อยากจะบอกว่า เอาถูกๆ กรุณาไปจ้าง โรฮินยา ทำเลยครับ ถูกแน่ๆ

ผมเคยเอาซาวน์อะเบ๊าท์ไอว่าไปเปลี่ยนสายพานที่บ้านหม้อ ตอนแรกช่างดูด้วยสายตาช่างประมาณการว่าราคา 200 บาท แต่พอแกะเครื่องดูแล้วปรากฎว่ามันค่อนข้างซับซ้อนแกะยากช่างเลยขอเพิ่มเป็น 350 บาท ผมก็ไม่ขัดข้องอะไร นั่งดูช่างแงะเครื่องอยู่นาน ต้องใช้หัวแร้งบัดกรีจี้เอาโน่นนั่นนี่ออก กว่าจะทำเสร็จเรียบร้อยใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง

ถึงแม้หลายคนจะบอกว่าสายพานเส้นละไม่กี่บาท แต่ที่เหลือนั้นเป็นค่าวิชาครับ (ก็ต้องให้ช่างเค้าล่ะครับ ผมไม่กล้าแกะเครื่องเอง ทำไม่เป็นเดี๋ยวพังจะยุ่ง)


สู้ต่อไปครับ เราทำอาชีพสุจริต :)

ผมจำได้ เคยมีคนโพสต์ว่าซีดีแผ่นนึงต้นทุนสี่ห้าบาท ค่ายเพลงเอามาขายสองสามร้อยถือเป็นการค้ากำไรเกินควร ขูดรีด อะไรทำนองนี้ ก็ทำนองเดียวกันแหละครับ ค่าตะกั่วเฉยๆ ห้าบาท สิบบาทก็พอแล้วมั้ง

คนไทยควรให้มูลค่ากับสิ่งที่จับต้องไม่ได้มากกว่านี้ครับ ที่ชาติอื่นพัฒนาไปได้ไกลเพราะเขาให้มูลค่ากับวิชาความรู้ที่มีทุนหมุนเวียนมาขับเคลื่อนประเทศได้ครับ

คือผมว่างานพวกนี้ ค่าเวลาที่ใช้ทำมันก็ต้องมีผลกับค่าแรงด้วยน่ะครับ ทำนาน หมายความว่าเหนื่อยนาน เครียด และวันนึงจะทำได้ไม่กี่ตัว
จะมาคิดว่าต้นทุนค่าของไม่กี่สิบบาท....ผมว่าไม่ไหวน่ะครับ ช่างไม่สามารถกินแกลบแทนข้าวได้น่ะครับ

แต่ก็มีบางกรณี ช่างชำนาญเคสนี้ ซ่อมเร็วจัด เก็บค่าแรงเรทปรกติก็มองหน้าอีก บอกซ่อมแป๊บเดียว ทำไมเก็บแพง...เฮ้อ..ซ่อมให้เร็วไม่ต้องรอนานยังจะมาว่าอีก

ก็เหมือนคนเคยคิดว่านักแต่งเพลงมันก็กินแกลบแทนข้าวได้เหมือนกันล่ะมั้งครับ

ขอนอกเรื่องหน่อย

ย้ำจัง.....
ใครล่ะครับที่คิดว่า ซีดีควรขายแผ่นล่ะสองบาท....ไม่ใช่ผมแน่นอน ผมคิดว่ามันควรขายแผ่นละ.... 50 บาท ครับ ฮ่าๆๆๆ

ทำไมผมถึงให้ 50 บาท เพราะซีดี ใช้เวลทำปีนึงหรือสองปี แต่มันขายได้เป็นแสนเป็นล้านแผ่นนะครับ(ถ้าเพลงคุณดีจริง) ไม่ใช่ขายได้แผ่นเดียว
สองปี 5-50 ล้าน ...... ช่างทำมา 10 ปียังได้ไม่ถึง 2 ล้านเลย(ยังไม่หักค่าใช้จ่าย)
นี่ยังไม่คิดว่า แผ่นละ 199 นะครับ สองปี 19.9-199ล้าน (คิดที่ขายได้ 1แสน-1ล้านแผ่น)

ก็ว่ากันไป เดี๋ยวนักดนตรีกับบริษัทเพลงก็คงมารุมผม ออกนอกประเด็นไปกันใหญ่
แต่ผมบอกก่อนนะครับ ไม่ได้ว่าอะไรนักดนตรี เพราะกว่าจะได้เพลงสักเพลงเหนื่อยกันเยอะ แต่ค่ายเพลงนี่สิแผ่นละ 199 ถึงมือนักดนตรีกี่บาทครับ
ประเด็นนี้ผมตอบแค่นี้แหละ เชิญด่ากันตามสบายนะครับ ไม่ตอบโต้ อิอิ

เค้าคงประชดมั้งครับ ลูกค้าบางคนก็น่ารักจนเกินไป

เอ้ากลับเข้าประเด็น

ไม่ได้มาบ่นให้ใครเห็นใจ ไม่ได้มาบ่นให้ใครเหม็นหน้าเล่นๆ ไม่ได้บ่นให้เปลืองพื้นที่เฮียแบบไร้ประโยชน์ด่ากันไปมา

แต่บ่นเพราะอยากรู้ว่า ด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผมแจงมา 500 แพงไปไหมครับ อยากรู้ความเห็นทุกท่านน่ะครับ คิดดีๆว่าถ้าเป็นตัวท่านเอง ต้องดำรงชีพอยู่ได้จากค่าแรงตรงนี้
เอาแบบฟันธง
ว่า......
แพงไป ช่างมันฟันกำไรเกินควร
หรือ
ถูกไป เป็นผมคิดมากกว่านี้ อะไรทำนองนั้น

แหะๆ ไปดูกะทู้แรกตรงท้ายมีขอความเห็นใจ เอาเป็นว่าไม่ต้องสนใจตรงท้าย ผมบ่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเริ่มแก่ครับ จริงๆแค่อยากได้ความเห็นว่า มันถูกไปหรือแพงไปเมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไป มากกว่าครับ

งานบางงาน มันไม่ต้องใช้แรง แต่มันเหนื่อยน่ะครับ ผมแบบนั่งแปลเอกสาร 3-5 ชั่วโมง เหนื่อยมากๆ ให้ไปยืนขายของ ยกของ ยังไม่เหนื่อยเท่านี้ ( เคยทำ )

ตอบคำถาม 2 ชั่วโมง 500 แพงไหม ตอบยากมากเลย ถ้าไม่บอกว่างานอะไร

ถ้างานนวด ( แผนไทย ) บีบคลึง ชัวโมง 200 เคยคิดว่ารายได้ดี บีบทั้งวัน แต่พอถามเค้า เค้าเหนื่อยน่ะ บวดมือ บีบทั้งชั่วโมง ปวดไปหมด ฟังแล้วถึงกับ สงสาร 2 ชั่วโมงได้ สี่ร้อย

ซ่อม บร์อด notebook พี่แแถวบ้าน ต้องนั่งแกะ ออกทีละตัว แกะทั้งเครื่องอ่ะ ชิ้นน็อตมันเยอะ ถ้าแกะหมด นั่งแกะทั้งวัน อาจมีต่อ สองวัน ได้พันกว่าบาท ( ค่าซ่อม นิดหน่อย ) ไม่รวมอะไหล่แพงๆ ได้พันกว่าบาท

แต่ถ้านั่งแกะ นั่งซ่อมไป 2 ชั่วโมง 500 นี่ผมว่าไม่แพงน่ะ ร้านมือถือไล่วงจร นิดเดียว 10 นาที คิด 300 ใช้หัวแร้งนิดเดียว

ล่าสุดก็ไปเปลี่ยนถ่านาฟิกา 5 นาที เสียไป 400 จ้า ( เดาว่าค่าถ่านไม่เกิน 50 )

2 ชั่วโมง 500 นี่ไม่แพงเลย กำลังดีเลย

แหะๆ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม คือถ้ามันสองชั่วโมงตรงๆผมคงไม่บ่นเท่าไร แต่นี่มันราวๆสองขั่วโมงครึ่งกว่าๆน่ะครับ เจอสองงานเลยเสียเวลาพอๆกัน ทำหน้าเหมือนกัน งานก็งานช่างอิเลคแหละครับ ซ่อมมั่งผลิตของขายมั่ง รู้สึกว่าทำแล้วเครียด+ตั้งใจมาก แล้วพอเก็บตัง ลูกค้าทำหน้าเหมือนเราเก็บแพง เลยอยากจะถามดู

