การออกแบบ

มีคนอยู่สองประเภทเมื่อได้ยลโฉมของเจ้า K10u คือ ไม่รัก ก็ เกลียด! ด้วยดีไซน์ที่ไม่ประนีประนอมกับความคุ้นชินของนักฟังทั้งหลาย กับภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเห็นมาแต่ไกล ที่อีตา Kaiser Soze ร่วมกับพ่อมด Wizard ร่ายมนต์สะกดด้วยสีทูโทนตัดกันระหว่างสีเงินและสีแดงชุบอโนไดซ์ที่แวววาวดั่งระยับคลื่นในสระอโนดาษ

ในส่วนของรูปทรงองค์เอวที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ไม่สัมพันธ์กับหน้าตัดในส่วน face plate ประทับโลโก้ Noble นูนเด่นเป็นสง่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อหันมาพิจารณาถึงสัดส่วน มิติและขนาดของหูฟังที่ไม่สามารถยัดมันทั้งหมดลงในเบ้าหูได้ อาจจะสร้างความรู้สึกหนักหูหนักใจให้กับนักฟังที่ประเมินมันเพียงรูปลักษณ์เพียงสายตาเท่านั้น

ต่อเมื่อจับมันขึ้นคล้องหูและสอดใส่มันเข้าสู่ช่องหูแล้ว ก็จะเข้าใจได้ว่าการออกแบบที่ดีนอกเหนือจากความสวยงาม มันคือความกระชับสบายในการสวมใส่ที่มาพร้อมกับการจัดระยะโฟกัสที่ฉับไวง่ายดาย ซึ่งอานิสงค์หนึ่งก็น่าจะมาจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่มีน้ำหนักเบา และการบริหารจัดการพื้นที่ภายในสำหรับยัดไดร์ฟเวอร์สิบตัวได้โดยใช้ขนาดบอดี้เพียงเท่านี้

ถ้าจะให้สบายใจขึ้นก็ลองเทียบขนาดกับ JH Roxanne 10 ไดร์ฟเวอร์เหมือนกันแต่กลับยื่นออกนอกเบ้าหูมากกว่า และมีน้ำหนักศูนย์ที่ถ่วงหูฟังออกนอกช่องหู ซึ่งมีโอกาสหลุดโฟกัสได้มากกว่า K10u

ในส่วนของผิวสัมผัส ผมขอใช้คำว่า "สลักเสลาด้วยความวิจิตรบรรจง" กับระลอกริ้วที่แกะสลักโดยเครื่องมือไฮสปีดบนก้อนอลูมิเนียมด้วยความละเอียดแม่นยำ ให้ความรู้สึกนุ่มเนียนหู เนียนมือและเนียนตา สัมผัสไร้รอยต่อทอเต็มผืนกับงานทำมือโดยช่างเทคนิคที่ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงต่อ 1 ตัว สะท้อนความเป็น Luxury ของแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมที่ตั้งใจรังสรรค์ผลงานให้เป็น Masterpiece ประดับในวงการอย่างจริงจัง

การออกแบบ K10u เหมาะกับผู้ที่นิยมความมีอัตลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ซึ่งสะท้อนรสนิยมด้วยรูปร่างและสีสันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกว่ามองหูก็รู้ได้เลยว่าพี่คนนี้เขาใส่หูฟังราคาเฉียดหกหมื่นเชียวนะฮ๊าฟฟ

ในด้านความงามผมขอให้คะแนน 9 เต็ม 10 ด้วยสีสันที่ดูเซ็กซี่เป็นบ้า ผิวละเอียดนวลเนื้อเคลือบซาตินหรูหราราวกับชนชั้นผู้ดี แม้บางคนจะมองว่ามันดูเหมือนห่อท๊อฟฟี่ หรือสตอเบอรี่จุ่มครีมก็ตามที 555

ส่วนในด้านความสบายในการสวมใส่ผมขอให้คะแนน 8 เต็ม 10 เมื่อเทียบกับ IEM ด้วยกันอย่าง Westone UMpro 30 ที่ผมให้ 9 เต็ม 10 แต่ก็อย่างว่าถ้าเป็น 10 ไดร์ฟเวอร์ด้วยกันน่าจะหาหูฟังที่ใส่สบายเกิน K10u ยากหน่อยละครับ

ขุมพลัง 10 ไดร์ฟเวอร์ต่อข้าง

ด้วยเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน การอัดจำนวนไดร์ฟเวอร์จำนวนมากเข้าใปในหูฟังขนาดเล็กคงไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็นอะไร แต่ปัญหาจึงอยู่ที่การบริหารจัดการจูนครอสโอเวอร์ ที่จะให้ไดร์ฟเวอร์จำนวนมากทำงานประสานสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อถ่ายทอดความงามของดนตรี นั่นแปลว่าการมีไดร์ฟเวอร์ที่มากมาย 12-14-16 ตัวไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ แต่การทำให้ทั้งหมดให้เสียงที่ลงตัวเป็นเรื่องยากกว่า ประมาณว่ายิ่งมากก็ยิ่งยุ่งว่างั้นเถอะ

Noble Audio จึงสรุปทรัพยากรในหูฟัง Universal รุ่นเรือธงนี้ไว้ที่ ไดร์ฟเวอร์ Balanced Armature ข้างละ 10 ตัว ทำหน้าที่แยกย่านเสียงสูง กลาง ต่ำ โดยใช้ไดร์ฟเวอร์ขับเสียงเบส 2 ตัว ขับเสียงกลาง 2 ตัว ขับเสียงกลางสูง 2 ตัว ขับเสียงสูง 2 ตัว และขับเสียงปลายแหลมอีก 2 ตัว โดยมีค่า impedance อยู่ที่ 35 โอห์ม

ธรรมชาติ + แม่นยำ + รายละเอียด + ลงลึก

คำจำกัดความของคำว่า " naturalistic " คือคำว่า " โคตรเหมือน " ซึ่งระดับมันสูงกว่าคำว่า Realistic คือก็แค่เหมือน อ่านไปอาจจะงงกับการเล่นโวหาร ซึ่งมันต้องเพ่งพิสูจน์ด้วยการฟังเองครับ

เสียงของเครื่องเป่าทองเหลืองแผดก้องกังวาน ที่กรีดโรยคมกราดเกรี้ยวแต่ไม่บาด เสียงของเครื่องเคาะที่เป็นโลหะ เสียงฉาบ แฉ ไฮแฮท มันสดใสทอประกายระยิบระยับพร่างพราย สะท้อนก้อง เจิดจรัสสว่างสุกใส สามารถทอดเสียงไปไกลถึงสุดช่วงแขน และลอยเด่นอยู่เหนือขมับทั้งสองข้างอย่างน่าพิศวง

เสียงร้องที่อิ่มเอิบ ฉ่ำหวาน จากลมที่เคลื่อนจากปอดสู่ลำคอผ่านริมฝีปาก ที่สามารถสัมผัสได้ถึงความกำซาบ ชุ่มฉ่ำของเสียงที่เรียกว่า liquid sound และเป็นเสียงร้องที่มี texture มีรายละเอียดไม่แบนราบ และมีการไต่ไดนามิคที่สมูธมากๆ ซึ่งย่านแหลมและกลางทั้งหมดน่าจะได้อานิสงค์จาก Super - High Frequency Drivers ถึง 2 ตัว ที่สามารถสร้าง micro detail ให้เราได้รับรู้ถึงความ " โคตรเหมือน " ของดนตรีได้

ส่วนเสียงกลางต่ำ และเบสนั้นเป็นเสียงต่ำที่มีคุณภาพล้วนๆครับ หนังกลองของ K10u นั้นจะขึงค่อนข้างตึง กระชับฉับไวไม่มีอาการย้วยยานคางให้ได้ยิน ซึ่งน่าจะมาจากการ Resonance ของการใช้บอดี้อลูมิเนียม ส่วนหัวเบสถือว่า same same ครับ คือปกติไม่ได้บางเบาหรือกระแทกตูมตามอะไร เป็นเบสที่สวยงามพอดิบพอดี แต่ที่เด็ดสุดคือ deep bass ที่ลงลึกสุดใจ

ผมเคยตื่นเต้นกับ deep bass ของ Dita The Truth ที่ให้เสียงลงต่ำถึงระดับใต้คางมาแล้ว แต่ deep bass ของ K10u มันสามารถลดระดับลงไปสั่นสะเทือนอยู่ในแนวทรวงอกได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว

ผมไม่ลังเลที่จะเทคะแนนเรื่องคุณภาพเสียงให้กับ K10u ที่ 10 เต็ม 10 ครับ กับเสียงโดยรวมที่กระจ่าง ชัดเจน แม่นยำ โผล่พ้นม่านหมอกแห่งความคลุมเคลือในทุกๆรายละเอียด


*หมายเหตุ* การทดสอบทั้งหมดใช้สาย stock กับจุก Spinfit และเครื่องเล่น AK380 ไม่ต่อแอมป์ครับ

การเบิร์น

K10u เป็นหูฟังสุดยอดในเรื่องของ tonal balance ความสมดุลย์ของมันเล่นเอาการเบิร์นของผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะไม่รู้จะใช้เพลงแนวไหนมาสร้างเสริมจุดด้อย เพราะสมดุลย์เสียงมันสมบูรณ์แบบมาก จนในที่สุดก็ต้องเบิร์นตามยถากรรมเปิดวนมันทุกแนวเพลงที่อยากฟังเพราะเสียงมันดีตั้งแต่แกะกล่องครับ

