดีที่สุดครับ ซึ่งอันนี้พวกเราต้องฝึกฝน และทำตามให้ได้ เพื่อเสียงที่ดีที่สุด

พอวางตำแหน่งข้างซ้ายจนพอใจแล้ว แกก็เริ่มมาจัดตำแหน่งลำโพงข้างขวา ให้ได้ตำแหน่งใกล้เคียงกันก่อนครับ
เพราะยังไงต้อง Fine Tune ขยับอีกที โดยตำแหน่งลำโพงซ้าย ขวา อาจจะไม่เท่ากันเป๊ะๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ตอนนี้เสียงที่ได้ใกล้ความเป็นจริงมากๆๆแล้วครับ หลังๆนี่แกขยับลำโพงแบบแทบจะหลักมิลลิเมตรเลยครับ
เอาเป็นว่าพวกผมเริ่มจับไม่ได้แล้วว่าแกกำลังจ้องการขยับเพื่อหาสิ่งใดอยู่ เกินกว่าที่จะรับรู้ได้แล้วครับ

หลังจากผ่านไปอีกชั่วโมงนึง แกก็บอกว่าเสียงน่าพอใจมากๆๆแล้วครับ แล้วก็บอกพี่นิพนธ์ว่า
เสียงที่แกเซ็ทให้นี้เป็น Standard ของแก ถ้าต้องการให้เพิ่มลดตรงไหน สามารถสั่งได้ครับ

แล้วก็ให้พี่นิพนธ์ฟัง ว่าเป็นไงบ้างครับ ซึ่งแกพอใจมากๆๆ โดยไม่ต้องปรับแต่งใดๆเพิ่มเติมเลย
สิ่งที่ได้คือความชัดเจนของตำแหน่งดนตรีต่างๆ แล้วก็มิติด้านลึกที่ไม่ต้องเพ่งฟัง มาให้เห็นเป็นชั้นๆเลยครับ

เป็น System ที่เสียดีมากๆในไทยเลยครับ เพราะเพียงแค่มองขนาดห้อง การจัดวางลำโพง
ใครๆก็ต้องบอกว่าห้องเล็กไป ลำโพงเกินตัว หรือวางของเกะกะ เสียงไม่ดีหรอกแบบนี้
แต่กลับกันครับ กลายเป็นความบังเอิญที่ลงตัวมากๆ เสียงออกมาดีจน Stirling เอ่ยปากชมไม่หยุดเลยครับ

สุดท้ายแล้วก็เลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกครับ ห้องนี้ Stirling ชอบมากๆๆ ทั้งที่เข้ามาครั้งแรกเห็นห้องแล้วแกกลุ้มใจเลยล่ะ
แต่ที่ไหนได้ เสียงดีจนแกคาดไม่ถึงครับ เอาเป็นว่าแกชมไม่ขาดปากแล้วกัน แถทพี่นิพนธ์ก็ชอบมากๆด้วยครับ

ไม่เชื่อลองอ่าน comment ของแกได้ครับ นานๆแกจะเจอห้องที่ให้เสียงสุดยอดขนาดนี้

หลังจากที่คนอื่นๆได้ถ่ายภาพคู่กับลุง Stirling ไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวผมมั่งครับ 555 วันนี้เป็นอีกวันที่ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถ่ายภาพคู่กับมือเซ็ทอัพเบอร์หนึ่งของโลกเครื่องเสียง ได้พูดคุยกันมากมาย (แต่เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับเครื่องเสียง 555)

วันนี้ผมมอบเสื้อมั่นคงจักรยานให้แกไปตัวนึง พร้อมกับยุให้แกหาเมียไทยซักคน เพราะตอนนี้แว่วๆว่าเป็นโสดอยู่ ผมสังเกตุพี่ Stirling ของผมนี่เฟิร์มมากๆๆ ไขมันหน้าท้องไม่มี ต่างจากผมที่พุงเบ้อเริ่ม แขน Stirling นี่กล้ามขึ้นแข็งจนเส้นเลือดปูด บ่งบอกว่ายกลำโพงขึ้นลงๆไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

Stirling! Welcome to Thailand!