พูดถึงนวดเท้า ผมใช้อ้างบ่อยมากเลยเวลาคิดเงินลูกต้า ผมมักบอกว่า ผมเรียนมาตั้งเยอะ อย่างน้อยก็ใหค่าแรงผมเท่าหมอนวดเท้าแถอะครับ แหะๆ ...เขาก็ยังทำหน้าเหมือนโดนช่างฟันอยู่ดี

สู้ๆครับคุณนพพงษ์ บางอย่างมันก็อยู่ที่ท่าทีด้วยครับ ถ้าออกตัวอธิบายได้ดีก่อนก็คุมเกมได้ดีกว่าครับ

13 ความเห็น เป็น 2 ท่าน 10 ไปแล้ว

ไม่แพงไปหรอกครับ
ทำงานบริการที่ต้องใช้วิชาและ skill เหมือนกันครับ เข้าใจครับ

@crabfather ซาวเบ้าท์ไอว่าที่พี่กวินบอก ผมก็เคยเอาไปให้ช่างดู บางรา้นไม่รับทำเลยครับ โดยเฉพาะรุ่นท็อป เพราะแกะค่อนข้างยาก บางรุ่นผมหาข้อมูลมา ต้องล้างตะกั่วออกถึง 17 จุดและบัดกรีใหม่ กว่าจะเข้าไปแงะเปลี่ยนสายพานได้ อันนี้ก็คงเป็นค่าฝีมือและทักษะด้วยละครับ

ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ครับ

มองมุมลูกค้าก็แพงครับ มองมุมช่างก็ไม่แพงครับ คือมองได้ทั้ง 2 แบบ ทางที่ดีควรจะตกลงกันก่อนว่าทำงานชิ้นนี้ค่าแรง ค่าเปลี่ยนเท่านี้ ค่าอะไหล่เท่านี้ ยินดีที่จะจ่ายหรือทำหรือไม่ มีค่าเช็ค ค่าเปิดเครื่องหรือจิปาถะอีกหรือไม่ จะทำให้พอใจทั้งสองฝ่ายมากกว่าครับ (เหมือนเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลย เขิน ^^)

ผมไม่แน่ใจว่าคุณนพพงษ์ เป็นคนเดียวกับคนที่รับซ่อม Palm V ที่เป็น PDA ตัวแรกๆ ที่ใช้ระบบกาวในการประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันหรือเปล่านะครับ

แต่สำหรับผมแล้ว บางครั้งค่าวิชา การลองผิดลองถูก มันมีค่ามากกว่านั้นครับ

ถ้าไม่มีคนแบบนี้ ช่างดีๆ ก็ไม่มีแล้วครับ

เรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ

@tong430 เป็นตามนั้นจริงๆ ครับ ผมโชคดีมากที่เจอช่างเก่งๆ รับทำให้ ไม่งั้นนี่กลายเป็นวิทยุพกพาอย่างเดียวเลย หลังจากเอาไปซ่อมครานั้นผมก็ทะยอยเอาซาวน์อะเบ๊าท์ไปให้แกซ่อมอีกเรื่อยๆ เพราะเชื่อมั่นในฝีมือครับ 555

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจงานบริการและต้องรักงานบริการครับ ถึงจะไปต่อได้ ต้องอดทน

บางคนค้าก็ยอมจ่ายให้ ถ้าเค้า "พึงพอใจ" คุณก็ต้องหาจุดนี้ที่ลูกค้าของคุณต้องการ

เพิ่มออพชั่นเข้าไป มี น้ำอัดลม ขนมนมเนย ลูกอม หนังสือ อินเตอร์เน็ต บลาๆๆ บริการให้ลูกค้าระหว่างรอ แล้วแต่ว่าคุณจะหาอะไรที่คิดว่าเหมาะกับเสกลของคุณ

เก่งงานช่างแล้วต้องเก่งการตลาดด้วย ต้องมีจิตวิทยานิดหน่อย มีทักษะการเจรจาต่อรอง ต้องปรับตัวครับ ยุคนี้ยุคเงินฝืด คนจะใช้จ่ายแต่ละทีคิดแล้วคิดอีก คุณก็ต้องเข้าใจลูกค้า

ถ้าลูกค้าติด เสียงบอกต่อจะเป็นตัวเพิ่มงานให้คุณเองโดยอัตโนมัติ

คิดว่าเป็นเพราะ สินค้าอีเล็คโทรนิกส์ด้วยครับ

ส่วนใหญ่ถูกลงๆ ไม่คุ้มค่าซ่อม ซื้อใหม่ดีกว่า

แล้วผลิตจากโรงงานมาเลยมักมีมาตราฐานกว่า

ผมเคยให้อมรซ่อมเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์แทนที่จะส่งเคลม เพราะเห็นมีแผนกซ่อมเป็นเรื่องเป็นราว

ปรากฎว่าเฟล

อีกอย่างนะครับ อันนี้ก็น่าจะมีระบบประเมินราคาก่อนซ่อม

น่าจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และไม่เสียความรู้สึก

ปล.500 ไม่ถูกแน่ๆครับ แพงหรือเปล่าไม่รู้

500 ไม่แพงหรอกครับ คือถ้าคนทำให้ข้อมูล บอกว่ามันยากตรงไหน มันซับซ้อนยังไง ผมว่าคนใช้บริการน่าจะเข้าใจได้ คนที่มาหาคุณก็อาจจะเพราะว่าเขาไม่ไว้ใจอมร ไม่ไว้ใจบ้านหม้อ ขอช่างที่เข้าใจงาน และปราณีต ผมเชื่อว่าความรู้สึกแบบนี้จะเรียกราคาได้

แต่คุณก็ต้องทำงานให้ปราณีตคงเส้นคงวา จะวีนแตก หมกเม็ดไม่ได้ รักษาคุณภาพให้สูง
เดี๋ยวจะมีการบอกต่อกันเอง คนเคยจับหัวแร้งจะเข้าใจสิ่งที่มันซ่อนอยู่มากกว่าค่าอุปกรณ์

ปรกติบอกก่อนล่ะครับ แต่ตัวนี้ บอกไว้คร่าวๆว่า น่าสัก 400 แต่พอดีมันใช้เวลานานมากเพราะยาก มีรายละเอียดต้องทำเยอะ สุดท้ายเลยต้องเพิ่ม ไม่งั้นอดตายพอดี

จะทิ้งงาน แล้วบอกเกินงบ ไม่ทำละ ที่เสียเวลาทำมาก็สูญ พอบอกราคาให้คุ้มค่าเวลา ก็มีปัญหาอีก

ปล.คุณ bomb76 ใช่ครับ ผมทำปาล์ม v งานช่างนี่น่าสงสาร 13 ปีที่แล้ว ผมซ่อม palm v 3-400 ผ่านมา 13 ปีค่าแรงซ่อมก็ยังอยู่ที่ 3-500 ในขณะที่ค่าก่วยเตี่ยว จากชามละ 20 กลายเป็น 40 แล้ว

มันไม่แพง เพราะเราทำไม่เป็นไงครับ ผมยอมเสีย



แต่.. การจะให้คนอื่นเข้าใจอย่าไปเทียบกับงานอื่นเลยครับ แต่ละสายงานมีดีมีเสีย

ค่าแรงสายแรงงาน 3-400 ทำวันนึงกว่าจะได้

อย่าเอามาเทียบเลย คนทำงานอ่านละมันรู้สึกไม่ดีเปล่าๆ

คือ อยากให้เห็น รายจ่าย ที่ช่างต้องจ่ายด้วยน่ะครับ ไม่เหมือนแรงงานหรือพนักงานบริษัท ที่ได้ไปใช้จ่ายในชีวิตเต็มๆ
แต่ของช่าง
มีค่าเช่า ถูกๆก็วันละ 3-400 ค่าเครื่องมือ ค่าอะไหล่ หักเฉลี่ยออกมา 2ชั่วโมงครึ่ง ค่าใช้จ่ายก็ปาไปเกือบ 300 (ใช้เวลาขนาดนี้วันนึงอย่างมากก็ได้แค่สองชิ้น)
ได้เงินไปใช้จริงๆ แค่ร้อยกว่าบาท สองตัวก็ 300 ต่อวัน เท่าแรงงานขั้นต่ำเลย วันไหนไม่มีงาน อนาถกว่ากรรมกรอีก เพราะโดนค่าเช่า รายได้ติดลบ (กรรมกรไม่มีติดลบนะครับ)

ทุกคนก็มีค่าใช้จ่ายในชีวิตทั้งนั้นล่ะครับท่าน :)

แถมอีกหน่อย ถ้าเป็นคนเคยส่งของซ่อมบ่อยๆ จะรู้ว่า เวลาส่งซ่อม งานยากจะหาคนทำแทบไม่ได้เลย วิ่งหาร้านไปเถอะส่ายหัวกันหมด ถ้างานง่ายกำไรดีๆ อย่างเปลี่ยนจอเปลี่ยนแบต ทำแป๊บเดียวได้ตังล่ะมีแต่อยากรับ เพราะมันคุ้มค่าเช่าเขาครับ
แต่พอร้านที่กล้ารับผิดชอบ ลุยกับงานที่ยากและเสี่ยง(เสี่ยงที่จะซ่อมไม่ได้แล้วไม่ได้สักบาท (ซ่อมไม่สำเร็จเก็บเงินไม่ได้นะครับ เสียเวลาฟรีๆ)) ก็รับไม่ได้กับราคา งานขนาดนี้แต่รายได้เท่ากรรมกร ทำมา สิบกว่าปีมีแต่ฐาณะแย่ลงไม่มีดีขึ้น กลุ้มน่ะครับ

คุณ crabfather ค่าใช้จ่ายในชีวิตถึงไม่เอามาเทียบไงครับ คิดแค่ รายรับจากงาน ลบด้วย ค่าใช้จ่ายที่ใช้กับงาน เหลือเป็นรายได้สุทธิที่เอาไปใช้ในชีวิตต่อไป

ผมเห็นด้วยกับหลายๆคนที่เตือนเรื่องการเอาไปเปรียบเทียบครับพี่ คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ครับ

ด้วยความเคารพครับ

ถ้าอย่างนั้นคงต้องลองหาอะไรมาทำเสริมแล้วล่ะครับพี่ สู้ๆ ครับ :)

ครับ ต้องบอกไว้ก่อนว่าผมเป็นคนที่สมองด้านการใช้คำพูดไม่ได้ดีสักเท่าไร
หากกระทบท่านอื่น หรือ ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัย ไว้ด้วยนะครับ
บางคำพูดไม่ได้หมายความจะให้กระทบใครแต่ก็มันคิดได้หลายแง่ คียไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ จะไม่คีย์ไม่คุยก็อัดอั้นใจ เอาเป็นว่าถ้าผิดพลาดตรงไหนก็รบกวนข้ามๆไป คิดซะว่าอย่าถือคนบ้าก็ละกันครับ อิอิ

เข้ามาให้กำลังใจครับ

พูดกลางๆว่า คนก็มีหลายอย่าง บางท่าน อาจเคยโดยช่าง(อย่างอื่น ไม่จำเป็นต้องอิเลคโทรนิค)ฟันมา ก็เคยมีภาพติดลบในใจรอไว้อยู่แล้วก็ได้ครับ

คิดว่า วิธิการแจ้งราคาคร่าวๆก่อนซ่อม น่าจะบรรเทาปัญหาได้ระดับหนึ่ง

อย่าเทียบอย่างงั้นเลยพี่

กรรมกร 300 บาท แบกหาม ตลอด 9ชม

ค่ารถ+ค่ากิน นี่ก็ต้นทุนนะพี่

แต่เรื่องค่าซ่อม

ผมถือว่าผมยอมจ่ายนะ เพราะเราทำเองไม่เป็น

แต่บอกกันให้เคลียก่อนว่าประมาณกี่บาท

หลายคนผมว่าไม่ได้เอาค่าซ่อมมาหารหรือเทียบสัดส่วนกับงานที่ช่างทำ

ถ้าคิดแบบค่าซ่อมหารสัดส่วนกับงานที่ช่างทำมันจะไม่แพง(เป็นวิธีคิดค่าซ่อมของช่าง)

แต่ลูกค้าจะคิดว่าราคานี้จ่ายไหวไหม น่าจะจ่ายไหม คิดจากตัวเงินน่ะ

ถ้าช่างอธิบายว่าทำไมถึงราคานี้ ผมว่าก็โอเครนะ

คนอื่นสบาย คุณลำบากอยู่คนเดียวว่างั้น
ทัศนคติแย่โคตรๆ อะ

ถ้าบอกว่างานช่างซ่อมนี่แพง เราว่าตะก่อนที่พวกเดสเจ็ทหมึกตันพิมพ์ไม่ออก คิดที 500 นี่แหละว่า ตลับแท้ตลับละพันกว่า 2 ตลับ 3000 กว่า ข้าพเจ้าทิ้งเดสเจ็ทไปใช้เลเซอร์เลยค่ะ คือ พูดถึงความคุ้มค่าจากการใช้งาน สีดำเลเซอร์มันคุ้มกว่ามาก เด๋วนี้พวกเดสเจ็ทถูกลงเยอะอ่ะนะ เห็นราคาแล้วแบบกรรมของเราเองที่ใช้งานก่อน

ที่จริง 500 บาทสมัยนี้ไม่มากแล้วค่า ค่าของเงินมันเล็กลงมาก กินข้าวบ้านๆ ข้างทาง ราดข้าวไม่อิ่มแล้ว ต้องสั่งกับแยก มื้อนึงก็ 100 นึงแล้ว ถ้าช่างฝีมือดี เราไม่เกี่ยงที่จะจ่าย

CD บ้านเราเด๋วนี้ขายกันแค่หลักพันหลักหมื่นค่ะ ก็ไม่ซื้อกันหน่ะ ใครจะอยากทำเพลงออกมางานดีๆ บางแผ่นทำมายังกะนั่งอัดในห้องนอน เสียงสะท้อนผนังยังได้ยิน ก็นะ เราเลิกฟังเพลงไทยก็อย่าว่าเราเลย

คือคุยกันต่อ ผิดพลาดขออภัยอีกที อิอิ

คือตามที่ผมเข้าใจไม่ผิด ค่าแรงขั้นต่ำ 300 คือขั้นต่ำที่คนจะดำรงชีวิตต่อไปได้ด้วยรายรับแค่นั้น ไม่ว่าจะมีรายจ่ายในชีวิตแค่ไหนก็ไปจัดสรรเอาเอง แต่ถ้าน้อยกว่า 300 ก็ไม่น่าจะไปรอด

รายได้สุทธิ ก็เหมือนกับ คนขับแท๊กซี่ หักค่าเช่าค่าแก๊ส ขายลูกชิ้นหักค่าลูกชิ้นค่าไม้ค่าถ่าน ฯลฯ ทั้งนี้ไม่พูดถึงรายจ่ายส่วนตัวเพราะมีเหมือนกันหมดทุกคน เอาเฉพาะต้นทุนในการทำงานที่จะต่างกัน

ถ้ารายได้สุทธิ ต่ำกว่า 300 น่าจะรอดยาก ซึ่งผมกำลังปริ่มๆอยู่ตรงนี้ แต่กลับโดนหลายๆท่าน มองว่ากำลัง ฟัน มองว่ามันรวยแป๊บเดียวได้ 500, มันคิดค่าแรงเกินควร

เรื่องทำงานสบายไม่ต้องแบกหามก็จริงครับ แต่งานสบายแล้วรายได้ต้องต่ำกว่า 300 ต่อวัน มันไม่รอดนี่ครับ จะทำยังไงกันดีล่ะ

ความเห็นส่วนตัวผมว่าไม่แพงเลยครับ แค่ค่าฝีมือกันจริงๆ มันก็น่าจะเกินแล้วนะครับ เดวนี้ค่าแรงนายช่างนี่เกิน 500 ทั้งนั้นครับ แต่ก็แล้วแต่ครับต่างคนต่างใจ คนที่ไม่พอใจเค้าไปซ่อมที่อื่นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือไม่ซ่อมถูก ๆ จะออกมาดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นกำลังใจให้ครับ

ถ้าจะให้ดีก็แจ้งราคาก่อน ทำไม่ทำก็อีกเรื่อง แต่ก็อาจจะต้องมีการพูดคุยกับลูกค้าว่างานมันยากหรือว่าง่ายขนาดไหน

มันมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่ในงานบริการแบบนี้อยู่แล้วครับ ค่าเครื่องมือต่างๆ ราคาก็ไม่ใช่น้อย ค่าเช่าที่ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเก็บขยะ ฯลฯ
เยอะแยะครับ

ช่วยเป็นกำลังใจให้ครับ ช่างฝีมือดีๆ หาไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ

สำหรับผม ถ้าผมทำเองไม่ได้ ราคาค่าแรงช่างที่เค้าทำได้ เค้าเรียกเท่าไหร่ก็ไม่แพงหรอกครับ

เป็นกำลังใจให้ช่างซ่อมและช่างโมทุกท่านครับ

ใครคิดว่าทำแค่นี้ทำไมแพงจัง
คุณลองเปิดร้านทำเองดูจะได้คิดราคาที่คุณคิดว่าเหมาะสมดูครับ

มีเรื่องมาเล่าจำจากคนแก่เล่าให้ฟังครับ
นานมาแล้ว เครื่องสีข้าวของเถ้าแก่ใหญ่ในจังหวัดหนึ่งเสีย จึงตามช่างที่เก่งในจังหวัดหลายคนมาซ่อมแต่ก็ไม่สำเร็จ
จนต้องให้คนไปตามช่างที่ดังที่สุดในภาคกลางมาช่วยซ่อม มาถึงช่างก็ลองจับนั่นหมุนนี่ไปเรื่อย
จนถึงจุดนึง ช่างเอาค้อนเหล็กอันใหญ่เคาะไปสองสามที เครื่องก็กลับมาทำงานได้ เจ้าของก็ดีใจมาก
จึงถามราคาค่าซ่อม ช่างเรียกสามพัน(ซึ่งแพงถือว่ามาก ณ เวลานั้น) แพงจนเถ้าแก่ตกใจจนต้องถามว่า
ลื้อมาเคาะแค่สองสามทีลื้อเอาต้องสามพันเลยหรือ ช่างตอบอย่างสุภาพว่า เถ้าแก่มันเป็นค่าที่ต้องรู้ว่า
เคาะตรงไหน เคาะอย่างไรต่างหาก

เคยฝึกงานร้านซ่อม ตอนเรียนช่างอิเล็ก 20ปีผ่านมาแล้วร้านบอกค่าเปิดฝาหลังก็100แล้ว ค่าอะไหล่ต่างหาก

เคยไปเปลี่ยนสายหูฟังกับคุณนพพงษ์ แกคิด 400 บาท ผมตอบรับแบบไม่ต้องคิดเลยครับ ของพวกนี้มันต้องใช้ฝีมือและความประณีตในการทำงาน เราจ่ายเป็นค่าฝีมือช่างนะครับ ไม่ได้จ้างไปแบกหามแบบพวกช่างแรงงานไร้ฝีมือพวกนั้น

ถ้ายังไม่เกิน1000
ผมว่ายังไงก็ไม่แพงครับ

ลงWindowsให้เพื่อนเฉยๆ มันยังให้ค่าแรงผมตั้ง500เลยครับ
มันเคยไปลงตามร้าน200บาทแล้วใช้ไม่ได้ มันโกสต์ลงแบบมักง่ายๆเลย
ผมลงให้มันเซ็ตทุกอย่างเสร็จสรรพ ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงเน้นๆเต็มๆ
ทุกวันนี้มันยังไม่ได้ลงใหม่เลยครับ

งานบางอย่างเราต้องอธิบายลูกค้าพอสมควรครับว่ามันแพงเพราะอะไร
ถ้าเราคิดว่าราคามันสมเหตุสมผลแล้วก็ยืนยันราคานั้นไปเลยครับ
ถึงเค้าจะไปเจอเจ้าใหม่ที่ราคาถูกกว่า แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายลูกค้าคุณจะกลับมาหาคุณเองครับถ้าทำให้เค้าแล้วมันจบ ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง

งานบางอย่างมันมองแค่งานกับราคาไม่ได้ครับ แม้ตอนแรกลูกค้าจะมองอย่างนั้น แต่สุดท้ายเค้าจะมองเห็นราคาฝีมือเองแหละครับ

เพราะถ้าคนมองแค่ราคาของสิ่งที่จับต้องได้อย่างเดียว Apple ก็คงไม่ได้เป็นมหาอำนาจวงการไอทีได้อย่างทุกวันนี้หรอกครับ

ขอบคุณทุกความเห็นครับ สรุปว่าส่วนใหญ่เห็นไม่แพงเกินไป รับกันได้อยู่
กระทู้นี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ออกมาโพสเพราะอยากให้บางท่านที่เห็นค่าแรงช่างว่ามันแพง ได้เห็นว่าที่ว่าแพงน่ะมันมีต้นทุนอะไรบ้าง ช่างได้ไปแล้วต้องเอาไปจ่ายอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่า 500 เนี่ยช่างได้รับมาใช้จ่ายส่วนตัวได้เต็มๆ
จะได้เข้าใจซึ่งกันและกันน่ะครับ ไม่ใช่ลูกค้ามองว่าช่างฟัน ส่วนช่างก็ต้องลดราคาจนสุดท้ายไปไม่รอดน่ะครับ