ในช่วง 120 ชั่วโมงแรก เสียงจะค่อนข้างโปร่งและเปิด ความกว้างของเวทีปานกลางแต่หลัง 200 ชั่วโมงไปแล้วมวลเสียงจะควบแน่นขึ้น เวทีเสียงกว้างขึ้น เลเยอร์ ช่องไฟต่างๆสวยงามมากครับ

เก่าไป ใหม่มา
สายอนุรักษ์นิยมอาจชอบ K10u แบบเก่า (ซึ่งน่าจะลดราคาลงมาได้มากอยู่)
แต่ถ้าชอบความโฉบเฉี่ยวไฉไลก็ต้องแบบใหม่ครับ ^ ^

อนาคตเมื่อเบิร์นสัก 400 ชั่วโมงแล้ว

คงจะเพิ่มศักยภาพของ K10u ด้วยสายอัพเกรดรับ

ที่เล็งไว้อันดับต้นๆก็คือ DHC Complement 4 ที่ให้คุณภาพเสียงไปไกลอีกระดับ

แต่ขนาด และน้ำหนักมันน่าจะเกินขอบเขตของคำว่า " พกพา " ไปไกลอีกด้วยครับ T^T

โอ้อาจารย์รีวิวได้บรรเจิดจรัสสวัสดีมาก ขอมอบตำแหน่งรีวิวเวอร์กิติมศักดิ์ประจำบอร์ดให้เลย555

ผมขออนุญาตสอบถามอาจารย์หน่อยครับ ถ้าเทียบกับ truth และ layla
มีดีหรือด้อยกว่ากันในส่วนไหนบ้างครับ พอดีผมก็สนใจตัวนี้อยู่เหมือนกัน

อ.Ahura ครับ ผมโครรรรรรรรรรรรรรรรรรรรต เกียดอาจารย์เลยครับ เล่นบรรยายด้วยสำนวนแบบนี้ อ. กำลังจะทำให้พวกเราหลายๆคนเสียเงินอีก หกหมื่น บาท 5555555+

เป็นรีวิวที่มีสำนวนเร้าใจ อ่านแล้วเห็นภาพแบบละเอียดเลยครับ ขอบคุณ อ. ที่เขียนริวิวแบบนี้ให้อ่านกันครับ

@ tk3008
ผมให้เครดิต Dita The Truth ในแง่ความทรนงองอาจ ท่ามกลาง UIEM ที่แข่งขันกันเรื่องจำนวนไดร์ฟเวอร์
ซึ่งผมมองว่าอารมณ์ Dynamic มันก็คือ Dynamic มันเป็นสิ่งที่ Balance ให้ไม่ได้
การที่ Dita ให้คุณภาพเสียงที่ไม่ต่างชั้นกับ K10u ได้นี่ก็มหัศจรรย์แล้วสำหรับผม
จุดที่ห่างกันแบบเห็นได้ชัดคือเรื่องการโฟกัสเสียง ที่แม่นยำ คม และมีรายละเอียดที่ชัดเจนกว่า Dita ครับ

@ ohwownoone
ผมตั้งตารอรีวิว K10u มานานแล้วครับ ของออกมาได้ร่วมสี่เดือนยังไม่มีรีวิวเล็ดออกมาสักแอะ
เลยตัดสินใจเจียดเวลามาชงเองกินเองซะเลยครับ 555

ถ้าผมเล่นพกพาเหมือนเมื่อก่อนก็จะจัดไปละคับ แต่ตอนนี้ผมขอบายไปเล่นตั้งโต๊ะดีกว่า 5555+

ขอบคุณ อาจารย์ที่ให้ความกระจ่างครับ

@ tk3008
ลืมพูดถึง Layla ครับ
ผมรู้สึกว่า K10u ทาง Noble Audio บริหารจัดการไดร์ฟเวอร์ 10 ตัวได้ดีกว่า 12 ตัวของ JH Audio ครับ
K10u ฟังแล้วเสียงเปิดและดูผ่อนคลายมากกว่า หัวเบสอาจ punchy น้อยกว่าแต่ด้วย tonal balance ที่มีคุณภาพอาจทำให้ฟังเพลงได้ครอบคลุมกว่า JH Layla ครับ

ไว้ต้องรอฟัง JH Layla Full Metal Jacket กันอีกทีว่าเปลี่ยนบอดี้จากคาร์บอนเคฟล่า มาเป็นไททาเนียมจะยกระดับเสียงไปได้อีกแค่ไหนครับ
แต่ ณ.เวลานี้ผมก็ยังให้ K10u ครองบัลลังค์ไปก่อนครับ

ฟังอาจารย์พูดแบบนี้ เข้าทางพอดี เพราะผมลองlayla แล้วรู้สึกใส่ไม่ค่อยสบาย
ตัวหูดันยื่นออกมาด้วยดูแล้วเทอะทะ ว่างๆคงต้องหาเวลาไปลองฟังK10 ดูบ้างละครับ
ขอบคุณมากครับ

แบบนี้ ต้องรอJH 3 กษัตริย์ชุดใหม่
Layla V2
Roxanne V2
Angie V2

จุดเปลี่ยนสำคัญของหูฟังในกลุ่ม Top Tier อาจเป็นตัวแปรอย่างสายอัพเกรดก็เป็นได้ครับ

เมื่อเทคโนโลยีอย่างจำนวนไดร์ฟเวอร์และบอดี้มันเริ่มทันกันหมด

คงขึ้นอยู่กับว่าคนเล่นจะทุ่มทุนให้กับสายได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างสาย Prima Donna 8 มันก็ไต่ราคาออกนอกโลกไปแล้ว DHC ก็ไม่รู้จะหยุดยั้งไว้ที่ Com 4 หรือเปล่า?

แต่ JH Siren Series ค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องข้อจำกัดขั้วสาย ทำให้ K10u มีโอกาสเพิ่มศักยภาพได้มากกว่าครับ

เพราะจากที่ลอง K10u ต่อกับสาย Com4 แล้วผมยังคิดคำบรรยายไม่ออกครับ ^ ^

เป็นอีกตัวที่เล็งว่าจะให้เป็นรางวัลชีวิตตัวเองในปีนี้ดีมั้ย วันก่อนเดโมไม่มีซะงั้น...อยากลองเทียบกับตัวใหม่ของ 64audio มากๆ ว่าจะเป็นไงบ้าง สาย dynamic ผมพอใจกับ the truth มากๆ แต่สาย balanced ยังคันอยู่แฮะ

แต่ตอนนี้ยอมรับว่าราคาสายมันจะเหิรฟ้ากันไปถึงฟระ...

จริงๆขั้ว 4 พิน นี่มีสายอัพเกรดระดับ Top ทุกยี่ห้อนะครับ และราคามหาโหดด้วยเพราะถัก 8 ขั้นต่ำ (ถ้าจะปรับเบสนะ) primadonna ถัก 8 ก็มี toxic SW ถัก 8 ก็มี ราคาก็เกือบ 3 หมื่นขึ้นไปครับ 555+

Prima Donna 8 แค่ขั้ว 2 pin เส้นนึงก็ห้าหมื่นสองเข้าไปละ
ถ้าเป็นขั้ว 4 pin + ปรับเบส โอวว...โนวววววววว

555 ผมขออนุญาตมอบตำแหน่ง Honorary Reviewer (นักรีวิวกิติมศักดิ์) ให้อาจารย์ Ahura เป็นท่านแรกเลยนะครับ 555 คือเขียนได้ดีเกินกว่านักเขียนที่เป็นนักเขียนครับ ทั้งสำนวนโวหาร และความถ่องแท้ในตัวผลิตภัณฑ์

เจอกันแน่ๆๆในคอลัมน์รีวิวในเว็บใหม่จ้าๆๆๆ

ไม่ได้เล่น IEM ตัวบนๆมาสองปี กลับมาดูอีกทีราคากระโดดขึ้นไปใจหาย แต่ก็มีตัวเลือกให้เล่นเยอะกว่าแต่ก่อนมาก กำลังดูๆ KSE1500 หรือ New Siren Metal ตัวใดตัวหนึ่งอยู่พอดี ส่วน K10U เดิมไม่ชอบสีใหม่เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ .. พอมาอ่านรีวิวชักเริ่มสั่นคลอนละครับ T_T

ไม่ทราบ K10U ใส่แล้ว Seal เข้าที่ง่ายไหมครับ? พอดีผมมีปัญหาสมัยใช้ Roxanne I กับ Dita Truth คือกว่าจะขยับเข้าที่เสียเวลามาก และพอโดนนิดนึงก็หลุดจากจุดที่ดีที่สุดต้องคอยขยับตลอด

ปัญหาของ Dita คือ มันเป็นหูฟังปราบเซียนตัวหนึ่งที่ต้องใช้การทำความเข้าใจธรรมชาติของมันอยู่พอสมควร
ทุกอย่างดูจะมีประเด็นไปหมดตั้งแต่การเลือกจุกยาง การใส่ การจัดระยะ จัดมุมในช่องหู ไปจนถึงการเบิร์น

ปัญหาของ JH Siren Series มักมาจากเรื่องของขนาดเป็นหลัก มีคนเปรียบเปรยว่า "เหมือนเอาลูกสตอเบอรี่มายัดหู" ฟังดูขำแต่คนจ่ายตังค์ไม่ขำแน่ถ้าสรีระหูไม่เหมาะกับวัตถุขนาดใหญ่ ผมเลยคิดว่าโครงสร้างของ JH มันเหมาะกับการเป็น Castom มากกว่า Universal ครับ

สิ่งที่ K10u เหนือกว่าสองตัวนี้แน่ๆ คือความกระชับสบายครับ แค่คล้องหลังหูได้เสียบทีเดียว อยู่ผมว่าไม่เกิน 3 วินาทีก็จบครับ จุดแตกต่างของการออกแบบคงอยู่ที่การทำให้รูปร่างของ K10u รับกับเบ้าหูไม่ฟิตเเน่นเกินไปแบบ JH หรือหลวมเกินไปอย่าง Dita ครับ

งงตรงราคา ที่เท่ากับ custom เลยเนี่ยแหละครับ

ตอนที่ลองชอบเสียงตัวนี้มากกว่า K10 ciem เพราะมัน neutral กว่านี่แหละค่ะ แต่ว่า มันใส่บ่ได้ ท่อมันใหญ่เกินไป

ไหนๆพูดถึงตัวหูฟัง K10 Universal แล้วสิ่งที่ต้องพิจารณาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสิ่งอื่นก็คือจุกหูฟังครับ

ภายในกล่อง Pelican 1010 ที่ Noble แถมมา ภายในบรรจุแปรงทำความสะอาด สายสต๊อก ยางรัดแอมป์และจุกหูฟัง 4 ชนิดครับ ซึ่งผมจะรีวิวร่วมกับจุกอีก 2 ยี่ห้อที่ต้องเสียตังค์เพิ่ม 55 ซึ่งทั้งหมดเป็นไซส์ขนาดกลางครับ

1. จุกยางมาตรฐาน
- ให้เสียงสด เปิดกว้าง สว่างไสว เสียงร้องกังวานสดใส ฟัง Classic, Jazz ได้ความรู้สึกเหมือนมีเวทีใหญ่เล่นสดให้ฟังอยู่ตรงหน้า

2. จุกยางพิเศษ
- ไม่รู้ทาง Noble เรียกจุกนี้ว่าอะไร มีแนวเส้นผ่ากลางให้หัวเบสแน่น มีแรงปะทะกว่าแบบแรก โฟกัสเสียงกลางมากกว่า ให้ความรู้สึกถึงความพวยพุ่งของเสียง ฟัง Rock, Metal มันส์มาก

3. จุกโฟม
- ให้เสียงสมูธ ไม่รุกเร้า เบสทุ้มลงลึก เสียงร้องอิ่มเอิบ มีมวลหนาแน่น ฟังเพลงแนว Epic อลังการมาก

4. จุกยาง 2 ชั้น
- ให้เสียงโปร่งบางกว่าทุกแบบ เสียงมีลักษณะ transparency ฟัง Acustic ใสๆ, Bossa
-
5. จุกซิลิโคน Spinfit
- ให้เสียงอยู่กึ่งกลางระหว่างจุกยางพิเศษกับจุกโฟม คือเสียงกลางพุ่งและเบสลึกนุ่มนวล เวทีกว้าง ฟังเพลงได้แทบทุกแนว ส่วนตัวชอบจุกนี้มากสุดครับ

6. จุกยาง Spiral Dot
- เสียงร้องยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเวที เสียงเปิดก้องกังวาน น้ำเสียงมาทุกเม็ดเหมาะกับเพลงร้องละลายหัวใจ แนวAudiophile

ซึ่งจุกหูฟังแต่ละชนิดมีผลอย่างมากต่อเสียงที่ได้รับจาก K10u ครับ และเป็นสาระหนึ่งที่ทำให้การเล่นหูฟัง Universal มีเนื้อหาในการปรับจูนเสียงให้เล่นได้มากกว่าหูฟัง Custom ครับ

ยิ่งอ่านยิ่งคัน อ๊ากกกกก!!!

ว่าด้วยเรื่องจุกหูฟังครับ
ผมใช้ Fitear F111 อยู่ และได้ลองจุกหูฟังอยู่หลายแบบด้วยกันคล้ายๆกับ อ.Ahura
สุดท้ายมาตายรังที่ Spiral Dot by JVC
ด้วยความที่Fitearเป็นหูฟังที่เสียงกลางเด่นที่สุด พอจับคู่กับSP DOTเสียงร้องจะเปิดสเตจกว้างพุ่งกังวาล ตีปะทะเข้าหน้า เหมือนกับนักร้องมาร้องอยู่ข้างหน้าก็มิปาน

JVC Spiral Dot เมื่อใช้กับ K10u ถ้าเป็นนักมวยก็เรียกว่าเปิดการ์ดแลกหมัดแล้วครับ

คือมันไม่มีการปกปิดท่อนำเสียงเลยสักนิด ปล่อยให้ไดร์ฟเวอร์ที่ใช้ขับเสียงกลางที่มีมากถึง 6 ตัวปลดปล่อยพลังกันอย่างเต็มที่ ไม่มีเม้ม ไม่มีอั้น ทุกเม็ดออกมาหมด เสียงร้องจึงโดดเด่นมากครับ

แตกต่างจาก Spinfit ที่พยายามควบคุมมากกว่า

เขาคุยอะไรกันนี่ ล้วนแล้วแต่วิทยายุทธ์ขั้นสูง ชนิดกระบี่ที่ไร้กระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ ไอ้เรามือใหม่ มาเล่นหูฟังเอาตอนปลาย ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว 555 แต่ก็พอเข้าใจ แบบงูๆปลาๆ คุณอ่างหรือ เฒ่าทารก คนโปรดของผม หายไปไหน โปรดรายงานตัวด่วน

รอคุณเหน่งบาดีกว่าครับ
วันนี้บุกมาให้ K10u น็อคเอาท์ถึงขั้นหลับกลางอากาศ!!!
โดนเทพเจ้าสมดุลย์เสียงร่ายเวทย์ขับกล่อมถึงขั้นนิทรารมณ์กันเลยทีเดียว 5555

ผมนี่จริงๆแอบตามอาจารย์มาได้สักพักเลยก็ว่าได้ 55
ตั้งแต่dita มา380 แล้วคาดว่าตัวนี้ก็ไม่น่าพลาด
แต่ตัวนี้ผมเองลังเลอยู่ตั้งแต่ล้อตแรกที่หมดแล้วล่ะครับ
พอได้มาอ่านรีวิวนี่ คิดว่าคงตัดสินใจไม่ผิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคง
ต้องไปลองก่อนครับ

เป็น UIEM เสียงดีครับ แต่จากที่มี CIEM ของตัวเองแล้วเจ้า C เหนือกว่า U 555 แต่สำหรับท่านที่รอไม่ไหว U ก้เป็นทางออกที่ดี เคยใช้มาหลายสายมาก K10 สุดท้ายจมกับ DHC COMPLEMENT 3 ก็พอละไปมากกว่านี้แลไม่คุ้ม 55555

เสน่ห์อย่างหนึ่งของ uiem ที่หูฟังชนิดอื่นไม่มื ก็คือ จุกนี่แหละ เป็นศิลปะแขนงเล็กๆทีเดียว

Noble Audio ออกแบบจุกมาให้มีบุคลิกเสียงแตกต่างกันอย่างมีนัยยะครับ

กับเจ้าส่วนประกอบเล็กๆกระเด้งหล่นหายง่ายดายนี้ แต่กลับเป็นกุญแจสำคัญไขไปสู่ความสุขทางเสียงได้

ผมเปรียบจุกหูฟังเป็นเสมือนผู้จัดการทีมที่คอยสั่งการและควบคุมนักเตะทั้งสิบให้ดำเนินเกมส์ออกมายังไงอย่างที่เจ้าของสโมสรต้องการ เกมส์รุกหรือเกมส์รับ ถั่งโถมหรือไหลริน

หลายคนตกม้าตายเอาง่ายๆกับการมีหูฟังดีๆแต่ใช้จุกยางไม่เป็น ไม่เข้าใจการควบคุมเสียงของมันหรือแม้แต่การเลือกให้กระชับสบายเหมาะสมกับสรีระหูของตัวเอง

ก็อย่างที่คุณ Su กล่าวไว้ว่ามันเป็นศิลปะแขนงนึงของการเล่นหูฟังนั้นไม่เกินจริงแน่นอนครับ

ขอเสื้อเชิ้ต(เสือก)มามีส่วนร่วมด้วยคนครับ 555

จากการที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสK10u เลยมีจุดที่อยากแสดงความเห็นประกอบบางแง่มุม

ขอแก้ข่าวก่อนเรื่องโดนK10uน็อคหลับกลางอากาศ มันไม่ใช่ฟังจนหลับหรอกครับ ที่โดนน็อคน่าจะเป็นการแพ้ภัยตัวเองเสียมากกว่า เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมได้นอนหลับเพียงชั่วโมงเศษ จากเกือบตีสาม ตื่นมาตอนตีสี่เพื่อนั่งรถ(ตู้)มาเยือนสหายธรรมที่กรุงเทพ และหลังจากเกิดอาการเมาจุกหูฟัง(ไว้รอดูภาพประกอบ) ผมก็เลยเข้าภวังค์ขณะฟังเสียง....

แต่มันก็มีความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกันครับ คือ K10u นอกจากเสียงดีแล้ว ยังให้ความเป็นดนตรีที่ดี การลองฟังนี่ ทั้งที่ตั้งใจจับความแตกต่างของเสียง..ก็คือ เป็นการทดสอบนั่นแหละครับ ปรากฎว่า K10uนี่ทำให้อยากฟังเพลงครับ ปกติการทดสอบจะต้องเปลี่ยนเพลงนู่น นี่ นั่น ฟังเสียงตรงนั้นอย่างนี้ แต่กับK10u ทำให้การฟังทดสอบมันไม่ค่อยคืบหน้า คือ ไม่อยากกดข้ามเพลงเท่าไหร่ ทั้งที่ก็รู้สึกว่ามันม่ีบางอย่างที่ฟังต่าง หรือมีลักษณะให้น่าสังเกตมากกว่าก่อนหน้านี้ที่เคยฟังเพลงนั้นๆ..หมายถึงมันนำเสนอรายละเอียดได้ดี ซึ่งไม่ได้เป็นการย้ำเน้นอย่างจงใจ..มันกลับทำให้อยากฟังเพลงที่ว่าจนจบเพลงครับ ทำให้คอยเผลอฟังจนจบเพลง ไม่ใช่อยากรีบกดข้ามเพลงไปทดสอบเพลงอื่น

ก่อนจะบรรยายต่อ ขอชักรูปไว้เป็นที่ระลึกซักใบครับ 5555

โทรศัพท์เครื่องเล่นเพลงคู่ชีพของผม Nokia X1 มีโอกาสอันเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้ต่อฟังกับหูฟังUIEMไฮเอนด์(ที่จริงเกือบจะเป็นtop endแล้ว) อย่าง K10u เชียวนะครับ แหม่....เป็นบุญวาสนาของไอ้ทิดมันจริงจริ๊ง 5555555555555

ดูจากขนาดรูปทรง ไม่น่าเชื่อว่าK10u จะใส่ง่าย ใส่สบายเข้ารูปแบบไม่ต้องพยายามเลยครับ
เรื่องความเลิศหรูอลังการงานโครงสร้าง ความละเอียดปราณีตของการผลิต อาจารย์Ahura ได้พรรณาไปแล้ว ของจริงละเอียดสวยงามกว่ารูปที่ถ่ายให้เห็นมากมายครับ น้ำหนักก็ไม่ได้มากอย่างที่นึกเกรงไว้ ทำให้ได้เปรียบหูฟังชั้นดีที่ร่วมฟังเปรียบเทีียบอย่าง DITA Truthอยู่หลายขุมครับ รายนั้นคนที่เคยลองแล้วคงนึกออก ถ้าไม่ได้ใส่ชำนาญ กว่าจะจัดท่า ตำแหน่ง ระยะให้เข้าที่ได้ ใช้เวลาอยู่นาน ประมาณว่า ชอบให้เล่นท่ายาก ^ ^ แต่K10uนี่แค่หยิบคล้องหูแป๊บเดียวก็ฟังได้เลยครับ

อย่างไรก็ตาม กว่าจะได้ฟังจริงๆจังๆ ก็ใช้เวลาหาจุก ฟังเปรียบเทีียบจุกอยู่นานนับชั่วโมง ด้วยจุกหนึ่งโขยง ทั้งจุกที่เป็นของมันเองทั้งสามแบบ(แบบสองชั้นไม่ได้ลองครับ หูฟังกลุ่มสูงที่เคยได้สัมผัส ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอดีกับจุกสองชั้นที่ให้มาครับ ไม่ว่า RHA T10i,DITA Truth,Fidue A83)Spin fit ไซส์ L,M บวกกับ Spiral dot M และจุกใหญ่สองชั้นของHifiman(อันนี้ผมเอามาเอง ปกติอยู่ติดกับ Hifiman RE 0ที่พกไว้ใช้เวลาเดินทาง) แล้วก็ต้องลองฟังเทียบขนาดด้วย สำหรับ K10u นี่ง่ายอยู่อย่าง คือ จุกของเขาเอง ผมใช้ได้แค่ขนาดกลางครับ สำหรับทั้งสามแบบ(แบบปกติที่แกนสีแดง แบบมีเส้นคั่นช่องเสียงแกนสีน้ำเงิน และจุกโฟม) ตัดปัญหาลดเวลาลองจุกไปได้พอสมควร ไม่งั้นถ้าเพิ่มการฟังจุกขนาดใหญ่และเล็กในแต่ละแบบ จะกินเวลาเพิ่มขึ้นอีกมากค่รับ (คือยกตัวอย่าง Zero Doppio ผมดันใช้จุกได้ทั้งสามขนาดที่ให้มา แต่โชคดีว่า จุกที่ให้มา มีอยู่แบบเดียว ไม่อย่างนั้นแค่คิดก็ปวดกบาลแล้วครับ)

แรกสุด ผมฟังด้วยจุก Spinfit M ซึ่งอาจารย์ Ahura เลือกใช้ก่อนที่จะแกะซองเอาจุกของK10u มาใช้เสียอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า Spinfit M ให้สีสันเข้ากั๊นเข้ากันกับหูฟัง K10u ใส่แล้วสวยที่สุดครับ

ฟังดูโคตรจะมีเหตุผลเลยครับ ใส่กับหูฟังแล้วสวยดีก็เลยเลือกใช้ = =*
(ดูจากรูป จะเห็นมันวางอยู่ตรงกลางด้านล่างของภาพ สีขาวแกนแดงนั่นแหละครับ Spinfit M)

ซึ่งการณ์ปรากฎว่า ผมฟังแล้ว แรกสัมผัส รู้สึกว่าเสียงมันยังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ แต่เนื้อเสียงอิ่ม ควบแน่น มาก ออกติดดาร์คหน่อยๆ..ที่จริงจะว่าดาร์คก็ไม่เชิงครับ เอาว่าขาดความเปิดโปร่งไปสักนิด ส่วน Spinfit L ซึ่งที่จริงฟังท่ีหลัง ขนาดไม่พอดีหูครับ เลยผ่านไป

อ่า ดูภาพผิดครับ Spinfit M ในความเห็น37 อยู่ทางขวาค่อนมาทางล่างของภาพแต่วางแยกกัน ตอนนั้นจุกเริ่มกระจัดกระจายและผมเริ่มมึนกับจุกทั้งหลายแล้ว...

พิจารณาดูจากรูSpinfitซึ่งเล็กกว่ารูของท่อนำเสียงของ ตัวหูฟัง K10uเอง(ซึ่งมีรูย่อยถึงสามรู เล็กหนึ่งใหญ่สอง)ความเห็นส่วนตัว มันไม่น่าใช่คู่แท้ของ K10u ครับ เพราะมันไปบังการเปล่งเสียงของหูฟังครับ น่าจะบดบังรายละเอียดบางส่วนอันพึงมีที่หูฟังเปล่งออกมา อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ประเด็นเรื่อง "ถูก" หรือ "ผิด"ครับ ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ชอบ หรือไม่ชอบ หรือเอาไว้จูนเสียงให้เข้ากับการจัดเซ็ทของเราเสียมากกว่า การฟังความแตกต่างของจุกหูฟังแต่ละแบบ แต่ละขนาด เป็นไปเพื่อการอุปเท่ห์ของการเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการของเราครับ

ไม่ใช่แค่แบบ แต่การเลือกขนาดจุกให้เหมาะสมกับบอดี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ
ปกติผมใช้จุก Spiral dot M กับFidue A83 ซึ่งด้วยบอดี้ของหูฟังตัวนั้น พอดีกับขนาดและแบบของ dot ไซส์ M แต่พอเอา Spiral dot M มาใช้กับ K10u ปรากฎว่า ยังไม่ใช่ครับ...มันกลับเล็กไป(สำหรับรูหูผม) ซึ่งมีผลให้เสียงพุ่งเกินและบางเกิน ขาดน้ำหนัก สงสัยต้องเป็นจุก Spiral dot ไซส์ Lครับ

ที่ได้ลองในวันนี้ จุกที่ชอบที่สุด สำหรับผม เป็นตัวสีดำแกนน้ำเงินของK10uเองรุ่นที่มีขีดกลางกั้นเสียง ตัวนี้จะเตี้ยกว่าตัวสีเทาใสแกนแดง
จุกดำที่มีขีดกั้นกลางให้เสียงเปิด สด แน่น แรงปะทะของหัวโน้ตดี ให้โทนเสียงคมชัด จะแจ้งมากขึ้นจากตัวเทาใสแกนแดงครับ

ยังมีแง่มุมที่ยังไม่ได้ลองอีก ซึ่งคงเป็นเรื่องของผู้มีKaiser K10u ในครอบครองว่า ถ้าใช้จุกดำจที่มีขีดคั่นกลาง จะจัดเส้นคั่น ให้อยู่ตรงไหน บังตรงไหนของรูท่อนำเสียงนะครับ ^ ^

จุกโฟมที่ให้มาก็น่าใช้ครับ ปกติผมไม่ค่อยถูกจริตกับจุกโฟมของแถมไม่ว่ายี่ห้อไหน เพราะใช้แล้วรู้สึกว่ามันทีบเกินแทบทุกยี่ห้อไป แต่จุกโฟมที่ให้มา กลับให้เสียงที่อิ่ม แน่น มีน้ำหนักเสียงเพิ่มโดยที่ไม่รู้สึกว่ารายละเอียดหายไป(แต่ตอนนั้นผมเริ่มเมาจุกแล้วครับ วางกันเกลื่อนกล่นหลายแบบหลายขนาดหลายสำนักยี่ห้อ)และผมหลับคาที่ด้วยจุกโฟมนี่แหละครับ 555

คุณภาพเสียงของ K10u ไม่เป็นที่น่ากังขา ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ ปกติ ข้อจำกัดการฟังเพลงของผม อยู่ที่ไฟล์เพลงคุณภาพต่ำที่ใช้เป็นเพลงประจำในการทดลองฟังเสียง กลายเป็นว่า ด้วยเพลงที่ผม(ต้อง)ใช้ ทำให้มันแสดงความแตกต่างไม่ได้เต็มที่กับชุดที่ต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างเช่น ด้วย memory card อันเดียวกันนี้ หรือด้วยไฟล์เพลงบางเพลงที่เหมือนกัน ด้วยหูฟังขนาดที่ไม่เบาแล้วอย่าง DITA Truth ผมฟังความต่างไม่ค่อยออก หรือไม่เห็นว่าดีขึ้นมากนัก ระหว่าง DX90+Ref8+Algorithm Duet เทียบกับ AK380 (เพราะถูกจำกัดด้วยคุณภาพไฟล์)

แต่ด้วย K10u คราวนี้ ฟังกับAK380 มันดีกว่าทุกด้านแบบสัมผัสได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับชุด DX90พร้อมแอมป์ที่ว่านั่นครับ และก็ยิ่งชัดขึ้นไปอีก ค้ือถึงขั้นไม่ได้ดีกว่าหูฟังรุ่นถูก เมื่อเอาไปจิ้มฟังกับ Nokia X ทั้งๆที่ K10u ก็ไม่ได้ออกแนวมอนิเตอร์ เน้นนำเสนอรายละเอียดของเสียงแต่อย่างใด ทว่ามันสามารถถ่ายทอดคุณภาพที่ต่างกันของชุดที่ใช้เล่นได้แบบชุัดเจนมาก ก ก ก

อ.Ahura: รีวิวได้เยี่ยมเลยครับ อ่านแล้วอยากขอเฮียฯเข้าไปลองฟังที่ร้านเลยครับ

พี่เหน่งบา: ตอนแรกนึกว่าพี่โดน K10u โดนน๊อกกลางอากาศจริงๆซะแล้วนะครับ

ผมอ่านกระทู้นี้ตั้งหลายรอบ อ่านไปอ่านมาทำไม๊ ทำไมผมรู้สึกว่าไอ้เจ้า K10u เหมาะกับพี่เจี่ย มากๆ ยิ่งพรุ้งนี้มีลด 10% เพียงวันเดียวด้วย ผมว่าตัวนี้น่าจะหูฟังคู่บุญของพี่เจี่ยครับ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สรุปว่าการได้สัมผัส K10u เป็นประสพการณ์ที่ดีครับ ทั้งบอดี้ตัวตนที่"ไฮ"สุดๆของตัวหูฟังที่แพงมากๆตัวหนึ่ง
ทั้งคุณสมบัติด้านเสียง ทั้งน้ำเส่ียง มิติ รายละเอียดและความเป็นดนตรี
ทั้งคุณสมบัติด้านคุณภาพ ความเที่ยงตรง ที่ทำให้สัมผัสรับรู้ประสิทธิภาพของชุดที่ต่างระดับราคากันได้แม้ใช้กับไฟล์เพลงคุณภาพไม่ได้สูง

ซึ่ง ความคิดผม มันก็คงเหมาะกับชุดระดับที่สูงพอกันแหละครับ...หูฟังระดับมหาเทพแบบนี้ ก็คงจะเปล่งประสิทธิภาพที่แท้จริงได้กับชุดเครื่องเล่นขั้นพรหมถึงจะคุ้ม

จริงอยู่ว่า หาก DITA Truth เอง หากจัดท่าได้ที่ และจัดชุดได้พอสมควร ก็ไม่ถึงกับถูก K10u ทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะเรื่องการสวมใส่ ก็เป็นประเด็นได้เปรียบไม่น้อยสำหรับ K10uครับ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสตรอเบอรรี่จุ่มครีมแปะท่อนำเสียงติดจุกยางนี่จะใส่ง่ายขนาดนี้ 5555

ความเห็นทั้งหมดเป็นความชอบส่วนบุคคลนะครับ อาจไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านอื่นก็เป็นได้ ต้องขอออกตัวไว้ก่อน ^ ^

น้าอ่างครับ อย่าว่าแต่ K10u เลยครับ KC08 ผมยังลุ้นแกไม่ขึ้นเลยครับ 5555555555

ถามท่านปรมาจารย์ทั้ง 2 ท่านเลยครับ

K10u เสียงต่างกับ K10 demo ที่เรือธงหรือไม่ครับ ถ้าต่าง ต่างอย่างไรครับ?

ต้องรบกวนจริงๆครับ เพราะ K10u ไม่มีให้ลองเลยเดาทางไม่ถูกครับ

บุคลิกเสียงคงไม่หนีห่างกันเท่าไรทั้งความเป็น Natural ความแม่นยำ เที่ยงตรง
แต่การเปลี่ยนบอดี้เป็นอลูมินั่มทำให้ K10u ขยับสเตปขึ้นห่าง K10 Demo ไปอีกขั้นหนึ่งครับ

ผมเคยฟัง K10 Demo มานานแล้วและหลายครั้งด้วย ก็ยังไม่ว้าวครับ
แต่พอมี K10u aluminum edition ตัวนี้มาให้ลองฟังก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยครับ
(จำได้ว่าวันนั้นนั่งฟัง HIFIMAN Edition X อยู่เพลินๆพอได้ฟัง K10u นี่วาง X ทิ้งเลยครับ เสียงK10uมันน่าฟังกว่าครับ)

ขอบคุณมากครับคุณ Ahura ^^

พี่อ่าง อินเอียร์ประจำตัวผม ตอนนี้คือ Fidue A83ครับ เจ้าK10u นี่แค่ได้ฟังก็เป็นบุญหูแล้ว และด้วยชุดที่มี คงไม่ขวนขวายอะไรมากกว่านี้แล้วครับ ยิ่งระดับสูงอย่าง K10u นี่...ไม่ใช่สำหรับคนระดับผมหรอกครับ

ที่บรรยายมายาวก็เพราะอยากให้เห็นถึงความสำคัญของการแม็ทชิ่งจุกเข้าหาหูฟัง..มันเป็นเรื่องที่มีผลอย่างมาก

อย่างเอียร์บัด มันมีแค่ ถ้าขนาดและรูปทรงของเอียร์บัดมันพอดีหู เราจะได้เสียงจริงๆที่เอียร์บัดตัวนั้นทำได้ อย่างมากก็จูนฟองน้ำหุ้ม ให้ได้คุณภาพดีเท่าที่หาได้(ไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ เพิ่มเติมอีกนิดก็คือแบบเจาะรูหรือไม่เจาะ)

อินเอียร์ละเอียดกว่านั้น(จริงๆคือพร้อมจะให้ต้องเรื่องมาก)หลายเท่าครับ

ไม่ใช่แค่ขนาดหรือรูปทรง เพราะต่อให้ขนาดเท่า ทรงเดียวกัน แต่ถ้าเป็นของคนละยี่ห้อ เสียงก็จะต่างกันออกไปอีก

ไม่ใช่แค่ใส่พอดีหู(สเต็ปที่หนึ่ง) เพราะมันไม่จบแค่ อันที่พอดีหูแล้วจูนละเอียดขึ้นเป็นสเต็ปที่สองด้วยวัสดุที่พอดีกับชุด แต่มันไปถึงสเต็ปที่สาม***ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแบบมีกับดับความคิดในตัวเอง***..."อันที่เสียงดีที่สุด ดันเป็นอันที่ไม่พอดีหู"

เรื่องนี้สำคัญ และผมไม่ได้คิดได้เอง แต่ประโยคนั้น เป็นเคล็ดวิชาสำคัญที่ผมได้เรียนรู้จากยอดฝีมือในแดนดินถิ่นเหนือ คือหมอคมกฤช

คือเราคิดกันในเบื้องต้นว่า อยางแรก จุกต้องพอดีหู อย่างที่สอง ด้วยขนาดที่ดีหู อันไหน(วัสดุที่ต่างกัน)จะให้เสียงดีที่สุดกับชุดของเรา

แต่ถ้ามันไม่พอดีหู เราก็คัดทิ้งตั้งแต่สเต็ปแรก???? กับดักมันอยู่ตรงนี้แหละครับ
เพราะมันเป็นไปได้ว่า อันที่ให้เสียง(วัสดุกับรูปทรงมีผลตรงนี้น)ได้ดีที่สุดกับชุดของเรา ดันเป็นอันที่ขนาดไม่พอดีกับหูของเรา

มันมีเรื่องแบบนี้จริงๆ และคนที่จะรู้ตรงนี้ได้ ต้องเคยฟังมาเยอะ กับม่ีจุกในครอบครองให้ลองฟังสับเปลี่ยนเยอะๆ ซึ่งผมเรียนรู้จากการคุย(ทางเมล)กับคุณหมอคมกฤช..ผมเห็นว่าเป็นเคล็ดความสำคัญยิ่ง และเข้าใจกับทำตามได้ไม่ง่าย

เรื่องโชคดีอย่างหนึ่งคือ ส่วนใหญ่ จุกที่พอดีหู ก็มักจะเป็นจุกที่เหมาะกับเราแหละครับ โดยเฉพาะกับหูฟังรุ่นสูงแบบนี้ ทางบริษัทก็มักจะออกแบบมาเป็นการเฉพาะ

แต่ก็มีแง่มุมที่ความพอดีของจุกกับหูเมื่อใช้กับหูฟังบางตัว ไม่ใช่คำตอบที่"ใช่"เสมอทุกครั้งกับทุกกรณี(คน:หูฟัง:จุก)

- Spiral dot M พอดีกับ Fidue A83 สำหรับผม แต่ไม่พอดีกับ K10u (เพราะบอดี้ไม่เท่ากัน)แต่ใช้ได้พอสมควรกับอาจารย์ Ahura
- Spinfit M พอดีกับ K10u สำหรับ อ.Ahura แต่ผมใช้ไม่ได้ในแง่เสียง แม้ขนาดจะพอได้

เอาแค่นี้ก่อนละกันครับ เท่านี้หลายท่านคงอยากจะบอกว่า มรึงยังไม่หายเมาหรือยังไงแล้ว ^ ^

อ่านแล้ว หมั่นท่องไว้ๆว่าเพิ่งเช่าพระมา

ผมขอถามอ.ahura หน่อยครับว่า 380ขับ k10 u ได้แบบหมดจดมั้ยครับ

iPhone ยังหมดเกลี้ยงเลยครับ 555

แต่ความหมายของขับหมด กับขับดีมันต่างกันครับ

คือหูระดับ K10 หรือ Layla มันจจะแสดงศักยภาพสูงสุดและเห็นความแตกต่างของไฟล์เพลง จากเพลเยอร์ยิ่งสูงยิ่งชัดเจนครับ

โดยเฉพาะคนเล่น 380 จะรู้ว่าสิ่งที่มันแตกต่างเหนือเพลเยอร์อื่นๆคือความสามารถในการแยกเลเยอร์ครับ

ซึ่ง K10u มันมีความสามารถตรงนี้สูงครับ ถ้าฟังกับเพลเยอร์ทั่วไปบางทีเราจะไม่เห็นความสวยงามนี้จาก K10u เช่น ฟัง K10u กับ DX80 เราอาจเห็นแค่ 3 เลเยอร์ แต่พอฟังกับ 380 เราอาจเห็นได้ถึง 5 เลเยอร์ครับ ^ ^

โอ้ว ผมต้องฝากตัวเป็นศิษญ์ ของ อ. Ahura อีกรายเเล้วครับ
เขียนรีวิวได้สะเด่ามากๆ ผมนี่ต้องเเอบ save เก็บเอาคำเด็ดๆไปใช้เองมั่งครับ 55

โอ้ว มิบังอาจครับ หิ่งห้อยมือใหม่หัดรีวิวอย่างผมไม่อาจเทียบได้กับแสงตะวันอย่างเทพรีวิวหลุยส์ครับ

เปรียบเหมือนทีมชาติเสปนขอให้ทีมชาติไทยสอนบอลให้ครับ ถ้าสอนมวยก็ว่าไปอย่าง 5555

555 ผมก็ต้องแอบเซฟและลอกสำนวนไปใช้บ้างนะครับจารย์ 555

Limited Rose Gold

นี่มันห่อช็อคโกแลตชัดๆ 555

ขอนอกเรื่องนิดนึงครับ อยากสอบถามอ.ahura ว่าช่องse กับ บาลานซ์ ของak380
อันไหนที่ให้เสียงดีกว่าครับ

ผมชอบสีนี้กว่าแฮะ น่ากินกว่าอ่ะครับ 555
เหมือนอัลมอนด์เคลือบช็อคโกแล็ตลูกโตๆ ^ ^

ช่องบาลานซ์แน่นอนครับ แต่ดียิ่งกว่านั้นคือช่องบาลานซ์ของแอมป์ AK ครับ

และด้วยช่องทางนี้มันเหมือนจุดระเบิดพลังของหู Top Tier อย่าง K10, Layla หรือ HE1000 ครับ ^ ^

แล้วระหว่าง bakoon กับ ak amp ( ไม่เน้นความสะดวกในการพกพา ) แบบไหนให้เสียงดีกว่าครับ

หมายถึงตัว hpa 01m ครับ

AK amp กับ Bakoon หากจะเปรียบมวยก็คงเหมือน เดวิด กับ โกไลแอท

ซึ่งมองเผินๆคงเป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะเอาชนะยักษ์ได้

Bakoon ณ. เวลานี้มันคือที่สุดของแอมป์พกพา เรื่องพละกำลังมันมหาศาลแน่นอน ยากจะหาแอมป์ใดมาต่อกรกับมัน

ขณะที่ AK Amp คือคู่สมที่ถูกจัดมาสำหรับ 380 โดยตรง มีความบอบบางเพื่อให้ 380 ยังคงไว้ซึ่งมิติของการพกพา กำลังขับมีพอที่จะขยับคุณภาพเสียงของ 380 ให้ดีขึ้นในทุกๆด้านอย่างละนิดละหน่อย

ถามว่าใครดีกว่าใครคงต้องวัดกันที่ระดับความพึงพอใจของคนจ่ายตังค์ครับ

- Bakoon แพงกว่าเกือบเท่าตัว แต่พลังก็มีเป็นเท่าตัวด้วย แต่ต้องไม่ลืมว่าแอมป์มันมีบุคลิกเสียงนะครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันเข้าไปเปลี่ยนแปลงบุคลิกเสียงเดิมของ 380 บ้างไม่มากก็น้อย
ไหนจะเรื่องของสายเชื่อมต่ออีก ซึ่งแต่ละสายก็มีบุคลิกเสียงอีก นั่นเท่ากับว่า 380 จะมีการเปลี่ยนแปลงถึงสองเด้ง

- AK Amp ขจัดเรื่องปัญหาสายเชื่อมต่อพะรุงพะรัง ไม่ไปเปลี่ยนแปลงบุคลิกเสียงแต่กำลังคงขับพวกหูโหดไม่ค่อยไหวแต่ชดเชยด้วยเรื่องของการดีไซน์ รูปลักษณ์และความสะดวกสบายที่มากกว่า ซึ่งสำหรับผมก็เลือกในจุดนี้มากกว่าครับ

Bakoon HPA-01M อีกเสียงครับ ใช้อยู่เอง ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ และอนาคต

380 + jacket amp ดูแล้วผมนึกถึงไอ้นี่ ^ ^

ขอบคุณอ. Ahuraมากครับ ตอนแรกลังเลว่าจะปล่อยbak+com4
แล้วมาเล่นช่องบาลานจากak ampดีมั้ย เหมือนเสียดายพี่แต่อยากได้น้องใหม่
แต่ถ้าจะให้เก็บเธอไว้ทั้งสองก็คงไม่ไหว 55

Bakoon + Complement 4 นี่เสียงมันสุดทางรักแล้วนะครับ

ถึงจะไปเล่นช่อง balance ของ AK Amp ส่วนตัวผมถือว่าเป็นการ down grade ตัวเองครับ

นอกจากอยากจะได้ function ของ AK แบบเต็มสูบก็เป็นอีกเรื่องครับ ^ ^

ป.ล. อัพเฟิร์มแวร์เป็น 1.23 หรือยังครับเสียงส่วนใหญ่ว่าเหมือน 380cu 1.19 เลยครับ
ซึ่งพอเบสมันหนักขึ้นด้วยตัวเอง Bakoon อาจไม่จำเป็นแล้วก็ได้ครับ ^ ^

ขอบคุณอาจารย์มากๆเลยครับ และต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้กระทู้หลังๆเหมือนเป็นกระทู้380
แต่เพราะกระทู้นี่ทำให้ผมได้อันเชิญเทพk10u มาไว้ที่บ้านเมื่อเสาร์ที่แล้วแล้วครับ กำลังเบิร์นเรื่อยๆครับ ^ ^

เฟิร์มแวร์ผมยังไม่ได้อัพเป็น1.23 เลยครับ สงสัยเดี๋ยววันนี่ต้องกลับไปลอง

@ tk3008
ยินดีด้วยครับ หลังเบิร์ก็นเตรียมตัวกับสายอัพเกรดกันอีกนะครับ 555

วันนี้ K10u โดนเหล่านางพรายรุม
แต่เอาตัวรอดมาได้สบายๆด้วยสาย Prima Donna หัว 2.5 เจอ balance เข้าไปนางพรายก็กระเจิงครับ ^ ^

ป.ล. คุณเสียงอัพขึ้นมาอีก เวทีกว้างขึ้น หัวโน๊ตชัด อิมแพคแรงขึ้นอีกครับ

เทียบพิกัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์
ยกแรกผมให้ K10u ชนะผ่านเพราะ Layla II เพิ่งแกะกล่อง 555

ไว้เบิร์นมาดีๆแล้วมาแก้มือกันใหม่นะจ๊ะ Layla II 5555

โอ้ว เดโมมาแล้วหรอครับ อ.ข่าวไวมากๆ แต่ตัวนี้ผมคงผ่านครับ
เพราะหูผมใส่แล้วไม่ค่อยสบายๆเท่าไหร่ เคยลองver.แรก เลยเปลี่ยนมาเป็นk10
นี่ล่ะครับ
เรื่องสายไม่ทราบว่าตอนนี้อาจารย์ใช้สายอะไรกับk10ครับ ที่ผมดูไว้ก็มีdhc กับprima donna
นี่แหละครับ แต่dhc คงเอาแค่sp8 พอ com4 เหมือนจะพกยากนิดนึง แต่ไม่รู้เสียงต่างกันมากมั้ย

อาจารย์ฟัง(K10u)ด้วยจุกอะไรนะครับ Spinfit M ใช่มั้ยครับ
แล้ว Layla ใช้จุกอะไร

จุกยางขนาดกลางของ Layla เองครับ

ผมยังไม่ได้ลองเล่นกับจุกเพราะมันยังไม่ได้เบิร์นเลยครับ

Siren Series ต้อง Spiral dots ครับ แล้วมันจะปล่อยพลังออกมาได้เต็มที่ครับ

Up

อ้าว ยังไม่ได้สอยไปอีกเหรอคุณหลุ่ง 55

ดันขึ้นมาอ่านอีกทีครับเฮีย 555

ตอนนี้ Layla II Roxanne II K10u มันอยู่ในลิสต์กันหมด ตายๆๆ โบนัสจากสรรพากรปีนี้ก็ช้าๆๆ 5555

K10u ปะทะ Layla II ยก 2

กรรมการอย่างผมได้แต่ทอดถอนใจครับ เพราะไม่รู้จะยกมือให้ฝ่ายไหน @_@

มันเก่งกันคนละด้านจริงๆ

ส่วนตัวคิดว่าหากอยากหาหูพกพาแบบฟังนานๆแล้วไม่เครียด K10u น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ

ปีที่ผ่านๆมาสู่ขอ Roxanne กับ Layla อยู่กินกันไม่ถึงเดือนเลย 555

ผมว่า Layla II เสียงยกระดับจากตัวเก่าพอสมควรนะครับ

ซึ่งก็คล้ายกับการเปลี่ยนแปลงวัสดุของ K10u

ในด้านความรู้สึกของเสียงผมกฺ็คิดเหมือนคุณหลุ่งครับ คือฟัง Layla II แล้วรู้สึกเครียดกว่าฟัง K10u

ซึ่งผมว่าตัวแปรสำคัญมันคือเรื่อง airy ครับที่ K10u มันมีมากกว่า

บางครั้งด้วยหน้าที่การงานระดับสูงๆอย่างผม การใช้ K10u ช่วยให้เกิดบรรยากาศการฟังเพลงในระดับ hi class ตลอดเวลาแม้ขณะปีนป่ายครับ 555


ขอใช้พื้นที่กระทู้นี้ประชาสัมพันธ์การแสดงงานศิลปะของผม (ชิ้นที่กำลังทำอยู่นี่แหละครับ) ที่หอศิลป์แห่งชาติ ถนนเจ้าฟ้า วันพุธที่ 16 มีนาคมนี้นะครับ

โดยเป็นนิทรรศการศิลปะเพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตรปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งผมจะเเสดงร่วมกับเพื่อนๆป.เอกรุ่นแรกของศิลปากรครับ

งานจะมีพิธีเปิด 6 โมงเย็น แต่ผมจะบรรยายเกี่ยวกับการเรียนการสอนปริญญาเอกด้านศิลปะตอนบ่ายโมงตรงครับ

ขอเรียนเชิญสมาชิกที่สนใจหรืออยากเปิดหูเปิดตาเกี่ยวกับศิลปะครับ

ป.ล. งานนี้งบของว่างน้อยไปนิดเพราะไปอยากเน้นหนักที่ไวน์อย่างดีครับ 55555

ขอถามอาจารย์หน่อยครับว่าตอนลอง prima donna ตัวหัวแจ้ค2.5เสียบกับ380 มันแน่นมั้ยครับ
ของผมลองเสียบครั้งแรกแบบต้องออกแรงกด มันแน่นมากจนพี่หลุยยังนึกว่าถอดไม่ออก พอถอดออกนี่ไม่กล้าเสียบใหม่ เลยยังไม่ได้ฟังเลยครับ แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์เคยลองสายcrystal ของAK มั้ยครับ

Prima Donna แน่นมากครับคือแน่นทั้ง socket ไปยันหัวแจ๊ค 2.5 เลยครับ
ซึ่งผมมองว่ายังไงแน่นก็ดีกว่าหลวมนะครับ เพราะใช้ๆไปนานๆสักวันก็หลวมครับ มันเป็นสัจธรรม 555

สาย AK Crystal ผมยังไม่เคยลองกับ K10u ครับ เคยลองแต่กับ T8ie แค่นั้นครับ
ซึ่งสาย Crystal ผมว่ามันคือคู่แท้ของ T8ie ที่ช่วยยกระดับเสียงขึ้นมาเทียบ K10u ได้เลยครับแต่ราคาก็นะ T_T

สำหรับสายที่เหมาะสมกับ K10u ผมว่าแค่ Prima Donna4 น่าจะเป็นจุดคุ้มค่าที่สุดครับ
เพราะแม้จะไปถึง Crystal หรือ Prima Donna8 แม้เสียงดีขึ้นก็จริงแต่ผลต่างมันน้อยมากเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไปครับ

ยังไงก็ต้องลอง K10u + Prima Donna4 ให้ได้ครับแล้วลองฟังเทียบกับ Layla II เลยครับ
แล้วจะรู้ว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ เพราะมันมาเติมเต็มช่องโหว่ให้สมบูรณ์แบบมากครับ

วันพุธนี่ ถ้าไม่ใช่ว่าช่วงที่ผ่านมาผมต้องเข้ากรุงเทพซะหลายวันค่อนข้างถี่ อยากโดดงานไปฟังอาจารย์บรรยายแบบจริงจัง จริงๆครับ เสียดาย...

ว่าแต่ Nokia X1 ผม คงมีวาสนาได้ถ่ายรูปคู่กับ K10u power up by Prima Donna ละมั้งครับ ^ ^

Socket แน่นยังงไม่เท่าไหร่ แต่แจ้คแน่นผมกลัวเข้าออกบ่อยๆ เดี๋ยวรูแจ้คที่380จะไปก่อนนี่สิครับ
ยังไงก็ขอบคุณอาจารย์มากครับ เดี๋ยวต้องเข้าไปลองใหม่

รู 2.5 นี่แหละครับที่ทำให้ผมต้องเคลม AK Amp ตัวใหม่ เพราะตัวเก่าของผมมีปัญหาเสียงติดๆดับๆครับ

การได้แอมป์ตัวใหม่ไม่ใช่ปัญหาแต่ขี้เกียจเบิร์นใหม่มากกว่า อุตส่าห์อดทนเบิร์นมาตั้งนานครับ ข้อสัณนิษฐานถึงสาเหตอาจมาจากสองข้อ

1. ถอดเข้าออกบ่อยเกินไปจนรูหลวม ??
2. บางช่วงอาจเสียบทิ้งไว้นาน ยัดเข้ากระเป๋าซุกโน่นซุกนี่ ขั้วอาจเบียดไปเบียดมาจนรูมีปัญหา ???

สรุปคือการเอาออกบ่อยๆ หรือเสียบทิ้งไว้ก็อาจก่อปัญหาได้พอๆกัน

แม้ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรแน่ แต่รู้แน่ว่ารู 2.5 ของ AK มันอ่อนแอกว่าที่คิดนะครับ

มีอีกหลายสีให้สะสม

http://nobleaudio.com/en/shop/universal/

เล่นผุดไอเดียทะลักสีสันออกมาขนาดนี้

ตัวที่ดูโดดเด่นที่สุดกลายเป็นสีแดง-เงินเดิมๆซะงั้น 555

ตัวใหม่ 5 สีที่ออกมายังเป็นแค่ระดับ Knight ครับ (4-6 drivers)

ยังไง King K10 ก็ยังเป็น King ครับ

คาดว่า K10U ออกมาดูดีเลยออกลูกออกหลานรุ่น U อื่นๆ หน่ะค่ะ แปลกดีที่มาแนวนี้ จริงๆ เสียงของ C กะ U มันไม่เหมือนกันเลยอ่ะนะ

รบกวนถามอาจารย์หน่อยครับ ระหว่าง dhc sp8 กับ prima donna ถัก4
เสียงต่างกันเยอะมั้ยครับ

ผมยังไม่ได้ลองกับ DHC SP8 เลยครับเพราะช่วงนี้ไม่มีของ

แต่เท่าที่เห็นรีวิวเก่าๆก็มักจะว่ามันไปได้ดีกับ K10c นะครับ

ถ้าจะให้เดาผมว่าPrima Donna4 น่าจะครบเครื่องกว่า SP8 นะครับ อันนี้ต้องรบกวนหลุยส์ช่วยอธิบายครับ

แต่ยังไง Prima ก็สายนิ่มกว่า เบากว่า พกพาสะดวกกว่าแน่นอนครับ ^ ^

เอาเป็นว่าขนาดลองกับ Complement 4 สายโหดสุด แพงสุดในตระกูล DHC

ก็ยังรู้สึกว่ามันยังทิ้ง Prima4 ได้ไม่ขาดเลยครับ ทั้งที่ราคาทิ้งห่างไปเกือบเท่าตัว

SP8 ที่ต่ำชั้นกว่าคงไม่ต้องพูดถึง 555

ขอบคุณครับอาจารย์ ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะเลย ^ ^

DULCE BASS นี่น่าโดนมาก สําหรับคอ electronic + heavy bass แบบผม อยากลองฟังจริงๆ

ทนไม่ไหวจัดมาแล้วจ้า สุดยอดครับ ครบเครื่องจริงๆ

JH Layla ราคา 120,000 Kaiser10 ราคา 70,000ราคาต่างกันห้าหมื่น ไม่ใช่เงินน้อยๆ อยู่บ้านนอกนี่สร้างบ้านแบบประหยัด( มีไม้เก่าพอใช้งานได้) ได่หลังหนึ่งทีเดียว

ด้วยส่วนต่างด้านราคาที่เกินส่วนต่างด้านคุณภาพเสียงไปมากพอสมควร

คนที่ชอบเสียงระดับพรีเมี่ยมแบบโปร่งๆ กว้างๆ แหลมพริ้วๆ เมื่อฟัง K10u น่าจะตัดใจจาก Layla II ได้ไม่ยากครับ ^ ^

Layla custom มัน 9 หมื่นกว่านี่ครับ ต่างกันไม่เยอะขนาดนั้นนะครับ 555

วันนี้ผมเพิ่งได้กำลังเสริมมาครับอาจารย์ ^ ^
ช่อง 2.5ทำเอาผมอึ้งไปเลย

ความมั่นใจในคุณภาพเสียงของจักรพรรดิ K10u ที่เพิ่มขึ้นหลังเบิร์นสาย Prima Donna ถัก 4 ขั้ว balance

คือความคิดอหังการ์กล้าท้าชนจักรพรรดินี Layla II ที่อัดพลัง Prima Donna ถัก 8 ขั้ว balance

ความมันส์ของศึกครั้งนี้เทียบเคียงได้กับ Batman ปะทะ Superman ครับ 555

555 นี่แทบจะเป็นยุทธหัตถีเลยนะครับ 555

วันนี้เจออาจารย์ที่เรือธง แต่ไม่ได้คุยเลยครับต้องขออภัยด้วย T-T

ยิ่งอ่าน ยิ่งกิเลสมา เมื่อไหร่เฮียจะจัดโปรอีกรอบหนอ
งบไม่พอจัดราคาเต็ม รอแถวสองก็คงอีกนาน
ได้แต่ข่มใจตัวเองเอาไว้ก่อน

เมื่อวานได้ยินกิตติศัพท์ของอาจารย์จากหลุยส์และหมูหวานมา รู้สึกเลื่อมใสครับ อิอิ

อ่านฝีมือรีวิวของอาจารย์แล้วเคลิ้ม+คันเลยครับ แต่ยังไม่มีโครงการจะเปลี่ยนหูฟังตัวใหม่ ขอมีความสุขกับ T8iE ต่อไปอีกสักพัก

เมื่อวานไปเยือนสหายธรรมถึงถิ่นถ้ำหลังจากไม่ได้เจอมาพักใหญ่
ซึ่งหมายความว่าทั้งหูฟัง และสายPrima Donnaก็น่าจะ"ได้ที่"แบบเต็มๆแล้ว

สิ่งที่ได้ยิน เกินที่คาดหมายไว้อีกครับ
จากคำบอกเล่าของเจ้าของ ผมก็จินตนาการไว้ค่อนข้างบรรเจิดเลิศลอย
แต่สิ่งที่ได้ได้ยินได้ฟัง แทบต้องบอกว่าตะลึงครับ
...หูฟังอินเอียร์สร้างระยะของเสียงได้ห่างตัวเราถึงเพียงนี้เชียวหรือ
...นี่มันเสียงทุ้มจากหูฟังที่ยัดจุกในหูเรางั้นหรือ

ความรู้สึกของผม ผมเริ่มรู้สึกว่า สหายธรรมของผม ไม่รู้จักพอแล้วครับ = =*
เพราะพี่ท่านยังมีแผนการจะไปโน่นนี่นั่นต่อ(ฟูลไซส์ตัวอื่นที่เหนือกว่า RS1e แอมป์ตั้งโต๊ะ สายไฟ ปลั๊กไฟ)ผมยังคิดว่าจะไปต่อทำไม <หมายเหตุ เฉพาะหูฟังน่ะไม่กระไรนักหรอกครับ จะทุ่มให้มันจริงๆ มันก็คงจบอยู่ที่สักห้าหกหมื่นสำหรับหูฟังตัวใหญ่รุ่นสูง อาจจะเป็น LCD X, Grado PS1000e,GS2000e บลา บลา บลาฯลฯซึ่งก็พอกัดฟันไหว แต่"ชุด"ที่จะมาขับมันนี่สิครับ T^T> เพราะสิ่งที่ผมได้ยิน มันยิ่งกว่าฟูลไซส์ที่เคยฟังมาด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าคุณภาพของเสียงอันเลอเลิศนี่ย่อมมาจากชุดแบบสุดทางของการพกพาของพี่ท่านด้วย แต่อย่างที่บอกละครับ ถ้าเสียงมันได้ถึงขนาดนี้ หากเป้าหมายของการจัดชุดคือเสียงที่ดีที่สุด มันก็น่าจะถึงแล้ว อย่างน้อยก็ ณ ห้วงเวลานี้ ทว่า พี่แกก็ยังจะลุยต่อ...

ผมว่าปัญหาอาจจะคือว่าสหายธรรมผมอ่านมหาภารตยุทธมากไปหน่อย เลย"อิน"กับ บทบาทของอรชุนกับพระกฤษณะ ในแง่มุมหนึ่งของภควัทคีตาที่ว่า

ฮะโท วา พราพสยะสิ สวารกัม จิทวา วา โบคชยะเส มะฮีม
ทัสมาด อุททิชทะ คะอุนเทยะ ยุดดายะ คริทะ นิชชะยะฮ

แปลให้ฟังง่ายๆว่า

จงรบเถิดอรชุน ! แม้เจ้าตายในสนามรบ สวรรค์ยังรอเจ้าอยู่ ! 5555
(อันนี้ตัดแปะจากเมลที่ส่งให้ผมอ่าน)

ก็ไม่รู้สหายผมกะจะถึงขั้นให้ตายคาสนามรบเลยหรือเปล่านะครับ

K10 คือ king of balance แล้วยังงี้.. ตัวไหนจะเป็น King of Dynamic นาาา

รอ...และรอฟัง..Dita The Truth Brass ครับพ๊มม!!

มีK10u powerup by Prima Donna แล้วยังจะมองตัวต่ำกว่าอีกฤาครับ = ="

@ เหน่งบา

ตัวอักษรยึกๆยือๆ ที่เขียนบนแขนขวาผมมันอ่านว่า "กานดิวะ" ซึ่งเป็นชื่อธนูของอรชุนครับ ^ ^

ที่มาของความประทับใจมาจากแรกอ่านมหาภารตยุทธตอนที่โทรณาจารย์ทดสอบฝีมือการยิงธนูของศิษย์ทั้ง 105 คน
โดยการแอบนำนกไม้แกะสลักไปติดไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลมาก

จากนั้นจึงไล่ถามศิษย์ทีละคนว่ามองเห็นอะไร
บ้างบอกเห็นต้นไม้ ใบไม้ กิ่งก้าน
บ้างบอกเห็นผลไม้ ดอกไม้ ฯลฯ

พอโทรณาจารย์ถามอรชุนว่าเจ้าเห็นอะไร? อรขุนตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่เห็นสิ่งใดเลย......"



"...นอกจากหัวนก"!!! 555

เคยอ่านครับ แม้จะเป็นเพียงฉบับแปลไทยโดยอาจารย์กรุณา กุศลาสัย จำเรื่องตรงนี้ได้อยู่
เมื่อวานก็เห็นอยู่เหมือนกันครับ (มองอยู่จริงๆครับ โดยบังเอิญ แต่อ่านไม่ออก 555)

อ้อ แต่ที่เคยอ่าน คุ้นแต่สำนวนแปลว่า คาณฑีวะครับ

555 ผมอ่านตามสำเนียงภาษาสันสกฤตเสียง ค ออกเสียงตัว ก
เสียง ท หรือ ฑ ออกเสียงเป็น ด ครับ
ตัวอย่าง
พุทธะ ภาษาสันสกฤตออกเสียง บุดดะ
กฤษณะ สันสกฤตออกเสียง คริชณะ

หรือในทางกลับกันตัวออกเสียง ค ในภาษาไทย
แต่ในตัวเทวนาครีหรือสันสกฤตจะเขียนเป็นตัว ก ครับผม

ซึ่งอักษรเทวนาครีมีพยัญชนะ ก-ฮ เหมือนไทยแต่มีแค่ 35 ตัวและมันพิศดารกว่าไทยคือมีรูปอักษรแตกต่างกัน 3-4,000 รูปแบบเมื่อนำพยัญชนะมาผสมกันครับ 555