ค่าย Audioengine เป็นแบรนด์ลำโพงจากอเมริกา ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานมากครับ แต่ก่อนหน้านี้เค้าได้เป็นเบื้องหลัง ผลิตเครื่องเสียงให้กับหลายๆแบรนด์ อย่างเช่น Harman/Kardon, Gibson Guitar, Alesis Studio Electronics, Escient และ Apple Computer ประสบการณ์กว่า 36 ปีในวงการ ซึ่งถือว่าช่ำชองทีเดียว

จนมาถึงปี 2005 เค้าจึงได้เริ่มออกมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง ชื่อ Audioengine ขึ้นมา เพื่อผลิตลำโพงและเครื่องเสียงแบบทันสมัย ตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน และเน้นเรื่องความคุ้มค่าอีกด้วย ซึ่งการออกแบบลำโพงของเค้าเป็นเทคโนโลยีเฉพาะตัว ทำให้มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังแล้วติดหูง่ายสุดๆครับ

เจ้า Audioengine A5+ นั้นเป็นลำโพง Active มีแอมป์ในตัว กำลังขับ 150 วัตต์ (75วัตต์ ต่อข้าง) วงจรแอมป์แบบ Dual Class AB ภาคแอมป์อยู่ที่ลำโพงขวา และลำโพงซ้ายเป็นลำโพง Passive ขนาดของตัวลำโพงอยู่ที่ 11.5” (ลึก) x 14.5” (กว้าง) x 21.75” (สูง) น้ำหนักชั่งก่อนขึ้นชกอยู่ที่ 14kg ต่อคู่ โดยข้างที่เป็นแอมป์จะอยู่ที่ 7 kg ส่วนข้างที่เป็น Passive หนัก 4.4 kg ส่วน Sensitivity อยู่ที่ 95dB ซึ่งถือว่าไวมากๆ และตอบสนองความถี่เสียงได้ตั้งแต่ 50Hz-22kHz ครับผม

มาดูส่วนของตัวตู้กันก่อนครับ เจ้า A5+ นั้นมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีครับ คือ ดำ, ขาว และลายไม้ Bamboo ซึ่งเจ้าตัวลายไม้ไผ่ ราคาจะแพงขึ้นอีกนิดหน่อย เนื่องจากใช้ไม้ไผ่แท้ๆทำผิวครับ ส่วนที่ผมเอามารีวิวนั้นเป็นสีดำ Satin Black ซึ่งเรียกง่ายๆว่าสีดำด้าน โดยตัวตู้นั้นออกแบบโดยใช้ไม้ MDF ความหนาราวๆ 16mm. เป็นตัวตู้ทั้งหมดครับ ซึ่งดูการเก็บสีของตัวตู้แล้วต้องบอกว่าเนี๊ยบมากๆๆครับ ลื่นมือลูบไม่มีสะดุด แถมตามรอยต่อตัวตู้ก็เนียนสวยงามแข็งแรงจ้าา

มาที่ปุ่มด้านหน้าของลำโพงขวา ซึ่งเป็นแอมป์ Unit ครับ จะมุปุ่มปรับ Volume ระบบ Digital อยู่ ซึ่งสามารถใช้งานเป็นปุ่มเปิด และปิด Stan by ได้ โดยการกดที่ปุ่ม Volume นี้ลงไปตรงๆครับ ตัวปุ่มหมุนลื่นมือดีมากๆเลยล่ะ

และทางด้านมุมซ้ายของตัวลำโพงก็จะมีไฟแสดงสถานะการทำงานของลำโพง(ดวงซ้ายมือ) ถ้าไฟ LED สีขาวติดคือลำโพงอยู่ในโหมดทำงาน ถ้าเรากดปุ่ม Volume ลงไปตรงๆ จะเข้าสู่โหมด Stanby ไฟดวงนี้จะเปลี่ยนเป็นกระพริบช้าๆ และอีกสถานะนึงคือเมื่อเราปรับเสียงของลำโพง ไฟดวงนี้จะกระพริบตามสเตปการหมุนของเราด้วยครับ ส่วนดวงขวานั้นไม่ใช่ไฟ LED ครับ แต่เป็นช่อง IR receiver รับสัญญาณสั่งการจากรีโมทครับผม

ดอกลำโพงเสียงต่ำ หรือ Woofer เป็นขนาด 5" ออกแบบตัวกรวยด้วย Kevlar ซึ่งช่วยลดเรื่องการบิดตัวของกรวย เมื่อเสียงออกหลายๆย่านความถี่พร้อมกัน ทำให้สามารถเปิดดังแล้วเสียงไม่มั่ว ไม่เพี๊ยนเหมือนปกติ แถมตัวขอบลำโพงที่ออกแบบด้วยยาง ที่มีความอ่อนนุ่มเป็นพเศษ ช่วยให้ลำโพง A5+ เป้นลำโพงที่มีความไวสูงมากครับ

ตัว Driver เสียงแหลมเป็นแบบผ้าไหม Soft Silk Dome อาบน้ำยา ขนาด 1 นิ้ว ซึ่งให้เสียงแนวหวานใส ฟังสบายๆ เสียงไม่พุ่งมาก เน้นความเป็น Musical ครับ จับคู่กับ Woofer แบบ Kevlar รับรองว่านวลเนียนแน่ๆล่ะ

มาดูที่ด้านหลังกันต่อเลยครับ ผมเริ่มจากด้านบนรูป ลงไปด้านล่างนะครับ บนสุดเป็น Switch เปิด-ปิดลำโพง ถัดลงมาเป็นช่องปรับไฟ AC ครับ เป็นแบบ Manual Switch มีให้เลือกระหว่าง 100-120V และ 220-240V ครับ ซึ่งบ้านเราต้องปรับเป็น 220V ครับ ต้องระวังอย่าให้ใครมาปรับช่องนี้เล่นนะครับ ไม่งั้นลำโพงอาจจะเสียหายได้ ลงมาอีกหน่อยก็เป็นช่องใส่ Fuse ครับ ระบุขนาดไว้คือ 1.5A 220V และด้านล่างสุดคือช่องเสียบสายไฟเข้าครับ เป็นหัวแบบ C7 ที่ลำโพง Active ส่วนใหญ่ใช้กัน และสามารถอัพเกรดสายไฟได้ใยภายหลังครับผม

เลื่อนขึ้นไปดูกันต่อเลยดีกว่า ด้านซ้ายสุดเป็นครีประบายความร้อน จากภาคแอมป์ของ A5+ ครับ ซึ่งขณะใช้งานจะอุ่นๆไม่ร้อนมาก ทางด้านขวาล่าง เป็นขั้วลำโพง Output ซึ่งใช้ต่อสายลำโพงไปยังลำโพงซ้ายครับ ถัดขึ้นไปก็เป็นช่องสัญญาณ Input และ Output ของลำโพง โดยตัว Output นั้นสามารถเอาไปต่อพ่วงกับลำโพงตัวอื่น หรือ Sub Woofer ได้ครับ ขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นช่องรับ Input อีกช่อง ที่เป็นหัว 3.5mm ครับ และยังมีช่อง USB มาให้อีกหนึ่งช่อง ระบุว่า 5V 500mA เอาไว้ชาร์ตอุปกรณ์เครื่องเล่น หรือมือถือได้ด้วย หรือถ้าต้องการจะทำให้ A5+ สามารถรับ Bluetooth หรือ Wifi ได้ ก็สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมของทาง Audioengine มาเสียบเข้าที่ช่องนี้ได้เลยครับ

ส่วนด้านบนสุดของตัวตู้จะเป็นช่อง Bass Reflex ที่ใช้จูนให้เสียงต่ำของลำโพงลงได้ลึกๆครับ โดยออกแบบเปนลักษณะเส้นตรงเล็กๆ ความยาวเกือบตลอดตัวตู้ ซึ่งเจ้า A5 ตัวก่อนก็ออกแบบเช่นนี้ครับ เพียงแต่ว่า A5 ตัวก่อนจะทำช่อง Bass Reflex ไว้ด้านหน้า แต่ A5+ ย้ายมาไว้ด้านหลังแทน เพื่อเสียงที่ดีขึ้นไปอีกครับ

เกือบลืมบอกไปครับ ในกล่องของ Audioengine เมื่อแกะมาก็จะมีสายแถมต่างๆพร้อมรีโมทมาให้ด้วย โดยในกล่องจะต้องมีของแถมดังนี้ครับ
- Remote control
- สายลำโพง (16AWG), ยาว 3.75 ม.
- สายไฟ AC หัวแบบ C7
- สายสัญญาณ 3.5mm ความยาว 2 ม.
- สายสัญญาณแบบ RCA ยาว 2 ม.
- แล้วก็คู่มือการใช้งาน
ซึ่งของทั้งหมด รวมทั้งตัวลำโพงจะใส่มาในห่อผ้าอย่างดีครับผม

มาเริ่มทดสอบกันเลยดีกว่าครับ ผมขอเริ่มด้วยการเทสง่ายๆ โดยต่อตรงจากมือถือ ใช้สาย 3.5mm ของ Furutech ADL ID35 ต่อไปเข้าที่ตัวลำโพงทางช่อง 3.5mm ครับ ซึ่งเป็นเพลงที่ผมใช้ฟังประจำอย่างจ้าวเผิง เปิดฟังด้วยระดับความดังปกติ สิ่งที่สัมผัสได้คือ เป็นลำโพงที่มีเนื้อเสียงใหญ่ เสียงจากลำคอนั้นชัดเจนมากครับ ท่านที่เคยฟังอัลบั้มนี้ น่าจะพอนึกภาพออกนะครับ หรือถ้านึกไม่ออก ลองไปฟังดูได้จ้าา https://www.youtube.com/watch?v=FFcB5E-qLLA

แถมยังได้เรื่องความนวลของเสียงด้วย เพราะปกติเวลาเราฟังเพลงจีนส่วนใหญ่ จะประสบปัญหากับเสียงแหลม และกลางสูงที่ค่อนข้างบู๊ทมาเยอะกว่าปกติ เราจะเเจออาการเสียงแหลมบาดหูอยู่บ่อยๆ แต่กับเจ้า audio engine A5+ นั้นผมไม่เจออาการนี้เลยครับ เสียงโดยรวมสามารถคุมโทน Balance ได้ดีมาก

ลองต่อกับคอมพิวเตอร์ดูบ้างดีกว่า ผมใช้ Macbook pro เล่นเพลงด้วยโปรแกรม Audirvana+ เป็นเครื่องเล่นครับ ต่อสาย 3.5 ตรงๆจาก Soundcard ไปเข้าที่ลำโพง คราวนี้ผมเปลี่ยนไปเล่นเพลง Jazz ที่บันทึกสดอย่าง Jazz At the Pawnshop เพราะอยากรู้ว่าเมื่อเจอเพลงเร็วๆจะเป็นอย่างไรบ้าง ในเพลง Take Five นั้นเสียงเครื่องเป่าชัดเจนมาก จังหวะจะโคนและต่ำแหน่งนั้นแยกได้ดี และชัดเจนแม่นยำ เสียงกลองกับเสียงเปียโนก็ฟังมีพลังมากๆ เสียงโทนด้วยรวมยังคงเป็นสไตล์ลื่นไหล นุ่มนวล ไม่รุกเร้ามาก ฟังเพลินสุดๆ ถึงกับต้องขยับเท้าตามจังหวะเพลงเลยล่ะ

และปิดท้ายด้วยการเทสเพลงโหดๆอย่างอัลบั้ม Tchaikovsky 1812 Overture หรืออัลบั้มที่นักฟังเรียกกันจนติดปากว่าแผ่นปืนใหญ่ เพราะอัลบั้มนี้จะมีเสียงปืนที่ดังมากๆ เอาไว้เทส Dynamic ของลำโพงและภาคแอมป์ได้ดีเลย ซึ่งเสียงของ A5+ นั้นสามารถควมคุม Dynamc ขึ้นลงของเพลงได้ดี เมื่อเพลงโหมหนักๆ ก็ไม่เกิดอาการแกว่ง หรือเสียงพร่ามัว น่าจะเกิดจาก Driver แบบ Kevlar ด้วย ที่ทำให้สามารถรับมือกับเพลงหนักๆได้อย่างดี เสียงเบสต่ำก็มีพลังจนน่าตกใจ จนฟังจบเพลงก็ยังอารมณ์ค้าง ต้องกลับไปเปิดฟังใหม่อีกรอบครับ

หากท่านกำลังมองหาลำโพงแบบ Active ระบบ 2 Channel ที่ให้โทนบาลานซ์ดี คือแต่ละย่านเสียงออกมากลมกลืน ไม่มีย่านไหนเด่นล้ำเกิน และเสียงร้องมีเนื้อเสียงหวานชวนฟัง ซึ่งหาได้ยากที่จะมีเสียงจากลำคอนักร้อง เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเทสมาไม่ค่อยเจอครับ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นลำโพงที่ให้เสียงต่ำๆลงได้ลึกถึงใจ เบสกระแทกกระทั้นแค่ไหนก็รับมือได้อย่างดี ผมขอแนะนำให้เข้ามาลองสัมผัสเจ้า Audioengine A5+ ดูก่อนครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ การวางตำแหน่งดอกลำโพง และการเลือก Driver มาใช้งาน มันช่างลงตัวจริงๆครับ ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจซื้อลำโพงสักคู่ ลองเข้ามาฟัง A5+ ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นลำโพงที่ท่านกำลังตามหามานานครับ ^^


ลำโพง Audioengine A5+
ราคา 15,500 บาท
รีวิวโดย : หมูหวาน 086-810-7374
www.hifilover.com
www.melodic-audio.com


Type : 2.0 powered (active) bookshelf-style speaker system

Power Output : 150W peak power total (50W RMS / 75W peak per channel)

Inputs :3.5mm stereo mini-jack, RCA L/R

Outputs : RCA variable line-out, USB (power/charge)

Input Voltages : 115/240V, 50/60Hz manually switchable

Amplifier Type : Dual Class AB monolithic

Drivers : 5" Kevlar woofers, 3/4" silk dome tweeters

SNR : >95dB (typical A-weighted)

แจ่มมากฮะ

ตัวนี้ถ้าเทียบกับ M200MKiii เป้นอย่างไรบ้างครับ เทียบกับ system เดียวกันสายไฟสายลำโพงเดิมๆทั้งคู่

@champ2526 ครับ
ตัว A5+ จะได้เรื่องความกลมกลืนนุ่มนวลของเสียงโดยรวมครับ และเสียงเบสต่ำๆทำได้ดีกว่า
แต่ M200MKIII จะเด่นเรื่องความจะแจ้งชัดเจนของเสียงครับ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนจ้าา

ถ้าชอบโทนเสียงแบบ HD650 นี่ A5+ พอจะให้เสียงแนวนี้ได้มั้ยครับ

ท่านใดสงสัยการใช้งานตรงจุดไหน สามารถโพสถามไว้ที่ตรงนี้ได้เลยนะครับ หมูหวานจะรีบหาคำตอบมาให้อย่างแน่นอนเลยคร้าบบ 555

@ champ2526 ครับ
เป็นโทนเสียงคล้ายๆกันเลยครับ ถ้าหากชอบ HD650 ลำโพง A5+ นี่ใช่เลยล่ะ
ทั้งเสียงนุ้มนวล และเบสแน่นเป็นลูกๆได้อารมณ์มากครับ

รบกวนสอบถามถึงตำแหน่งวางของ A5+ ว่าลำโพงตัวactiveต้องวางฝั่งไหนอ่ะครับ
เห็นรูปจากเวบบางภาพก็วางฝั่งซ้าย-ขวาต่างจากรูปของคุณหมูหวานหล่ะครับ

ขอบคุณมากครับ

จริงๆแล้วการวางลำโพงตัวนี้ ข้างที่เป็นแอมป์ต้องอยู่ด้านซ้ายถึงจะถูกต้องครับ
แต่ผมดีว่าในการถ่ายภาพของผมมันไม่เอื้ออำนวยในการเอาลำโพงไปวางด้านซ้าย
เลยใช้สลับ L-R ในโปรแกรมเล่นเพลงเอาครับผม ^^

ขอบคุณคุณหมูหวานมากๆครับ

และขอขอบคุณเวบมั่นคงที่ให้ความรู้คู่ความบันเทิง เยี่ยมจริงๆครับ ^_^

มาแฟ้วววว วิดีโอรีวิว ลำโพง Audioengine A5+ ลำโพง 2.0 แบบ Active
ที่ให้เสียงนุ่มละมุน และเสียงทุ้มใหญ่หนักแน่นสุดๆเลยจ้าา

ตัวนี้ดีมากๆครับ เคยใช้แต่ปล่อยออกไปแระ ตอนนี้อยากได้กลับมา 555

ใช่ครับพี่ทอมมี่ ตัวนี้เป็นลำดพงที่ให้เสียงนวลฟังสบายๆดีครับ ถ้าคนชอบฟังเนื้อเสียงหน่อย
Audioengine A5+ นี่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีเลยล่ะครับ ^^

วันนี้มีลูกค้าเข้ามาจัดลำโพง Audioengine A5+ กลับไปฟังที่บ้านครับ แถมติดเครื่องเคียงกลับไปใช้ด้วยอีกชุดใหญ่
รับรองว่าไม่ผิดหวัง เสียงถูกใจแน่ๆๆครับ ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงจ้าาา ^^

ใช้อยู่ทั้ง A5+ และ A2+ ชอบมากๆครับ

ชุดนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน :-)

ไม่ทราบว่า Audioengine A5+ กับ Bose Companion 5 เทียบกันได้มั้ยครับ

ผมเพิ่งซื้อ Bose Companion 5 มาได้ 3 วันเพิ่งเห็นรีวิวนี้ ที่ US ราคาเท่ากันเลย

ขอคำแนะนำด้วยครับ

ลำโพงทั้งสองตัวนั้นออกแบบมาใช้งานคนละด้านครับ เจ้า A5+ นั้นเป็นลำโพงที่เน้นเรื่องการฟังเพลงเป็นหลัก
ซึ่งจะให้น้ำเสียงนวลเนียน Musical สุดๆ
แต่เจ้า Bose Com 5 มันจะเน้นเรื่องระบบ Surround และเสียงต่ำที่หนักแน่นลูกใหญ่กว่า
เหมาะสำหรับการดูหนังเป็นอย่างมากครับ ^^

ไม่ทราบว่า Audioengine A5+ กับ Q Acoustics BT3 เทียบกันได้มั้ยครับ

เป็นลำโพงที่อยู่ในระดับเดียวกันเลยยครับ เพียงแต่ว่าต่างกันที่สไตล์เสียง
ทาง BT3 จะออกเสียงกลาง-แหลม โปร่ง รายละเอียดชัดๆหน่อย
ส่วน A5+ จะเน้นเรื่องเนื้อเสียง และเสียงต่ำที่มีน้ำหนักกว่าครับผม

สำหรับท่านที่ติดใจในน้ำเสียงของ A5+ แต่ไม่ม่ที่วาง หรืออยากเล่นรุ่นเล็กลงมาหน่อย
ตอนนี้มี Audioengine A2+ เข้ามาแล้วนะครับ เป็นลำโพงเล็กๆที่ให้เสียง และฟังก์ชั่นครบเครื่องจริงๆ
ท่านใดสนใจเข้ามาลองฟังได้เลยครับ ราคา 7,490 บาทเท่านั้นจ้าา ^^

สอบถามหน่อยครับ ทำไมถึงต้องวางลำโพงที่เป็นแอมป์อยู่ทางด้านซ้ายครับ

เพราะทาง Audioengine เค้าตั้งใจออกแบบให้ลำโพงข้างที่มีแอมป์ Units เป็นข้างซ้ายครับ
อันนี้แล้วแต่แบรน์เลยว่าจะต้องการให้ข้างที่มี Volume กับแอมป์ อยู่ที่ลำโพงข้างไหนครับผม

Audioengine A5+ กับ 5ธรรมดานี่เสียงต่างกันในด้านไหนบ้างครับ

Audioengine A5+ นั้นได้พัฒนาเรื่องเสียงร้อง จนถึงเสียงแหลมให้มีความสมดุลย์ และรายละเอียดดีกว่าตัวก่อนครับ
ซึ่งรุ่นก่อนนั้นจะหนักไปทางเสียงต่ำเยอะหน่อย แต่พอเป็น A5+ นั้นเสียงออกมา Balance ดีมากๆเลยครับ
ผมเลยตั้งชื่อว่าพระกาฬสมดุลย์เสียงล่ะจ้าา ^^

ตั้งชื่อได้ดีเลยครับ พระกาฬสมดุลย์เสียง เพราะมันสมดุลย์จริงๆ มาหมดทุกย่าน

เสียงละมุน และสมดุลย์จริงๆครับ ฟังปุ๊บคิดชื่อให้มันทันที เลยออกมาเป็นชื่อนี้ล่ะจ้าา 555

ถ้าจับชุด กับ DAC ตัวไหนเหมาะครับ win 8.1

ตอนนี้ต่อผ่าน X-fi Music อยู่ครับ อยากจะลอง DAC ดูบ้างครับ - -"

ถ้าเป็น DAC ที่เข้ากับ A5+ ลองดูเป็น Audio-gd NFB-11 หรือ NFB-3 ก็ได้ครับ
ทั้งสองตัวนี้ช่วยเค้นไดนามิคของลำโพงออกมาได้อย่างดีเลยจ้าา ^^

ขอบคุณครับมากครับ ลังเล 2 ตัวนี้อยู่เหมือนกันครับ

ลืมถาม NFB-3 ยังมีของอยู่ไหมครับ - -

รบกวนสอบถามคุณหมูหวานหน่อยครับ
a5+ ถ้าเทียบกับ x300 นี่ต่างกันอย่างไรบ้างครับ
ความใส หวาน กังวาล ดีหรือด้อยกว่า x300 ครับ

อยากได้ชุดฟังเพลงจาก pc ที่เสียงดีกว่า kef x300 งบ30-40k ครับ
จะเป็นลำโพงแบบเสียบใช้ได้เลยแบบ x300 ก็ได้ครับ
หรือจะเป็น int amp + speaker ก็ได้ครับ

- อยากได้เสียงหวาน ใส กังวาลขึ้น หรือไม่ด้อยกว่า x300 ครับ
- อยากได้เบสเพิ่มขึ้น ให้ฟังแนว rock edm สนุกขึ้นกว่า x300 ครับ
- หรือผมควรจะโมx300จะง่ายกว่าไหม? ตอนนี้เปลี่ยนแค่สายไฟ สายusb ฟิวยังเดิมๆ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ ^_^

@warich01 ครับ
ตัว NFB-3 อีกไม่กี่วันนี้ของจะเข้ามาแล้วจ้าา ^^

@tont_kub ถ้าหากต้องการหาลำโพง Active ที่เสียงไปได้ไกลกว่า KEF X300A
คงจะต้องเหนื่อหน่อยอ่ะครับ เพราะเท่าที่ผมลองๆมา KEF X300A นั้นเสียงหาตัวเทียบยากมากๆ
เสียงกลาง-แหลม นั้นชัดเคลียร์ และสปีดของดนตรีได้ Timing สมจริงสุดๆเลยอ่ะ

ผมว่าลองหา DAC ที่ให้เสียงต่ำได้ดี หรือมีความหวานขึ้นอีกนิสนึง น่าจะจบง่ายกว่านะครับ
ไม่งั้นอาจจะต้องเลยเถิดไปเล่นแยกชิ้น คราวนี้จะจบยากกว่าเดิมอีกเน้อ ^^

ผมฟังแค่ mp3 ไม่เน้นจับผิด เปิดกับ a5+ เสียงพอไหวมั๊ยครับ
มองไว้ทั่ง a2+ b2 a5+ มีงบ 17000
กลัวว่าเพลง mp3 จะไม่เหมาะกับลำโพงแนวนี้

@ jodjod คร้าบบ
เจ้า A5+ ไม่ใช่ลำโพงขี้ฟ้อง หรือจ้องจับผิดแน่ๆๆครับ
สามารถฟังเพลงไฟล์ธรรมดา หรือบันทึกมาไม่ดีได้สบายๆจ้า
ฟังเพลงจาก Youtube ยังแจ่มเลยคร้าบบ ^^

พอดี ผมมีข้อมูลของ Audioengine A5+ ซึ่งคิดว่าพอเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อมาฟัง

ได้บ้าง ที่จะนำเสนอเพิ่มเติม คือ

1 เมื่อได้รับการปรับปรุงเป็น Audioengine รุ่น A5+ แล้วได้รับการ recommended จาก

หนังสือ Stereophile ของอเมริกาว่า มีเสียงดีระดับ class C (Restric low frequency)

ตั้งแต่ ตุลาคม ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน ในราคาคู่ละ $399

มีต่อ

2 ลำโพงใน class C นี้ บางคู่มีราคาสูงถึงหลัก แสน บาท ส่วนใหญ่จะ

มีราคาหลายหมื่นบาทขึ้นไป

class C ตามความหมายของ stereophile มันจะมีเสียงที่เป็น ไฮ-ไฟ ต่ำกว่า

class B และ class A หน่อย แต่ยังให้ความเป็นธรรมชาติกว่าเครื่องเสียงทั่วไป

สินค้าในclass C ยังคงมีคุณภาพสูง แต่ราคายังพอเอื้อมถึง

มีต่อ

ลำโพง Audioengine A5+ ที่มีราคาคู่ละ 15000 บาท และมี Amp ในตัว

และติดลำโพงเสียงดี ระดับ classC ถือว่าเป็นลำโพงที่มีความคุ้มค่า คุ้มราคา เป็นอย่างยิ่ง

เป็นของดีราคาถูก ประหยัด Amp อีกต่างหาก ทำให้ไม่ต้องเลือกซื้อ Amp ที่เข้ากับ

มันได้ เพียงแต่หาสายสัณญาณที่ดีหน่อย (ไม่ต้องแพงมาก)

เราก็จะได้ Amp + ลำโพง เสียงดีระดับ classC

ของดีราคาเท่านี้ หาได้ไม่ง่ายนัก ในระดับนี้

สายสัณญาณ ผมว่า อย่างน้อยต้อง Audioquext. Big sur. ครับ

มีต่อ

จริง จริง แล้วผมมีข้อมูลที่จะเขียน โดยร่างเอาไว้อีกหลายตอน แต่เป็นประสพการ์ณ

ในการปรับปรุงชุดเครื่องเสียงให้เสียงดีขึ้น ซึ่งอาจนอกประเด็นที่เกี่ยวกับ Audioengine A5+

โดยตรง จึงเห็นว่าควรนำเสนอในโอกาสต่อไป

ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่าน ขอให้โชคดี ครับ

ขอบคุณพี่ Bsst สำหรับข้อมูลคร้าบบ
อย่างที่พี่บอกเลยว่า Audioengine A5+ นั้นเป็นลำโพงที่คุ้มค่าเงิน เสียงทำมาได้เกินค่าตัวมากๆๆครับ
แต่ก่อนตอนเป็น A5 ผมเสียงแล้วเฉยๆ แต่พอเป็น A5+ นี่เสียงแจ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยครับ
ต้องขอชมว่าทีมออกแบบ Audioengine นั้นจูนเสียงออกมาได้ดีจริงๆจ้าาา

ตัวนี้ถ้าเปลี่ยนสาย ac กับ สายลำโพง เสียงจะไปไกลกว่าเดิมเยอะมั้ยครับล

ตัวนี้ไม่เหมาะกับเล่นเกมเพราะทวิตเตอร์เป็นผ้า

อยากถามว่า Jbl 4312m ii เหมาะกับเล่นเกมไหมและใช่แอมป์รุ่นไหนดีครับ

@eieieiei ตัวลำโพง 4312M II ยิ่งไม่เหมากับการเล่นเกมส์ใหญ่เลยครับ
ผมแนะนำเป็น Swans M50W ครับ เสียงกระหึ่ม มันส์สะใจกว่าเยอะเลยจ้าา

เทียบกับ edifier s1000db แล้วต่างกันอย่างไรครับผม

ตัว S1000 จะให้เสียงที่คมชัดจะแจ้งกว่าครับ ปรับเสียงชดเชยทุ้มแหลมได้ มี Bluetooth
ส่วน A5+ จะเน้นเสียงนุ่มๆนวลๆ ฟังเพลินๆมากกว่า เสียงแล้วแต่คนชอบเลยจ้าา

A5+ ถ้าเทียบกับ JBL L8 หรือ L16 แล้วแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ

มันเป็นลำโพงคนละแบบครับ เทียบกันคงยาก เพราะการใช้งานคนละที่
A5+ เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นสเตอริโอ เซ็ทบนโต๊ะคอม หรือใส่ขาตั้งมิติ ตำแหน่งเสียงดี

ส่วน L8 L16 มันเหมาะกับวางห้องนอน วางตามห้องนั่งเล่น เน้นฟังเนื้อเสียงอย่างเดียวครับ

สอบถามครับ a5+ ไปไกลกว่า edifier e25 เยอะไหมครับ พอดีผมอยากได้ e25 เพราะดีไซน์ เอาไว้ประดับห้อง พอตั้งกระทู้ถาม ก็เห็นมีแนะนำ a2+ แต่ผมไม่ชอบเพราะมันเล็กไป เพราะผมตอคอมเข้าจอทีวี แล้วจอมันใหญ่ เอาตัวเล็กๆไปวางผมว่ามันจะตลก ก็เลยอยากจะทราบว่าเสียงมันห่างจาก e25 เยอะไหมครับ

ขอบคุณครับ