Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

เพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร

SK

19/04/2015 08:46:06
120


เพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

SK

19/04/2015 09:35:35
120
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

SK

19/04/2015 09:45:25
120
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

SK

19/04/2015 10:02:20
120
กระบี่เย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา
เล่งฮู้ชง & ตงฟางปุ๊กป้าย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

SK

19/04/2015 10:19:39
120
มหานทีสรวลซัดสาดฟากฝั่ง
พาคลื่นโถมยังหมายเราอยู่เพียงยามนี้
ฟากฟ้ายิ้มเหยียดหยันแดนโลกีย์
ใครจักมีชัยหรือพ่ายล้วนอยู่ที่ใจ
ภูผาเมฆายังสรวลพาฝนเคลื่อนมา
คลื่นร้างโรยราทว่าโลกยังหมุนไป
หยันหยามลมปากหลงในลาภยศเลื่อมใส
เพื่อนลาให้อาลัยใช่มิตรภาพมลาย
แม้นละซึ่งชื่อศักดิ์ยึดติดไม่นำพา
ข้าขอเย้ยฟ้าดินเคว้งคว้างเดียวดาย
สรรเสริญเพียงภาพมายามีวันหาย
หากแต่ตายขอทิ้งชื่อชั่วดีได้ด้วยใจตน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Hi-Fi-Lover

19/04/2015 11:18:17
3
บทเพลงเย้ยยุทธจักร แต่งขึ้นมาใหม่จากการขุดค้นพบทำนอง กว่างหลิงซ่าน ของเฒ่าซิ
ผู้เฒ่าหลิวและผู้เฒ่าซิ ได้รับแรงบันดาลใจจากบทเพลงกว่างหลิงซ่าน มาแต่งเป็น บทเพลงเย้ยยุทธจักร
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในเวอร์ชั่นหนัง มีการนำเอา กว่างหลิงซ่าน (บทเพลงแต่งใหม่จากเดิมเท่าที่หาได้)
เพลงกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่น ท่าน Sam Hui นั้น นำทำนองกว่างหลิงซ่าน (แบบกู่เจิ้ง) มาใช้
กว่างหลิงส่าน 广陵散 เพลงที่นิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรเคยพูดถึงว่าสาบสูญไปแล้ว ทำเอาคนจีนทั้งประเทศเข้าไปใจแบบนั้น ซึ่งจริงๆแล้วมีคนเล่นมาทุกราชวงศ์จนถึงปัจจุบัน "กว่างหลิง" เป็นชื่อสถานที่ "ส่าน" แปลว่าเพลง(ในภาษาดนตรีโบราณ/ ไม่อ่าน "ซ่าน") แปลตรงๆว่าเพลงกว่างหลิง มีที่มาจากนิทานสมัยจ้านกว๋อ
ยุคนั้น ณ แคว้นเว่ยกว๋อ เนี่ยเจิ้งที่ไปก่อคดีฆ่าคนโฉดร้ายหนึ่ง
ได้หนีจากเมืองจื่อไปอยู่ เมืองฉีกว๋อพร้อมพี่สาวและมารดา เขาหลบอยู่อย่างสงบมานาน
จนวันหนึ่ง ในราชสำนัก มหาอำมาตย์หานหนีได้ถูกขุนนางนามเหยนซุ่ยฉีกหน้า
กลางการอภิปรายความเห็นทางการเมืองที่ตยบกพร่อง จึงผูกใจเจ็บค่อยหาทางเล่นงานเหยนซุ่ยเสมอ
เหยนซุ่ยจึงถอยฉากออกจากเมืองหลวง ระหว่างทางก้หามือสังหารส่งไปลอบฆ่าหานหนีแก้แค้นเช่นกัน
จนมาถึงฉีกว๋อ เขาได้ยินชื่อเสียงเนี่ยเจิ้งก้ไปเยี่ยมหลายครั้งแต่โดนปฏิเสธเรื่อยมา วันหนึ่งจึงทำทีจัดทองคำไป 2000 ตำลึง
ไปหามารดาเนี่ยเจิ้งในวันเกิดของมารดาเนี่ยเจิ้ง โดยหวังซื้อใจเนี่ยเจิ้งให้ไปฆ่าหานหนี
แต่เนี่ยเจิ้งไม่รับทองจำนวนนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกตื้นตั่นยิ่งนัก
แม้เหยนซุ่ยจะกระซิบบอกว่าไม่ให้ฟรีแต่วานไปฆ่าคน เนี่ยเจิ้งก็ไม่รับเพราะอยากดูแลมารดามากกว่า
เหยนซุ่ยได้ยินก็เข้าใจแต่ก็ยังจะให้ทองแต่เนี่ยเจิ้งก้ไม่รับสุดท้าย เหยนซุ่ยก้ขนทองกลับบ้าน
หลายปีผ่านไปมารดาเนี่ยเจิ้งตาย เนี่ยเจิ้งจึงไปหาเหยนซุ่ย ถามว่าครั้งนั้นที่ท่านวานให้ฆ่านั้นเป็นใคร
เหยนซุ่ยตอบว่าเป็นหานหนี เนี่ยเจิ้งบอกเรายินดีรับทำแต่ไม่ใช่เพราะเงินทอง
ยามนี้มารดาสิ้นลมแล้ว พี่สาวก็มีครอบครัวแล้ว เขาไม่มีห่วงใดอีก เนื่องด้วยท่านยามนั้นมาหาข้าผูกมิตรโดยไม่รังเกียจคนต่ำต้อยเช่นข้า
แม้ข้าไม่รับปากท่านก็ยังคบหาข้าเป็นมิตรเช่นเดิม กับสหายแล้วหากไม่ช่วยเหลือกันจะคบไปเพื่อการใด
ยังเรียกเป็นสหายรึ? หลังกล่าวจบจึงเดินทางไปเมืองหลวงเพียงลำพัง เนี่ยเจิ้งบอกเหยนซุ่นว่าเพื่อไม่ให้ข่าวรั่วจึงต้องลงมือเพียงคนเดียว
เขาเดินทางจนวันหนึ่งเมื่อมาถึง เขาเดินเข้าจวนหาหานหนีที่กำลังนั่งจิบชาในจวนอย่างสบายอารมณ์
โดยไม่รู้ว่าเงาหัวกำลังจะขาด เนี่ยเจิ้งนับว่าเทพมากกลับเดินดุ่มๆบอกขอพบมีเรื่องสำคัญเรียนกับหานหนี
คนที่เฝ้าก้โง่พาไปหาหานหนีในศาลาในจวน พอพบหานหนีเขาก็ชักกระบี่แทงหานหนีตายในศาลาทันที
จากนั้นอาละวาดฆ่าราชองครักษ์อีกนับสิบ ก่อนจะเห็นว่าหมดทางฝ่าออกไปจึงเอากระบี่กรีดหน้าตนเองจนเละ
เอานิ้วควักลูกตาตนออกกันรุปโฉมมีคนจำออก จากนั้นเอากระบี่แทงท้องตนเองตาย.........

ทางการจึงนำศพเขาไปแขวนประกาศใครรู้ว่าเป็นใครมีรางวัล 1000 ตำลึงทอง
ผ่านไปเป้นสัปดาห์ไม่มีใครมายืนยันจนปรากฏหยิงสาวคนหนึ่งมาบอกว่า
"นี้คือเนี่ยเจิ้งแห่งเมืองจื่อ น้องชายของนางเอง"ที่แท้คือเนี่ยหญิงพี่สาวของเนี่ยเจิ้ง
ผุ้คนต่างสงสัยว่าทำไมนางกล้าบอกเช่นนั้น นางตอบกับเหล่าผู้คนและมือปราบว่า
"น้องชายข้ายอมทำลายโฉมตนเอง เพื่อไม่ให้เป็นเหตุเภทภัยสู่ตัวข้า
น้องชายข้าทำถึงขนาดนี้ ข้าจะรักตัวกลัวตายปล่อยให้ศพน้องชายข้าไม่ได้บรรจุฝัง
ปราศจากหลุมศพและป้ายชื่อได้อย่างไร" กล่าวจบนางก็เอามีดที่พกมาอัตวิบากกรมตนเองลง ณ ข้างที่แขวนศพน้องชายของนาง

นักดนตรีนิรนามจึงแต่งเพลงสดุดีเรื่องราวนี้นามว่า "กว่างหลิงซ่าน"ขึ้นมา
(ปล.เรื่องนี้ชั่วสุดยกให้ เหยนซุ่ย ชั่วจริงๆ)

-แต่ที่เพลงนี้ยิ่งโดงดังคือ จีคัง ในยุคราชวงศ์เว่ยตะวันตก
มหาบันทิตผู้ไม่ยอมรับใช้กังฉิน ซือหม่าจาว ทั้งยังตำหนิพฤติกรรมของกังฉินแบบไม่ไว้หน้าใดๆ
ส่งผลให้โดนข้อหา"ไม่สบอารมณ์กังฉิน"ลากไปประหาร แม้เหล่าลุกศิษย์ลุกหาราว 3000 คนจะไปคุกเข่าขอร้อง
ในลานประหารให้ยกเลิกดทษให้ก็ไม่เป้นผล ก่อนประหาร จีคัง ได้ขอพิณมาบรรเลงเพลงกว่างหลิงซ่าน
ระบายความคับแค้นออกมาว่ากันว่า สะกดทั้งลานประหารให้ตกในภวังกันเลยทีเดียว
ก่อนจะโดนตัดหัวหังบรรเลงเพลงจบแล้วเพชรฆาตหายภวัง

ประวัติ จีคัง โดยคุณทองแถม นาถจำนงค์
จีคัง 嵇 康 : “ปราชญ์สวนไผ่” ผู้ถูกสุมาเจียวประหาร

ปราชญ์ยุคสามก๊กคนหนึ่งมีชื่อเสียงมาก แต่เขาไม่มีบทบาทในนิยายสามก๊ก “ซานกั๋วเหยี่ยนอี้” ท่านผู้นี้คือ “จีคัง”

จีคังเป็นปราชญ์ยุคสามก๊กตอนปลาย เป็นผู้มีชื่อเสียงทางด้านวรรณศิลป์และปรัชญาเต๋า แต่เนื่องจากในนิยายเรื่องสามก๊กไม่ปรากฏเรื่องราวของเขา ชาวไทยจึงไม่ค่อยรู้จักนักปราชญ์ผู้นี้

จีคัง (ค.ศ 223 - 262 ) อายุสั้น เขาถูกสุมาเจียวประหารชีวิตเมื่ออายุเพียงสี่สิบเท่านั้น น่าเสียดายเพชรงามเม็ดนี้เหลือเกิน

แม้จะอายุสั้น แต่ชื่อเสียงของเขาก็คงทน วงวรรณคดียกย่องจีคังและเพื่อนอีกหกคนเป็น “เจ็ดปราชญ์สวนไผ่”

ในปีที่เขาเกิดนั้น ( ค.ศ 223) พระเจ้าเล่าปี่ตาย เล่าเสี้ยนได้สืบทอดอำนาจจ๊กก๊ก

จีคังกำพร้าพ่อแต่เล็ก แม่และพี่ชายเลี้ยงดูเขามา จีคังฉลาดปราดเปรื่องมาแต่เล็ก มีความโดดเด่นเหนือพวกพ้อง จึงทะนงตนเชื่อมั่นตัวเองสูง

แต่เขาก็ไม่สนใจลาภายศเกียรติทางสายขุนนาง ชอบศึกษาค้นคว้าตำรา เชี่ยวชาญเรื่องคำสอนของ เล่าจื๊อและจวงจื๊อ เมื่อโจฮองขึ้นเป็นฮ่องเต้ จีคังอายุ 17 ปี ได้หลานสาวของบุตรชายโจโฉคนหนึ่งเป็นภรรยา จึงถูกนับวงศาคณาญาติกับราชวงศ์วุย (ตระกูลโจ) ด้วย ช่วงนี้เขาเป็นขุนนางเล็ก ๆ ตำแหน่งจงส้านไต้ฟู

ชีวิตช่วงนี้ของจีคัง เป็นช่วงมีความสุข ใช้ชีวิตแบบบัณฑิตนักกวี ค้นคว้าตำรับตำรา แต่งหนังสือแต่งกวี ดื่มกินเที่ยวเตรี่กับเพื่อนพ้องบัณฑิต

จีคังมีชื่อเสียงเป็นกวีเอกคนหนึ่งในยุคสามก๊ก

ชีวิตจีคังมาผกผันเมื่อสุมาอี้รัฐประหาร โค่นอำนาจของกลุ่มโจซองใน ค.ศ 249 ตอนนั้นจีคังอายุ 27 ปี ยังเป็นขุนนางตำแหน่งเล็ก ๆ จึงรอดตัว ไม่ถูกประหารชีวิตไปด้วย

การรัฐประหารยึดอำนาจของสุมาอี้นั้นเท่ากับเป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจการเมืองจากตระกูลโจ (เฉ่า) ไปอยู่ในมือของตระกูลสุมา ซึ่งในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนราชวงศ์ในสมัยของสุมาเอี๋ยน หลานชายของสุมาอี้ การต่อสู้ทางการเมืองในครั้งนั้น นอกจากจะใช้กำลังทหารเป็นหลักแล้ว ตระกูลสุมาก็จำเป็นต้องอาศัยทฤษฎีทางปรัชญาคำสอนโบราณมาสนับสนุน สร้างค่านิยมทางสังคมใหม่ ๆ ด้วย

ลัทธหญูหรือลัทธิขงจื๊อนั้น เชิดชูคุณธรรมสำคัญเช่น จงรักภักดี 忠 มนุสสธรรม 仁 ถูกทำนองคลองธรรม 义 ความกตัญญูกตเวทตา 孝 เป็นต้น

ในยุคต้นราชวงศ์ฮั่น คุณธรรมข้อสำคัญที่สุดคือ ความจงรักภักดี ค่านิยมนี้ถูกปลูกฝังมั่นคง ทำให้สังคมจีนเกิดระบบการปกครองแบบ “เฝิงเจี้ยน” (คำนี้ควรจะเรียกทับศัพท์ เพราะไม่ตรงกับ ระบบศักดินาไทย และฟิวดาลิสม์ของยุโรป) ที่มั่นคงเข้มแข็งอยู่ยาวนาน

แต่สถานการณ์ที่ตระกูลสุมา รัฐประหารยึดอำนาจนั้น เท่ากับเป็นการไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์วุย แม้จะมีข้ออ้างได้ว่า ราชวงศ์วุยก็เป็นกบฏไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นมาก่อนก็ตาม แต่พวกตระกูลสุมาก็ยังพยายามแสวงหาข้อสนับสนุนจากหลักคุณธรรมลัทธิขงจื๊อข้ออื่น ๆ โดยได้พยานยามยกเอาเรื่อง “กตัญญูกตเวที” ให้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ข้อหากล่าวโทษโจซอง ที่สุมาอี้มีไปถึงพระเจ้าโจฮอง ก็กล่าวโทษว่าโจซองมิได้กตัญญูต่อพระเจ้าโจยอย และต่อมาเมื่อพวกตระกูลสุมาหาเรื่องลงโทษประหารชีวิตขุนนางที่ต่อต้านพวกเขา ก็จะอ้างเอาเรื่องไม่กตัญญูเป็นความผิดเสมอ

ท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่ล่อแหลมเช่นนี้ ”เจ็ดปราชญ์สวนไผ่” จึงถึงกับแตกแยกกัน ส่วนใหญ่ยอมรับใช้พวกตระกูลสุมา คงมีแต่จีคังผู้เดียวไม่สยบ

จีคังยังคงเขียนหนังสือเผยแพร่ความคิด ที่คัดง้างกับหลักการใหม่ (ที่เชิดชูเรื่องความกตัญญูขึ้นสูงสุด) ของพวกตระกูลสุมา

แนวปรัชญาของจีคังนั้น คล้ายคลึงกับปรัชญาเต๋าของจวงจื๊อ จีคังเสนอให้ “ข้ามให้พ้นหลักคำสอนที่มีชื่อเสียงของศาสนาทั้งหลายเถิด แล้วทำตามกฏธรรมชาติ” (越 名教 而 任自然 เยวี่ยหมิงเจี้ยวเอ๋อร์เญิ่นจื้อหญาน) หลักข้อนี้ทำให้นึกถึงคำสอนของ “เซน” ที่ให้ก้าวข้ามภูเขาสามลูก คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้พ้น จึงจะ “บรรลุ” ธรรม!

จีคังเห็นว่า คัมภีร์ต่าง ๆ หลักคุณธรรมต่าง ๆ ที่ศาสนา(เจี้ยว 教 ) ทั้งหลายกำหนดขึ้นนั้น ล้วนเป็นเครื่องมือพันธนาการลักษณะธาตุแท้ของมนุษย์ มีแต่ฟื้นฟูลักษณะธาตุแท้ของมนุษย์ขึ้นมาจึงจะสอดคล้องกับกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ สรุปแล้วแนวความเชื่อของจีคังเป็นธรรมชาตินิยมคล้ายกับจวงจื๊อนั่นเอง

ผลการต่อต้าน คุณธรรมความกตัญญู ของจีคัง ส่งผลให้เขาถูกสุมาเจียวลงโทษประหารชีวิต ในวัยเพียง 40 ปี เมื่อ ค.ศ 263 ตำนานเล่ากันว่า ก่อนจะถูกประหารชีวิต จีคังได้บรรเลงพิณ เพลง “ก่วงหลิงส้าน” อันเป็นบทเพลงเขาประพันธ์ขึ้นเอง

แน่นอนว่าปัจจุบันนี้ไม่มีใครรู้ว่า เพลงก่วงหลิงส้าน มีทำนองอย่างไร แต่จากตำนานเพลงนี้ คุณหวงจาน ได้จินตนาการสร้างสรรค์เพลงขึ้นใหม่ แต่งโดยใช้โน้ตดนตรียุคโบราณ 5 เสียง ประพันธ์เพลงยิ้มเย้ยยุทธจักรขึ้นเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง “กระบี่เย้ยยุทธจักร” (เซี่ยวอ้าวเจียงหู)

หลักฐานสนับสนุนว่า จีคัง เป็นบุคคลมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์คือ ทุกวันนี้ ยังปรากฏ “สุสานจีคัง” และ “ศาลาจีคัง” อยู่

สุสานจีคัง (จีคังมู่) ตั้งอยู่เชิงดอยสือหม่าซาน ห่างจากอำเภอกัวหยาง มณฑลอันฮุย ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ส่วนศาลาจีคัง (จีคังถิง) ตั้งอยู่บนดอยจีซาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเหมิ่งเฉิงเสี้ยน มณฑลอันฮุย ตำนานเล่ากันว่าจีคังออกปลีกวิเวกอยู่บนดอยนี้ จักรพรรดิเชียนหลง ราชวงศ์ชิง ได้สร้างศาลาจีคังขึ้นเป็นอนุสรณ์สถาน เมื่อปี ค.ศ 1766 ปัจจุบันยังปรากฏศิลาจารึกบทกวีรำลึกถึงจีคังจำนวนหนึ่ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Hi-Fi-Lover

19/04/2015 11:25:31
3
ชาวจีนโบราณนิยมสืบทอดความคิดของท่านขงจื๊อเรื่องคุณธรรม ทำให้เป้นคนเป็นคน จึงนิยมปฏิบัติตามจารีต และมีพิธีกรรมต่างๆ มากมาย แต่ในมุมมองของปุถุชน ระหว่างชีวิตกับคุณธรรม ชื่อเสียงจอมปลอม กับ ชีวิตอิสระตามใจ ไม่มีพันธะมาผูกมัด ย่อมทำให้เมฆเหิร น้ำไหล ได้ตามที่คิด จินย้ง ค่อนข้างมองขาดในเรื่องนี้ แม้ตัวเอกจะอยู่สำนักคุณธรรม แต่สามารถคบหาคนได้ทั่วไป น้ำมิตร ย่อมสำคัญกว่าชื่อเสียงจอมปลอมที่คนอุปโลกขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Ahura

19/04/2015 13:22:08
1,663
จำไม่ได้ว่าอารมณ์ไหน แต่ผมเคยเปิดเพลงนี้ดังลั่นด้วย Marshall Stanmore ในห้องทำงาน
เพื่อนเดินเข้ามาบอก" กูว่าเพลงนี้มันต้องเป็นแนว Alternative สมัยราชวงศ์ชิงแน่ๆเลยว่ะ! " 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

nopphong

19/04/2015 17:35:24
4
อ่านข้างความเห็นที่ 5 สรุปได้ว่า.....คนรวยใช้เงินซื้อน้ำใจ คนจนตอบแทนด้วยชีวิต กับ พี่สาวไม่ใช่มีคุณธรรม แต่โง่สุดๆ เพราะสุดท้ายแทนที่จะมีศพไม่ได้ฝังศพเดียว กลับกลายเป็น2ศพไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Vichy

19/04/2015 23:20:54
0
เรื่องของ เนี่ยเจิ้งที่คุณเล่า ก็เป็นหนัง เล่นโดยหวังอยู่ เรื่อง อสูรเพชฌฆาต ปี 2510 ดังมาก ในตอนนั้น ยังหา vcd หรือ dvd ดูได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

planaria

20/04/2015 07:00:31
117
ขอบคุณมากที่หาเรื่องดีๆ มาให้อ่านกันครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

SK

20/04/2015 09:23:53
120
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแจม ครับ

คลิปแรก เป็นธรรมชาติ ดูซะใจดีในตอนท้าย
คลิปสอง ดนตรีพริ้วไหว ไพเราะสุดๆ
คลิปสาม ยาวดีแถมมีตัวอย่างหนังให้ดูด้วย...555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

bezboy

20/04/2015 09:41:31
7
เปิดแล้วหมาเห่ากันสามสี่บ้านเลย ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

SK

20/04/2015 12:48:56
120
คห. 12 น้อยๆ หน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

sahathan

20/04/2015 13:14:58
0
like คห.13
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

bezboy

20/04/2015 16:33:02
7
โทดทีครับ โทดที

พอดีมีหมาต่างถิ่นวิ่งเพ่นพ่านจังหวะที่เปิดพอดี

ผมก็นึกว่าเห่าเสียงเพลงจีน

หมาปากเปราะชอบเห่าเวลาได้ยินเสียงแปลกอยู่แล้วด้วยครับ


ปล. อย่าโกรธกันนะครับ

ปล.2 ผมขำเกือบตาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

somkiatr

20/04/2015 16:53:22
182
ใครชอบเพลงหนังจีนผมแนะนำอันนี้เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

somkiatr

20/04/2015 17:00:53
182
อันนี้เพลง Subaru ที่โด่งดังในอดีตและเพลงอื่นๆครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

somkiatr

20/04/2015 17:14:25
182
ใส่ Link ผิด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

Ishimaru-WITTY

20/04/2015 20:55:10
1
ส่งเข้าประกวด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

Ishimaru-WITTY

20/04/2015 21:15:13
1



เพลงนี้ครับ แต่ต้องเป็น HI-RES น่ะครับ อันนี้ sample ให้ฟัง และ system ต้องถึงๆ ด้วย ผมมีสอง Remaster อันแรกของอัลบั้ม 70'80 อะไรซักอย่าง อัดมาชัด แต่ อนาล็อคหน่อยๆ มันนานแล้ว แต่เพราะ อีกอัลบั้มเป็น อัลบั้ม close yo you อันนี้ Remaster มา ดิจิตอลมาก สงัดเงียบ

เนื้อเพลงมันดีอ่ะ นึกความหวัง คนดีเหล่านั้น เหตุการณ์ดีๆ ประทับใจ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

Hi-Fi-Lover

20/04/2015 22:25:55
3
จริงๆ ประบี่เย้ยยุทธจักร์นี่เป็นหนังสือที่ถอดหน้ากากนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย ออกมาอย่างหมดเปลือกเลยครับ
เรื่องเนี่ยเจ็งนี่ผมก็ว่าสุดยอดแล้วครับ แต่เรื่องงักฮุยนี่สิ ขนลุกจริงๆ

เมื่อเอ่ยถึงบรรดาแม่ทัพนายกอง

อันเป็นที่เคารพยกย่อง

แห่งอาณาจักรจีนโบราณ

ชื่อของ "งักฮุย" จะดีดขึ้นมา

ในสมองผมเป็นลำดับแรก ๆ

จำได้ว่า ผมได้ยินชื่องักฮุยครั้งแรก

ผ่านซีรี่ส์กำลังภายในเรื่องมังกรหยก

ว่ากันตามความรู้สึกผม

งักฮุยเป็นอัจฉริยะทางการทหารอีกผู้หนึ่ง

เพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊

ชนิดที่ว่าไม่เป็นสองรองใครในแวดวงขุนศึก

โดยเฉพาะด้านยุทธพิชัยสงคราม

สามารถใช้กำลังรบน้อยกว่า

ยันกับกองกำลังมหาศาล

ของกิมก๊กได้อย่างไม่เป็นรอง

แถมยังตีโต้กลับไปได้ด้วย

ทำเอาแม่ทัพวู่ซู่แห่งกิมก๊ก

เสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ

เกียรติประวัติของงักฮุย

กลับไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก

ในประเทศไทย ยิ่งเมื่อเปรียบกับกวนอู

ที่ได้รับการยกย่องจาก

ชาวจีนในไทยให้เป็นถึงเทพเจ้า

แต่งักฮุยกลับได้รับการยกย่องในฐานะ

ของนายทหารคนหนึ่งเท่านั้น

จนกระทั่งในระยะหลัง

เมื่อเกิดวิกฤตการเมืองในประเทศไทย

ชื่อของงักฮุยจึงถูกยกขึ้นมา

เปรียบเทียบกับสถานการณ์การเมืองไทย

ให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ

...................................................................

งักฮุย เกิดในราชวงศ์ซ่งเหนือ

บริเวณที่ปัจจุบันนี้ คือ อำภอทางยิง

เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน

เมื่อครั้งวัยเยาว์ ณ บ้าน เกิดของเขา

เกิดอุทกภัยใหญ่

จากการแตกของเขื่อนกั้นแม่น้ำฮวงโห

มารดาของงักฮุยต้อง

อุ้มบุตรชายไว้ในอ้อมกอด

อาศัยซุกตัวอยู่ในโอ่งลอย

ตามน้ำไปเรื่อย ๆ เพื่อรักษาชีวิตให้รอด

เมื่อล่วงเข้าสู่วัยหนุ่ม

ในภาวะที่ประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤต

เนื่องจากฮ่องเต้สองพระองค์

ของราชวงศ์ซ่งเหนือ คือ

ซ่งฮุยจงและซ่งชินจงถูกพวกจิน

จับตัวไปเป็นเชลยศึก

(ค.ศ. 1115 - ค.ศ. 1234)

จนนำมาซึ่งจุดจบของราชวงศ์ซ่งเหนือ

งักฮุยเมื่อพบเห็นกับเหตุการณ์เช่นนี้

จึงตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่า

จะต้องกอบกู้ดินแดนที่สูญเสีย

กลับคืนมาให้ได้

ความตั้งใจนี้เมื่อประกอบกับ

การสนับสนุนมารดา

เขาจึงสมัครเข้าเป็นทหารรับใช้

ให้กับราชวงศ์ซ่งใต้

(ค.ศ. 1127-ค.ศ. 1279)

ที่ขณะนั้นฮ่องเต้คือ ซ่งเกาจง

ได้ย้ายเมืองหลวงหนีมาทางใต้

จากเปี้ยนเหลียง

(ปัจจุบันคือเมืองไคเฟิง)

มาอยู่ที่หลินอัน

(ปัจจุบันคือเมืองหางโจว)

ก่อนที่งักฮุยจะออกจากบ้านไปรับใช้ชาติ

มารดาได้สลักอักษรจีน 4 ตัวไว้ที่

กลางแผ่นหลังของบุตรชาย

ความว่า จิ้นจงเป้ากั๋ว

(รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ)

...................................................................



...................................................................

เมื่อเข้ารับราชการทหาร

งักฮุยที่พกความมุ่งมั่น

ไว้เต็มเปี่ยมก็แสดงความกล้าหาญ

และความสามารถในการรบ

สังหารข้าศึกไปเป็นจำนวนมาก

จนกระทั่งผลงานไปเข้าตา

แม่ทัพนาม จงเจ๋อ (จงเส็ก)

ต่อมาแม่ทัพจงเจ๋อ (จงเส็ก)

นายทัพของเขาเห็นภูมิปฏิภาณ

สติปัญญาและแววความสามารถของงักฮุย

จึงได้มอบตำราพิชัยสงครามแก่งักฮุย

ด้วยหวังว่างักฮุยจะเป็น

กำลังสำคัญในการกอบกู้บ้านเมืองต่อไป

...................................................................

งักฮุยหาได้สร้าง

ความผิดหวังแก่จงเจ๋อไม่

แม่ทัพหนุ่มผู้นี้สร้างผลงานโดดเด่น

รบชนะกองทัพต้าจินอยู่หลายครั้ง

มีความก้าวหน้าในการ

รับราชการทหารเป็นลำดับ

จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้ง

ให้ดำรงตำแหน่ง

“ชิงหย่วนจวินเจี๋ยตู้สื่อ

(清远军节度使)”

หรือ ผู้บัญชาการ

มณฑลทหารเขตชิงหย่วน

กองทัพงักฮุยขึ้นชื่อเรื่อง

ระเบียบวินัยอันเคร่งครัด

ผู้ใดฝ่าฝืน ลงโทษโดยไม่ละเว้น

แม้ผู้นั้นจะเป็นบุตรชาย

ของงักฮุยเองก็ตาม

...................................................................

กฎเหล็กที่งักฮุยบัญญัติไว้ก็คือ

"แม้ต้องหนาวตาย

ก็ไม่ขอเบียดเบียนบ้านชาวประชา

แม้ต้องอดตาย

ก็จะไม่ปฏิบัติตัวเยี่ยงโจรขโมย"

...................................................................



...................................................................

ครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าพลทหาร

ขอเชือกปอจากชาวบ้านหนึ่งเส้น

เพื่อนำมามัดไม้ฟืน งักฮุยสั่งให้ลงโทษ

พลทหารผู้นั้นทันที

ยามเมื่อกองทัพของงักฮุย

ยาตราทัพผ่านไปยังหมู่บ้านใด

ก็จะตั้งค่ายพักผ่อนหลับนอนกันริมทาง

แม้ชาวบ้านยินดีเชื้อเชิญให้เหล่าทหาร

เข้าไปพักผ่อนในบ้านเพียงไร

ทหารเหล่านั้นก็ไม่ยินยอม

ด้วยเหตุนี้กองทัพของงักฮุย

จึงสามารถครองใจชาวบ้านได้

ทำให้ส่วนหนึ่งของกองทัพงักฮุย

มีชาวบ้านอาสามาร่วมรบด้วย

...................................................................



...................................................................

การศึกในครั้งนั้น งักฮุยสามารถทวงคืน

ดินแดนที่ถูกพวกต้าจิน (กิมก๊ก)

ยึดไว้กลับคืนมาได้มากมาย

กองทัพงักฮุยบุกตะลุยต่อจนกระทั่ง

ตั้งทัพอยู่ห่างจากเมืองหลวงเดิมคือไคฟง

เพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น

ณ เวลานั้นแม้ว่าสถานการณ์

จะเป็นใจอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟู

ประเทศของอาณาจักรซ่งใต้

แต่ฮ่องเต้ซ่งเกาจงที่ได้รับคำแนะนำ

จากอัครมหาเสนาบดี

(ตำแหน่งเทียบเท่านายก ฯ)

นามฉินฮุ่ยหรือฉินไคว่ (秦桧)

กลับมีแนวนโยบายในการเจรจาสงบศึก

กับอาณาจักรต้าจิน

โดยมองว่างักฮุยนั้นคืออุปสรรค

ของการเจรจา ทำให้มีการส่ง

ป้ายทองอาญาสิทธิ์ 12 ป้าย

ภายในวันเดียวเรียกให้

งักฮุยถอนทัพกลับมาทางใต้

...................................................................



ภาพยนต์จีนยุคชอว์บราเดอร์ส์

เรื่อง 12 ป้ายทอง

หยิบยกเอาเหตุการณ์ตอนฉินไขว้

ส่ง 12 ป้ายทองประกาศิต

เรียกตัวงักฮุยกลับมาเมืองหลวง

...................................................................

แม้งักฮุยจะพยายามฝืนคำสั่ง

ของราชสำนักเช่นไรแต่สุดท้าย

ก็ทัดทานไว้ไม่ไหว

ต้องยกทัพกลับเมืองหลวง

ปล่อยให้กองทัพจิน

ยึดดินแดนคืนกลับไป

...................................................................

ภาพจำลองเหตุการณ์ถอนทัพของกองทัพงักฮุย

กองทัพงักฮุยในวันที่ต้องถอนทัพ

...................................................................

หลังการถอนทัพกลับมายังเมืองหลวงไม่นานนัก

ฉินฮุ่ย (ฉินไคว่) ก็ใส่ร้ายว่า

งักฮุยนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง

คิดการใหญ่จะก่อกบฏล้มล้าง

ราชสำนักจนถูกส่งเข้าคุก

...................................................................

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากเว็บไซต์

http://www.thaigoodview.com

ระบุว่า

หลังงักฮุยถูกใส่ความและถูกจับกุม

ราชสำนักซ่งก็บรรลุ

ข้อตกลงในสัญญาสงบศึก

กับอาณาจักรจิน สัญญาสงบศึกดังกล่าว

ลงนามกันในปี ค.ศ.1411

อันเป็นปีที่ 11 ของศักราชเส้าซิง

ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น “สัญญาสงบศึกเส้าซิง”

สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาที่ซ่งใต้

เสียเปรียบจินเป็นอย่างมาก

เนื่องจากซ่งใต้ต้องยอมลดตัวเป็น ‘บ่าว’

ยกย่องจินไว้เป็น ‘นาย’

ทุกปีอาณาจักรซ่งต้องส่งของบรรณาการ

ไปจิ้มก้องให้กับจินเป็นเงิน 250,000 ตำลึง

กับผ้าไหมจำนวน 250,000 พับ

ทั้งต้องยอมยกดินแดน

ถังโจว (唐州) เติ้งโจว (邓州)

ทั้งหมดรวมไปถึงพื้นที่ครึ่งหนึ่ง

ของ ซังโจว (商州)

และฉินโจว (秦州) ให้กับจินด้วย

...................................................................

ภายหลังการเซ็นสัญญาสงบศึก

ดังกล่าวได้ไม่นาน...งักฮุยก็ต้องโทษ

“อาจจะมีก็ได้ (莫须有)”*

( ต้องรับโทษเพียง

เพราะเชื่อว่าอาจจะกระทำ )

ถึงขั้นประหารชีวิต

...................................................................

หลังงักฮุยถึงแก่อสัญกรรม

ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรซ่งใต้

องค์ต่อ ๆ มาก็ยังมีการลงนามใน

สัญญาสันติภาพอีก 2 ครั้ง

โดยมีความเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาเล็กน้อย

คือ ในสมัยฮ่องเต้ซ่งเสี้ยวจง (宋孝宗)

จินกับซ่งเปลี่ยนสถานะ

เป็นอากับหลาน โดยทุกๆ ปี

ซ่งต้องส่งเงิน 200,000 ตำลึง

และผ้าไหมจำนวน 200,000 พับ

ให้กับต้าจิน

ลุถึงสมัยฮ่องเต้ซ่งหนิงจง (宋宁宗)

อาณาจักรต้าจินก็มีสถานะ

เป็นลุงของราชวงศ์ซ่ง

ทุก ๆ ปีซ่งจะต้อง

ส่งเงิน 300,000 ตำลึง

และผ้าไหมจำนวน 300,000 พับให้กับจิน

...................................................................

ผลจากการ "ซื้อสันติภาพ" ดังกล่าว

ส่งผลให้ดินแดนทางภาคเหนือ

ทั้งหมดหลุดไปจากความควบคุม

ของฮ่องเต้ซ่งใต้โดยเด็ดขาด

ภายใต้การปกครองของต้าจิน

ชีวิตของชาวจีนทางภาคเหนือ

ตกอยู่ภายใต้ความยาก

ลำบากเป็นอย่างยิ่ง

เพราะชาวฮั่นที่เคยทำนาบนที่ดิน

ของตนเองนั้นต้องกลาย

สภาพเป็น "ชาวนาเช่า"

ซึ่งต้องเช่าที่ดินจากชาวจิน (กิม)

ขณะที่ในส่วนของราชวงศ์ซ่งใต้

การสูญเสียดินแดนทางภาคเหนือไปทำให้

อาณาเขตการปกครองของซ่งใต้นั้น

มีเนื้อที่เพียง 2 ใน 3

ของอาณาจักรซ่งเหนือเท่านั้น

...................................................................

อาณาเขตของอาณาจักรซ่ง

แผนที่เปรียบเทียบราชวงศ์ซ่งเหนือ (บน)

กับราชวงศ์ซ่งใต้ (ล่าง)

...................................................................

ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์

และความเชื่อของชาวจีน

ตามที่หลักฐานปรากฏ

จอมทัพงักฮุยคือผู้ที่ได้รับ

ยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่ง

ความซื่อสัตย์มาโดยตลอด

จนกระทั่งในยุคราชวงศ์ชิง

จึงมีการเปลี่ยนเป็นกวนอู

ด้วยเหตุผลทางการเมือง

เนื่องจากชาวแมนจู

ซึ่งเป็นผู้ปกครองในยุคราชวงศ์ชิง

ต้องการให้ชาวฮั่น ซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่

ล้มเลิกอุดมการณ์ในการต่อต้านพวกตน

แต่งักฮุยที่ชาวฮั่นเคารพยกย่องนั้น

มีศัตรูคู่แค้นคือ "ชนเผ่านอกด่าน"

ในขณะที่กวนอูและจ๊กก๊ก

ไม่มีนโยบายเป็นศัตรูกับชนเผ่านอกด่าน

ซ้ำบางครั้งกวนอูและจ๊กก๊ก

ยังใช้ชนต่างเผ่าให้เป็นประโยชน์เสียด้วยซ้ำ

ผมควรกล่าวด้วยว่า แท้จริงแล้ว

ราชวงศ์ชิงก็คือผู้สืบสายเลือดมาจาก

ชนเผ่าต้าจินหรือกิมก๊กเดิมนั่นเอง

...................................................................

ครับ...นั่นคือประวัติโดยย่อ

ของจอมทัพงักฮุยก่อนที่จะถูก

ฉินไคว่ใส่ความและถูกประหารชีวิต

ซึ่งเป็นต้นทางแห่งตำนานปาท่องโก๋

อันลือลั่นจนถึงทุกวันนี้

รายละเอียดในส่วนนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่าน

พอจะทราบมาบ้างแล้ว

ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึง

แต่สิ่งที่ผมสนใจก็คือ ผู้ร้ายในเรื่องนี้

มีเพียงต้าจินกับสองสามีภรรยา

แซ่ฉินเท่านั้นหรือ ?

เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปใน

สมัยอาณาจักรซ่งเหนือ

ขณะที่เมืองหลวงยังตั้งอยู่ที่ไคฟง

ในเวลานั้น เมื่อต้าจิน(กิมก๊ก)

ยกทัพรุกประชิดเมืองหลวงไคฟง

ฮ่องเต้ซ่งฮุยจงจึงสละราชบัลลังก์

ให้รัชทายาทขึ้นเป็นฮ่องเต้

นาม "ซ่งชินจง"

ต้าซ่งตัดสินใจยก 3 เมืองพร้อมกับ

เงินทองทรัพย์สินจำนวนมาก

ให้กับต้าจิน ทำให้ต้าจิน

ยอมถอยทัพกลับไป

แต่เนื่องจากประชาชนใน 3 เมือง

ไม่ยอมอยู่ในอาณัติและทำการสู้รบขัดขืน

ทำให้ทางต้าจินยกทัพมา

เพื่อจะยึดเมืองไคฟงอีกครั้งโดย

ไม่ยอมเจรจาสงบศึกอีก

เมื่อต้าจินบุกถึงไคฟง

ได้จับกุมตัวฮ่องเต้ซ่งฮุยจง

ซ่งชินจง ฮองเฮา พระสนม เชื้อพระวงศ์

และขุนนางผู้ใหญ่กลับไปถึง 3,000 คน

รวมถึงได้ทำการปล้นทรัพย์สิน

ในท้องพระคลังกลับไปจนหมดสิ้น

จุดนี้ถือว่าเป็นการสิ้นสุดหรือล่มสลายของ

ราชวงศ์ซ่งเหนือในปี ค.ศ.1127

(เหตุการณ์นี้เรียกว่าทุกขภัยแห่งจิ้งคัง)

...................................................................

หมายเหตุ : นี่คือที่มาแห่งชื่อของ

ตัวละครหลักสองคนในวรรณกรรมจีน

เรื่องมังกรหยก

นั่นก็คือ ก๊วยเจ๋ง กับ เอี้ยคัง

โดยกิมย้งแต่งเนื้อเรื่องให้

บิดาของทั้งสองถือเอาปีจิ้งคัง

(อ่านแบบแต้จิ๋ว คือ เจ๋งคัง)

มาตั้งเป็นชื่อบุตรชาย

เพื่อมิให้ลืมความอัปยศในครั้งนั้น

และหวังให้บุตรชายกอบกู้

บ้านเมืองในภายภาคหน้า

...................................................................

จากนั้นบรรดาเชื้อพระวงศ์

ขุนนาง และทหารที่เหลือ

ได้พากันหลบหนีลงใต้

และเมื่อไปถึงเมืองอิ้งเทียน

เหล่าขุนนางก็ได้ช่วยกัน

สถาปนา "จ้าวโก้ว"

หนึ่งในทายาทของตระกูลจ้าว

ขึ้นเป็นฮ่องเต้

มีพระนามว่า "ซ่งเกาจง"

หลังสถาปนาเสร็จสิ้น

ก็เคลื่อนทัพหลบหนีต่อ

...................................................................

จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์

จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า

"จ้าวโก้ว" หรือ "ซ่งเกาจง"

เป็นเพียงฮ่องเต้ขัดตาทัพเท่านั้น

เมื่อใดที่งักฮุยล้มต้าจิน

ทวงคืนบ้านเมืองได้

เมื่อนั้นผู้มีสิทธิเป็นฮ่องเต้

โดยชอบธรรมย่อมได้แก่ "ซ่งชินจง"

อดีตฮ่องเต้ซึ่งถูกต้าจินจับกุมตัวไป

นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้

ซ่งเกาจงฮ่องเต้แกล้งโง่หลับหูหลับตา

เชื่อฟังฉินไคว่

จนฉินไคว่ถึงกับกล้าประหาร

เสาหลักของบ้านเมืองอย่างงักฮุย

จะพูดให้ง่ายขึ้นก็คือ ซ่งเกาจงฮ่องเต้

มีผลประโยชน์ทับซ้อน

กับนโยบายต่างประเทศด้านการทหาร

ผลก็คือวีรกรรมของงักฮุย

ที่เพียรพยายามกอบกู้บ้านเมือง

กลายเป็นเพียงหอกข้างแคร่

ความใจแคบ เห็นแก่ตัว

และความเขลาของซ่งเกาจงฮ่องเต้

เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่

ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จีน

แต่ก็ไม่ปรากฏว่าประวัติศาสตร์จีน

หรือพงศาวดารจีนจะวิพากษ์วิจารณ์

ซ่งเกาจงอย่างที่ควรจะเป็น

และเพื่อปกป้องมิให้ซ่งเกาจงฮ่องเต้

ต้องถูกประวัติศาสตร์พิพากษา

อันจะส่งผลต่อเกียรติภูมิของชาติจีนด้วย

หน้าที่การตกเป็นแพะรับบาปทั้งหมด

จึงต้องตกอยู่กับฉินไคว่

อย่างไม่ต้องสงสัย

...................................................................

ในความรู้สึกของผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน

งักฮุยอาจตัดสินใจไม่ค่อยเหมาะสมนัก

เพราะความจงรักภักดีของขุนพลผู้นี้

จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจสั่งถอนทัพ

ทำให้ประเทศเสียโอกาสมหาศาล

แต่หากเข้าใจถึงบริบท

ของสังคมในยุคนั้น

ที่ประเด็นจารีตหรือประเด็นทางศีลธรรม

ยังผูกพันอยู่กับลัทธิหยู

(ขงจื๊อ) อย่างลึกซึ้ง

จารีตแห่งลัทธิหยูในยุคนั้น

ปลูกฝังเรื่องความจงรักภักดี

อย่างเข้มข้น และมีผลเสมือนกับวิถีชีวิต

ทั้งยังมีความสำคัญสูงส่ง

เสมอด้วยชีพคนยุคนั้น

ที่สำคัญ มันเป็นพลังผลักดันให้งักฮุย

สามารถต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ลดละ

หากขาดพลังผลักดันจาก

ความยึดมั่นในความจงรักภักดี

งักฮุยอาจไม่มีพลัง

ปลุกเร้าตนเองถึงขนาดนี้

ความเป็นขุนพลไร้พ่ายของงักฮุย

จึงมิอาจแยกออกจากความจงรักภักดีได้

ดังนั้น อาณาจักรซ่งหาได้พินาศเพราะ

การตัดสินใจเยี่ยงนั้นของงักฮุยครับ

ตรงกันข้าม หากขาดพลัง

แห่งความจงรักภักดีคอยเกื้อหนุน

งักฮุยและอาณาจักรซ่ง

อาจมาได้ไม่ไกลถึงเพียงนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

Hi-Fi-Lover

20/04/2015 22:27:02
3
ที่มาครับผม
http://www.oknation.net/blog/art19/2014/08/20/entry-1
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

SK

20/04/2015 22:54:40
เคยดู 12 ป้ายทอง ตอนเป็นเด็ก หนังชอร์บราเดอร์
เยี่ยหัวเป็นพระเอกหรือป่าวไม่แน่ใจ นานมากแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

เหน่งบา

21/04/2015 07:23:57
1,866
Guangling San performed by Wu Wengguang

(ถ้าขี้เกียจฟังอารัมภบท ข้ามไปฟังเลย นาทีที่ 1:05 นะครับ)

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

tiger_silver

21/04/2015 08:56:07
3
ึนึกถึง คอลัมหนังสือพิมม์ เสี้ยมล้อยุทธจักร เอาการเมืองมาเขียนสำนวนกำลังภายในอ่านแล้วเพลินดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"เพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร"