Flat ก็คือไม่ปรุงแต่ง EQ อะไรเลยครับ ต้นฉบับมายังไงก็เหมือนต้นฉบับ ไฟล์มาดีก็ออกมาชัดๆ ไฟล์ไม่ดีก็ฟ้องตามจริงไม่ปรุงแต่ง แต่หูฟังทั่วๆไป แต่ละค่ายก็จะปรับแต่ง EQ มาตามเอกลักษณ์ของแต่แบรนด์ มันก็จะไม่เหมือนต้นฉบับเป้ะๆ แต่แนวเสียงจะเปลี่ยนไปตามรุ่นของหูฟังนั้นๆ ผู้ซื้อก็เลือกกันไปตามความชอบแต่ละคน
แต่พวกหูเทพ หูทองคำทั้งหลาย เมื่อฟังแยกแยะได้จนบรรลุ ก็จะอยากฟังแบบเพียวๆไม่ปรุงแต่ง เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานว่าแบบไหนดีกว่ากัน ประมาณนั้นครับ

ช่ายแล้ววว...เห็นด้วยครับ

ต่อให้หูฟังมันแฟลท แต่ประสาทหูแต่ละคนมันก็ไม่แฟลท ฟังๆไปเหอะ ถูกใจแบบไหนก็ใช้แบบนั้น

ผมยังงงกับคำนี้อยู่เลยครับคำว่า flat จนี่ย

บางคนบอก "เสียงที่ไม่ปรุงแต่ง"
แต่บางคนก็บอก "เสียงที่ไม่เด่นในย่านใดย่านหนึ่ง"

แต่ผมก็ยึดตามความหมายแรกครับ ถ้ามองในความหมายของคำว่า flat

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงที่ไม่ปรุงแต่งมันเป็นยังไง แต่ส่วนตัวเท่าที่เคยใช้หูที่มีบุคลิก Flat นี่ให้ความรู้สึกถึงเสียงที่ไม่มีย่านใดย่านหนึ่งโดดเด่นออกมา รายละเอียดและไดนามิคเสียงในทุกย่านเท่าๆ กันไปหมด เรียกว่าฟังชัดทุกย่านเลยก็ว่าได้ แต่การที่ฟังชัดทุกย่านในแง่หนึ่งก็คล้ายกับจะบอกว่า "แหลมไม่กรุ๊งกริ๊ง" "กลางไม่เด่น" "เบสไม่มัน" ไปโดยปริยาย ทั้งที่จริงๆ มันก็ดีทุกย่านอ่ะนะ

แต่เวลาฟังหูที่มันไม่แฟลทนี่จะรู้สึกได้ชัดกว่า สิ่งที่เหมือนๆ กันโดยส่วนตัวรู้สึกว่าหูที่แฟลททุกตัวที่ผมเคยใช้มันฟังแล้วไม่ค่อยล้าหูครับ ฟังได้นานและกลมกล่อมดี

เหมือนก๋วยเตี๋ยวไม่เติมเครื่องปรุงครับ
แล้วแต่คนชอบ ไม่มีอร่อย ไม่อร่อย
มีแต่บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ ^^

ผมว่าบางที flatที่ว่าของแต่ละคนยังไม่เหมือนกันเลยครับ

ถ้าตามความรู้สึกผมก็จะเหมือนแบบที่คุณ man in black บอกครับ คือมันจะไม่มีย่านใหน่เด่นล้ำกว่าย่านอื่น ถ้าในแง่การฟังคือมันไม่เด่นเลยสักด้าน แต่ในอีกแง่นึงเพราะมันไม่เด่นเลยสักย่านมันเลยเด่นทุกๆย่าน คือหูฟังที่ถ่ายทอดเสียงตามที่อัดมาได้ใกล้เคียงหรือเหมือนที่สุดน่ะครับ คนที่ชอบมันก็ฟังสนุกนะครับ คนที่ไม่ชอบมันจะเป็นหูฟังที่นิ่งเกินไป ร้องไม่เด่น เบสไม่มันส์ แหลมไม่พุ่ง เสียงไม่หวาน กลายเป็นน่าเบื่อไป แต่ผมชอบนะอิอิ

เสียงที่ไม่ปรุงแต่ง น่าจะประมาณว่า ไม่มีการบูสความถี่ใดๆหรือย่านใดย่านหนึ่งขึ้นมาจนล้ำหน้าและโดดเด่นกว่ากัน

จริงๆศัพท์คำนี้น่าจะมาจากการใช้งานเครื่อง Equalizer ในยุคหลายสิบปีก่อนครับ (ที่นักฟังยังนิมใช้ EQ แต่งเสียงกันอยู่) ถ้าปรับระดับ EQ ไว้ที่ 0 ก็คือทุกความถี่เรียบ และแฟลต แต่ถ้ายกความถี่ใดขึ้นมาเป็นค่า + หรือเพิ่มขึ้น เท่ากับไปปรุงแต่งเสียงให้เกินจริงครับ

ลองดูภาพนี้ครับ ยุคก่อนเค้าใช้ EQ ในการปรุงแต่งเสียง ในภาพทุกความถี่จะเซ็ทที่ตำแหน่ง 0 ซึ่งนักเล่นยุคก่อนจะทราบกันว่าตำแหน่งนี้คือ Flat ครับ

มาดูภาพนี้อีกที

พอมายุคนี้ พวกเครื่อง EQ หายไปจากท้องตลาด กลายมาเป็นการปรับแต่งด้วยคอมพิวเตอร์แทน ในภาพจะแสดงให้เห็นว่ามีการปรุงแต่งเสียงไปเยอะพอสมควร ซึ่งถือว่าเป็นความเพี้ยนอย่างหนึ่ง แต่ก็ทำให้นักฟังบางกลุ่มรู้สึกถูกใจ สะใจ ในการปรุงแต่งเสียง อันนี้ถือว่าเป็นรสนิยมส่วนตัวก็แล้วกัน 555

พอกลายเป็นภาษาเขียน เวลาเราจะพรรณาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเสียง ก็จะใช้คำว่าเสียงที่ไร้การปรุงแต่ง ก็จะทำให้เข้าใจตรงกันว่าเป็นเสียงในลักษณะอย่างไรครับ 555

อธิบายด้วยภาพได้ชัดเจนมากเลยครับเฮีย แต่ถ้าอย่างภาพบน ผมเห็นแล้วก็อยากปรับเลยครับ ฟังเรียบๆนิ่งๆแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ ต้องดึงเบส ถอยเสียงกลาง ดันแหลมขึ้นสักหน่อย คันไม้คันมือเลยครับ การปรับ EQ นี่มันก็เป็นความสุขของผู้ฟังบางคนเลยนะครับผมว่า...555

แล้วที่เค้าว่า เสียง neutral กะเสียง flat ละครับ แตกต่างกัยังไงครับ

2 คำนี้ผมว่าใช้ใกล้เคียงกัน คือ Neutral เป็นคำที่พรรณาว่า เสียงที่เป็นกลาง ไม่โอนเอนไปทางใดทางหนึ่ง ในการเขียนมักจะใช้คำนี้บ่อยๆว่า "ให้ความเป็นกลางสูง"ทำนองนี้ครับ

กับ Flat ก็น่าจะคล้ายๆกันครับ 555

ตอนเล่นแรกๆก็สงสัยน่ะว่ามันเป็นๆง และคิดว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่พอเล่นได้สักพัก มีประสบการณ์ ก็จะรู้ว่า ช่างมันเหอะ ฮ่าๆๆๆ ฟังแล้วชอบพอล่ะ

นึกว่าเฮียจะมาแนว หูฟังแฟลตจะเล็กกว่าพวกหูฟังคอนโด แต่จะสูงกว่าหูฟังทาวเฮ้าส์ซะอีก 555

ผมเป็นอีกคนที่ฟังแบบ flat ไม่ปรับอะไร ฟังตามที่ต้นฉบับเค้าบันทึกมา

flat มันไม่ใช่ว่าเสียงจะเรียบไปหมดนะครับ แต่มันไม่เพิ่มอะไรจากต้นฉบับที่บันทึกมา เพราะต้นฉบับที่เค้าบันทึกเสียงมา ซาวด์เอ็นจิเนียริ่งเขาน่าจมีความชำนาญในการปรับเสียงมากกว่าผม ที่เป็นแค่ผู้ฟังเท่านั้นเองไม่ได้มีความรู้ด้านนี้เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะแผ่น Audiophile ที่บันทึกเสียงมาดีเยี่ยมอยู่แล้ว เราไปปรับ EQ เสียงมันก็เปลี่ยนไปจากที่เขาบันทึกไว้ดีแล้วนั่นเอง แต่บางท่านอาจจะชอบที่ได้ปรับฟังเสียงตามที่ตัวเองชอบ มันก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เลือกได้ตามชอบ ไม่มีผิดถูก เสียงที่เราชอบ กับเสียงที่ใช่(ใกล้เคียงกับต้นฉบับ)อยู่ที่เราว่าชอบแบบไหน

ฟังหลายๆ ตัวจะเข้าใจครับ

จะรู้สึกเหมือนกินอาหารญี่ปุ่นพวกซูชิ ปลาดิบ อ่ะครับ

จะชอบฟังแบบไหน จะชอบปรับปบบไหนก็ไม่ผิดครับ

มันจะไปผิดตรงบางคนฟังเสียงที่ไม่เหมือนต้นฉบับ(ไม่แฟลท)จนเคยชิน แล้วมาวิจารณ์ระบบหรือคนที่ฟังเสียงไม่เหมือนตัวเองว่า เสียงไม่ดีน่ะครับ
บางคนชอบฟังเพลงเปิดเบสเยอะ พอมาฟังหูระดับดีๆที่ให้เสียงเหมือนต้นฉบับกว่า ดันบอกว่า "หูอะไรเนี่ย เบสไม่มีเลย" ซะงั้น

นั่นสิครับ ว่ากำลังจะแซวเฮียว่า Flat กับ Condo นี่มันต่างกันยังไง...อิ อิ

การตอบสนองความถี่ที่ราบเรียบกับความเป็นดนตรีสูง ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆอันหลังนี่ไม่มีเครื่องมืออะไรวัดได้ นอกจากฟังเอาครับ

http://www.headphone.com/pages/evaluating-headphones

ตอบสนองความถี่ได้ราบเรียบพอเข้าใจ ยังสงสัยใคร่รู้เหมือนกัน ความเป็นดนตรีสูง นี่ประเมินจากลักษณะเสียงที่ได้ยินตรงเรื่องไหนบ้างครับ
ผมว่าเทคนิคอล เทอม พวกนี้รู้ไว้มีประโยชน์นะครับ เวลาอ่านรีวิวส์ ครับ พอไปฟังจริงจะได้ รู้ อ้อ เสียงแบบนี้ นี่เองที่เขาว่า ความเป็นดนตรีสูง อิ ๆ

ฟังแล้วสมู้ท ลื่นไหล มิวสิค๊อล มิวสิค่อล ประมาณนั้นมั้งครับ

หูฟังที่ให้เสียงที่ไม่เหมือนต้นฉบับน่าจะเรียกว่า Coloured มากกว่าครับ

มาดู Daina Krall กันดีกว่าครับ

หูฟังที่แฟลต พอจะแนะนำ 3-4ตัว มั้ยครับ


หูฟังที่แฟลต แบบขั้นสูงๆ ด้วยครับ แนะนำ 1-2-3 ตัว

ผมเคยฟังหูที่เสียงสไตล์ V-sharp เช่น Phonak 232, TF10, ซึ่งเสียงมันไม่แฟลทแน่ๆ
ที่นี้พอมาฟังตัว ACS T1 กับ 846 ผมถึงรู้ว่า อ้อ เสียงแฟลทที่ แฟลทจริงๆ มันคือเสียงแนวนี้ คือ ไม่ค่อยมีย่านไหนล้ำเด่น แต่ชัดทุกย่าน ตามคุณภาพของแต่ละตัว อย่าง UM3X นี่ก็แฟลทมากแต่ เบลอหน่อยมีหมอกคลุมอยู่ Visang r02 นี่ผมก็ว่ามันแฟลทนะ
แต่มีตัวนึง ที่ผมฟังแล้ว คิดว่ามัน แฟลท แต่เสียงอยู่ในระดับสุดยอด คือ แบบอารมณ์ ความสว่าง ใส มวล ดีเทล ความ บาลานช์ ต่างๆจัดว่า อยู่ในระดับทิ้งตัวอื่นไปพอควร คือ VE6 ของทาง เยอรมัน ยังคิดว่า Roxxane นี่ยังไม่ เสนาะหูเท่าไหร่ดีเทล มาแบบเยอะจัดๆมากไป เสียงแบบ BA จ๋าเลย ไม่ไหลลื่นเท่าไหร่ 335 นี่ไพเราะดีมาก แต่ มีแต่ ต้องได้สายที่แนวลื่นไหล ไปทางเดียวกันจะ แฟลทและบาลานช์มาก
ส่วน togo334,k3003,พวก UE ทั้งหลาย,พวก se535 ผมว่าคาแร็คเตอร์ เสียงมันไม่แฟลทสักเท่าไร เด่น ย่านใดย่านนึง ออกมาเลย ส่วนมาก หูแพงๆ ก็มักจะทำเสียงแฟลทๆ หลายญี่ห้อ และคุณภาพเสียง ค่อนข้างดีทั้งนั้น เช่น K10
335 ,VE6, ที่พูดมานี่ เป็นโทนเสียงที่ผมคิดว่าแฟลท สำหรับหู ไดรเวอร์ แบบ BA ส่วน Dita เร็วๆนี้อยากไปลองมากๆเลย อยากรู้จะแฟลทไหม 555 ส่วน Full size นี่ไม่เคยรู้เลยแต่ถ้าได้ฟังของคนที่ System ดีๆผมคงติดใจแน่ๆ
แฟลท หรือ ไม่แฟลทสำหรับผม ผมคิดว่าเป็นแนวเสียงแบบนี้แหละ ไม่อิงวิชาการ อะไรเลย ว่าตามหลักการ มันต้องเป็นแบบเฮีย นั่นแน่นอน แต่หูตะกั่วผม มันอาจจะ ไม่ถูกต้องก็ได้ เพราะใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆตัดสิน
ประมาณว่าฟังเอาและจำได้ พูดและก็ อยากให้มี UIEM ที่เสียง ไกล้เคียง VE6 จัง คงจะถูกใจขา BA ที่ชอบโทนเสียงแบบนั้น ไม่น้อย 555

ส่วนที่พูดๆกันว่า ความเป็นตรี สูง ความคิดผมที่เคยฟัง
ผมคิดว่าเสียงมันคงจะ มีความ ลากได้ยาวๆไกลๆ ไม่มา แบบแปปเดียวแล้วหายไป แบบห้วนๆ ค่อยๆแผ่วหายไปกับความมืด
แต่ มันมีเรื่อง เสียงหลักเสียงรอง รูปห้อง อะไรอีก ประกอบกัน ไม่ใช่ชัดไปหมด ทุกเสียงลากยาว ทุกเสียง ก็คงไม่ใช่ ละ 555

V-Sharp นี่นึกถึง TF10 เลยจริงๆ จูนเสียงมาฟังสนุกมากๆ แต่ส่วนตัวผมว่า 335 ไม่ค่อย Flat เท่าไหร่นะครับ ยังไงก็ยังให้อารมณ์เสียงกลางล้ำออกมาเยอะแต่บูสต์เบสเพิ่มขึ้นมาแต่รายละเอียดก็ยังไม่เท่า se846 เสียงสูงก็ติดกุดปลายติ๊ดนึง แต่ผมก็ชอบเสียงเจ้าตัวนี้ที่สุดล่ะนะ

re400, re600, se846 นี่แฟลทจริงๆ สุดท้ายเลือกเก็บ re600 ใช้คู่กับ 335 กับ Dita นี่คงฟินไปเป็นปีแล้วครับ

เรื่องเสียง แฟลทกับ Colored นี่ยังพอเข้าใจ เสียงออกโทนเป็นธรรมชาติพอเข้าใจ แต่ไอ้ออก Musical นี่ก็งงๆ เหมือนกันครับ ส่วนตัวรู้สึกว่าหูฟังที่ให้ความเป็นดนตรีสูงจะให้อารมณ์เหมือนฟังดนตรีสดมากกว่า ความสมูธและไดนามิคจะดูเป็นธรรมชาติกว่าแต่รายละเอียดอาจจะดรอปไป ในขณะที่หลายๆ ตัวให้อารมณ์เหมือนฟังในห้องอัดที่ให้รายละเอียดยิบยับและค่อนข้างไปทาง Monitor จากที่เคยฟังเลยเดาเอาว่าความหมายประมาณนี้กระมังแต่เอาเข้าจริงความหมายของ "ให้เสียงที่มีความเป็นดนตรีสูง" นี่เป็นไงผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกครบ