ที่สุดแล้วมันขึ้นอยู่กับตัวเรานะครับว่าจะสนใจด้านนี้มากแค่ไหน ขยันมาลองผิดลองถูกเอง สมัยผมเรียนช่างนี่ก็ทั้งทำแอมป์ ทำไรพวกนี้ สุดท้ายแล้วผมก็เป็นขี้เมาซะมากกว่า5555

เอ้าาาท่านนน เมาเฉยยย 555555

ผมอยากรู้หน่ะครับว่า วิชาลำโพงมันใกล้เคียงหูฟังมั๊ย กลัวเรียนมาแล้วต้องมานั่งหาข้อมูลใหม่ เพราะมันลิ้งกันไม่ได้

หลักการเดียวกันครับ มีวอยซ์คอยส์ มีเรื่องโอห์ม เรื่องปลีกย่อยคล้ายๆกัน ดัดแปลงมาใช้งานได้ครับ 555

ครับอย่างที่เฮียบอก​หลักการเดียวกัน​ ถ้าต่อสายลำโพงเป็น​ ต่อสายหูฟังอย่างเดียวกันครับ​ ทีนี้เรามาเลือกวัสดุส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็นสาย​ แจ็คหูฟังว่าเราชอบแบบไหนเพราะสายแต่ละเส้นให้เสียงไม่เหมือนกันแล้วแต่คนชอบ​ครับ​
ปล.ขอให้มีความสุขในสิ่งที่เรารักและชอบครับ

เรียนไปก็ทำห฿ฟังไม่ได้ครับ
หลักการเดียวกัน แต่หูฟังมีรายละเอียดมากกว่า
เพราะหูฟัง ถ้าเป็น dynamic แม้แต่รอยพับบนไดอะแฟรมก็มีผลกับเสียง อีกทั้งดรื่องของ ฟองน้ำ ตัว housing ช่องเปิดต่างๆ พวกนี้มีผลหมดเลยครับ
ถ้าเป็นแบบ balance armature แบบนี้จะง่ายหน่อย แต่ก็แพงและลำบากเรื่องทำครอสโอเว่อร์

สรุป ทำให้ดังคงไม่ยาก ทำให้ดีนี่สิ...

ขอบคุณเฮียกับคุณอำนาจนะครับ

คุณ nopphong ถ้าผมแค่นำพวกหูฟังมาโมต่อละครับอย่างนี้พอไหวไหม

driver ต้องหาทาง r&d เองเลยใช่ไหมครับว่าวัสดุอะไรสามารถทำเป็น driver ได้บ้าง

เพราะผมไม่ว่าจะหายังไง ก็ไม่มีการบอกว่าสร้าง driver ขึ้นมาเองได้ยังไง

มีแต่ แบบ balance armature ขายให้เอามาใส่ใน inear

การทำหูฟังเองหรือลำโพงมันจะติดตรงที่เราไม่สามารถหาวัสดุมาทำเองได้ครับ
เพราะส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้ในการทำไดร์เวอร์ มันต้องสั่งทำจำนวนมากๆ
ซึ่งถ้าเป็นระดับนักสร้างแบบเริ่มต้น มักจะทำได้แค่การโม ไดร์เวอร์มาใส่ตัวถังอื่นๆ
หรือการเปลี่ยนสาย เปลี่ยนตะกั่วซะมากกว่านะครับ

ขอบคุณ คุณหมูหวานมากครับ

ถ้าทำเล่นๆ ลำโพงดีกว่าฮะ เพราะอย่างที่คุณหมูหวานบอกชิ้นส่วนเราไม่สามารถทำเองได้ แต่กับลำโพงเราทำได้นะฮะ ตู้รูปทรงไหน ไดรเวอร์กี่ตัว รูเบส ฉนวนซับเสียง มีอะไรให้เล่นเยอะฮะ ปล. พ่อผมก็นั่งทำเล่นอยู่

ถ้าทำเล่นไม่ยากหรอก voice coil diaphram magnet หลักการเดียวกัน

เสียงออกมาดีมั้ย 555 ให้เดา ซื้อเอาเพราะกว่า...................................

ทำได้นะ แต่อยู่ที่ว่าหูฟังอะไร ถ้า in-ear มันมีพวก driver ขาย จะเอาสเปคอย่างไง ก็หามาลองทำได้ แต่คงต้องไปเรียนหล่อหูฟัง custom ก่อน จะใส่ 20 ตัวต่อข้างก็อาจจะทำได้

แต่คุณจะต้องซื้อเครื่องมืออีกหลายตัวมาใช้ในการปรับ จูนอีก อย่างน้อยๆ ก็ oscilloscope ล่ะ

ลองเอาไปอ่านดู

http://www.instructables.com/id/DIY-In-Ear-Monitors/

หูฟัง ถ้าจะทำเองตั้งแต่ทำ driver มันยากกว่าลำโพง เพราะมันเล็ก แล้วเราไม่มีเครื่องมือแบบโรงงาน ยกเว้น เราคิดสเปคแล้วไปสั่งโรงงานทำให้

แต่ถ้าหา driver ที่มีโรงงาน oem ผลิตออกมา แล้วมาลองปรับจูน มาทำเอง พอมีความเป็นไปได้อยู่

ขอบคุณ shorttoeh มากครับ ข้อมูลดีมากเลย ส่วนลำโพงผมคงไม่ไปทางนั้นครับ แค่เรียนรู้วิธีต่อวงจรให้เสียงออกและรู้ว่าอะไรมีผลกับเสียงบ้างแค่นั้นครับ

ลำพังแค่หูฟังก็กินเงินไปเยอะแล้วครับ ลำโพงมาอีกผมแห้งแน่นอนน

โมได้แน่ๆ เพราะจะมีพื้นฐาน
เสียงดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการลองจับนู่นมาแมชนี่

แต่ผลิตทั้งตัวเลยคงไม่ได้

ช่างในเมืองไทยนี่ก็แนวโม
แนวผลิตเองทั้งตัวยังไม่เคยเห็น
เต็มที่ก็เอาอาหลั่ยตัวนั้นมาใส่กะตัวนี้

เพราะงั้นถ้า จขกท อยากลองก็เอาเลย
อย่าไปกลัว

ผมว่าทำลำโพงไปเลยน่าจะดีกว่า
เพราะลำโพงมันน่าจะสร้างตัวตู้ได้ง่ายกว่า โครงหูฟัง
และผมว่าในเมืองไทย ลำโพงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าหูฟังครับ เพราะคนซื้อลำโพงส่วนมากจ่ายกันเริ่มที่ 500+ แต่หูฟังนี่เริ่มแค่ 100+ เอง
อาจจะเพราะคนไทยชอบวัดความคุ้มค่าจากปริมาณครับ ถ้าไม่ใช้คนที่เล่นของพวกนี้อย่างคนในบอร์ดนี้ ส่วนมากเวลาซื้อของแพงๆชอบซื้ออะไรตัวใหญ่ๆ

ไม่ว่าคุณจะเรียนทำลำโพง หรือจะทำหูฟัง

ผมบอกคุณได้เลยว่า ต้นทุนมันสูงมากๆๆๆๆ มากกว่าที่จะซื้อของคอมเมอร์เชี่ยลมาเล่น

โดยพื้นฐานแล้ว ดอกลำโพงแบบใส่ตู้และแบบใส่หูฟัง มันก็เหมือนกัน คือมีแม่เหล็ก วอยซ์คอยล์ แล้วก็ไดอะเฟรม แต่การออกแบบเพื่อการใช้งานจริงๆนั้นต่างกันมากๆ

ถ้าสังเกตดูกราฟของหูฟังแล้ว คุณจะงงว่ามันต่างจากลำโพงมากมาย เพราะการออกแบบหูฟังนั้น ยังเกี่ยวข้องกับเรื่อง psychoacoustics การออกแบบให้แต่ละช่วงมีความถี่สูงบ้างต่ำบ้าง มีผลกับซาวน์สเตจที่อยู่ใกล้หูมาก ลองไปหาดูเอาเองน่ะ

http://th.swewe.net/word_show.htm/?37951_1&psychoacoustics

ลงลึกมากก ท่าทางผมต้องขวนขวายมากกว่านี้เสียแล้ว ขอบคุณทุกคำแนะนำมากๆเลยครับ ตอนนี้คงตั้งเพดานไว้ว่า โมเป็น เพราะอย่างที่ท่านๆว่า ทำไดร์เวอร์เองนี่คงจะใช้ทุนกับเวลามากไป จะได้ไม่คุ้มเสีย ขอแฮบปี้กับโมหูฟังเล่นไปก่อนละกัน