รอฟังรีวิวจากผู้ลองครับ... ผมงบน้อยแต่สนใจมาก
ถ้าเจ๋งจริงๆน่าสนใจมากเลยครับ เพราะพกพาง่ายมาก (ผมไม่พกแอมป์)

เอาใจช่วยเจ้าของผลงานด้วยครับ ชอบครับinnovationแบบนี้

จอง 1 เส้นครับ

จอง 1 เส้นครับ ขอลองหน่อย

หลักการของมันคือ ?

จอง 1 เส้นครับ

1 ด้วยครับผม

จองครับ

จอง 1 ครัย

ของสเปคสายด้วยสิครับ

ขอรับไว้ 1เส้น ครับ
ขอบคุณครับ
onee

ขอลองครับ 1 เส้น

แหม...ผมบังเอิญมีE30 mod ด้วยสิ ขอรับไว้1เส้นนะครับ

หลักการทำงานอาจคล้ายๆพวกสายเพิ่มโอมห์มั้ง ผมคิดว่านะ

รายชื่อผู้ที่จอง "Tiamat" นะครับ ( ต้อง update ตรงนี้พอดีลืมไปว่าที่นี่ edit กระทู้ไม่ได้ )


1. BBBlue ( ผมลงให้คนแรกตามที่ขอแล้วนะครับ )
2. aoun-aa
3. JuneyJa
4. dwora
5. Bigbass
6. Phalangphol
7. bookzadx
8. onee
9. Man in Black

----------------------------------------------------------- ( เต็มครับ ) ---------------

พิเศษสำหรับคนมี e30Mod ผมให้เป็นพิเศษครับ

10. แจซอล


----------------------------------------------------------------------------------------


เดี๋ยวผมจะทะยอยส่งเลขบัญชีให้ทุกท่านนะครับ


สำหรับคนที่ยังสนใจอยู่แต่จองไม่ทัน ให้ลงชื่อไว้ได้ครับ เพราะบังเอิญมีคนจองทาง e-mail ซึ่งเป็นคนใช้ e30mod ด้วย ยังไงของก็ต้องสั่งมาทำเพิ่มให้ทางเค้าอยู่แล้ว ดังนั้นก็ถือโอกาส

เปิดล๊อต 2 ไปด้วยเลยครับ


ผมคำนวนว่าของที่สั่งมาใหม่อาจจะได้รวมๆอีก 10 กว่าตัวเท่านั้น เนื่องจากของบางอย่างมันเลิกผลิตไปแล้วครับ ผมต้องไปนั่งไล่หาจากพวกคนที่เก็บเป็น stock เก่าๆไว้ ดังนั้น ถ้าจะให้ดี ให้ลงชื่อไว้เลยครับ ผมจะได้หาของพร้อมกันทีเดียว

ล๊อค 2

1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.


==============================================

สำหรับคนที่ถามเรื่องหลักการทำงานนะครับ


หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย

ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงสายยางฉีดน้ำที่พอเราเปลี่ยนหัวทางออกให้เล็กลง น้ำก็จะพุ่งแรงขึ้น เพียงแต่ของ TIAMAT มันไม่ได้บีบเสียงให้พุ่งออกมาดื้อๆเท่านั้นเองครับ มันช่วยจัดเรียงให้ออกมาดีขึ้นด้วย

===============================================

คุณ bigbass ขอ e-mail ใหม่ด้วยครับ เพราะของที่อยู่ในชื่อ account มันส่งไม่ผ่านครับ

จอง 1 เส้นครับ

จอง 1 เส้นครับ
matulee1193@gmail.com

..เพิ่มเติม...
ผมมี e30Mod ล๊อต 2 ตอนนั้นใช้ชื่อจองว่า panisa2000 ครับ
เผื่อจะโชคดีได้สิทธิ์พิเศษ..อิ..อิ.. : )

จอง1เส้นคร้าบ
wwuutt@hotmail.com

จอง1เส้นครับ

อ่านรีวิวแล้วรู้สึกทึ่งเลยครับ แต่แหมไม่น่าเชื่อว่ามันจะให้เสียงดีเหมือนต่อ Dac อยากขอรีวิวคนที่ซื้อไปใชัหน่อยนะครับ และยังไง ก็อย่าเพิ่งเลิกทำเพิ่มนะครับ

ผมว่า ถ้าหลังจากมีใครได้ไป
แล้วกลับมารีวิว จะยิ่งขายดีแน่นอนครับ

bigbass.zab509@gmail.com

UPDATE ล่าสุดนะครับ
------------------------


1. BBBlue ( โอนแล้ว )
2. aoun-aa ( นัดเจอ )
3. JuneyJa ( โอนแล้ว )
4. dwora ( โอนแล้ว )
5. Bigbass
6. Phalangphol
7. bookzadx
8. onee
9. Man in Black

----------------------------------------------------------- ( เต็มครับ ) ---------------

ล๊อต 2 นะครับ
---------------

1. William Wong
2. resc
3. Qvi-xote
4. somchaieim
.
.
.


สำหรับคิวล๊อคสอง ของอาจจะไม่ถึงเดือนแล้วนะครับ น่าจะได้เร็วกว่านั้น เพราะผมกำลังจะจองของชุดสุดท้ายที่คนขายมี แต่ก็ต้องลุ้นอีกทีว่าทันหรือเปล่านะครับ เพราะถ้าหมดผมก็ต้องมานั่งหาใหม่อีกครับ เดี๋ยวพอคิวแรกโอนครับและจัดส่งหมดแล้ว ผมจะบอกเลขบัญชีให้สำหรับคิวสองอีกทีนะครับ



สำหรับคนที่ได้ไป ผมก็อยากให้กลับมารีวิวนะครับ ดีไม่ดีก็ว่ากันไปเลย แต่ตอนที่ขาย e30mod ไปนี่ รีวิวเงียบมาก 5555 ส่วนเลิกทำก็คงไม่ครับ ถ้ามีคนยังอยากได้อยู่ ยกเว้นถ้าของหมดอันนั้นคงไม่ได้ทำต่อแน่ๆครับ

โอนแล้วนะครับ

แล้วผมละครับ อยู่ในล็อตแรกหรือเปล่าครับ ไม่เห็นมีรายชื่อในอัปเดท

UPDATE ล่าสุดนะครับ
------------------------


1. BBBlue ( นัดเจอรับของแล้ว )
2. aoun-aa ( นัดเจอรับของแล้ว )
3. JuneyJa ( โอนแล้ว )
4. dwora ( โอนแล้ว )
5. Bigbass
6. Phalangphol ( โอนแล้ว )
7. bookzadx ( โอนแล้ว )
8. onee ( รอโอน )
9. Man in Black
10. แจซอล ( ขอโทษด้วยครับ ผมลืม copy ลงมาใส่ )
----------------------------------------------------------- ( เต็มครับ ) ---------------


ล๊อต 2 นะครับ
---------------

1. William Wong
2. resc
3. Qvi-xote
4. somchaieim
.
.
.

ใครที่ยังไม่โอน รบกวนโอนไม่เกินวันอังคาร 3 มีนาคม 2558 นะครับ ถ้าเลยไปยังไม่โอนผมขออนุญาติดันคิวสองขึ้นมาเสียบแทนนะครับ เนื่องจากมีแนวโน้มสูงว่าของจะไม่พอเพราะล่าสุดมีปัญหากับ order ต่างประเทศครับ ของที่สั่งไปเกิดหมด ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหาที่อื่นมาทดแทนอยู่ครับ





สำหรับคนที่ได้ไป ผมก็อยากให้กลับมารีวิวนะครับ ดีไม่ดีก็ว่ากันไปเลย แต่ตอนที่ขาย e30mod ไปนี่ รีวิวเงียบมาก 5555 ส่วนเลิกทำก็คงไม่ครับ ถ้ามีคนยังอยากได้อยู่ ยกเว้นถ้าของหมดอันนั้นคงไม่ได้ทำต่อแน่ๆครับ


[[ update ]] ตอนนี้มีคนได้ของไปบ้างแล้ว เดี๋ยวคงมีรีวิวให้เห็นเร็วๆนี้

ผมจอง1 เส้นครับchanchitt@hotmail.com

สงสัยอะครับ จัดเรียง e- นี่ใช้หลักการไหนครับ ยังไง e- ที่ผ่าน ต้องมี Flux เท่าเดิมนะครับ ถ้าบอกว่าเหมือนสายยางรดน้ำ ถ้าเราเอาอะไรมากั้น น้ำพุ่งแรงก็จริง แต่ไม่มองหรอครับว่า เราต้องเอาสายใหญ่มาต่ออีก มันจะยิ่งมีความปั่นป่วนหรือเปล่า นึกถึงเอาสายยางตู้ปลามาต่อกับสายดับเพลิง น่าดูทีเดียว
แม้แต่ให้ e- วิ่งตามระนาบของ C บน Nanotube พอรวมกันก็เหมือนเดิมครับ

ยิ่งเอาไปต่อขั้นอีก ไม่ดรอปหรอครับ Impedance ทำไงให้ไม่ Missmatch ครับ

รีบขายจังครับ .....

รอดูกันไป 555

มันใช่สายเพิ่มโอมเส้นละ 2700 รึปล่าวครับ

มันเสียงดีขึ้นได้ยังไง ยังงี้ เวลาเปิดก็ต้องเร่ง Volume มากขึ้นรึปล่าวครับ

หลักการการทำงานโดยละเอียดคืออะไรครับ

มันไม่ใช่สายเพิ่มโอห์มครับ....
ผมเองก็เป็นคนนึงที่สงสัย ว่ามันทำอะไรได้
คิดเหมือนกันว่าหลักการเหมือนตัวที่พี่ท่านนึงทำไว้ไหม
บวกกับราคาค่าตัวมัน... เลยยังไม่กล้าจับจองเป็นเจ้าของ

จนเมื่อวาน...ได้เจอพี่ท่านนึง ซึ่งก็พูดคุยเรื่องอื่นๆทั่วไป
แอบเหลือบไปเห็นเจ้าสายนี่... ก็ว่ามันคุ้นๆ
และมันก็คือ TIAMAT นี่ล่ะ...

ผมประเมินมันไว้ แบบประมาณว่า โม้ รึเปล่า...สายอะไร
จะเปลี่ยนเสียงได้.... งานนี้ได้ลองแค่กับมือถือ HP SLATE 6
ต่อตรงกับ Yuin GA2...

ผมลองเพลงแนว Techno , R&B , หนังเรื่อง WorldWar Z
ผลระหว่างต่อตรง กะผ่าน Tiamat .....
มันต่างจริงๆครับ.... สิ่งที่เขาพูดถูก.....

- เสียงอ้อมมากขึ้น อันนี้ใช่ตอนดูหนังรู้สึกว่าตรงนี้เปลี่ยน
- เบส...นี่ชัด นิ่งกว่าต่อตรงจริงๆครับ...
- แหลม... อันนี้ฟรุ้งฟริ้ง ดีกว่าต่อตรง
- Volume ใช้เท่าเดิมนะครับ.... เสียงเหมือนเดิมไม่มีเบาลง/ดังขึ้น

สรุปคือ.... โดยรวมๆ.... งานนี้มันทำได้อย่างที่โม้ไว้ครับ...

แต่...ผมยังอยากลองกะหูฟังอีกหลายตัว....เพราะอยากลอง
กับหูฟังที่มีข้อเสีย....เช่นเบสบวม สูงแหลมบาด.... ว่าถ้า
ผ่านสายนี้แล้วมันจะทำได้ดีไหม.... ผมคิดว่าหูฟังแย่ๆ....
ถ้าใช้สายนี้คงเห็นผลมากกว่าหูฟังที่มันดีอยู่แล้ว... ไม่ใช่ไม่ดีขึ้น
แต่ Gap ความดีขึ้นมันอาจชัดน้อยกว่าหูฟังที่มีข้อบกพร่องในตัวเองอยู่แล้ว

ยังไง....ก็ลองด้วยตัวเองนะครับ.... ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร
คนขายก็ไม่เคยเจอ.... แค่โชคดีได้ลองจากคนที่เขาซื้อมาแล้วเท่านั้น..
เพื่อนๆต้องลองด้วยตัวเอง...เอาหูฟังไปลอง...หลายๆตัวยิ่งดี
แล้วตัดสินเอาว่า 2 พันกว่าบาทนั้น...มันสร้างความพึงพอใจให้ได้ไหม
ถ้าได้ก็จัดเลยครับ....

ส่วนใครได้ไปแล้วไม่ชอบ... ปล่อยต่อราคาย่อมเยาว์ ผมอาจขอรับต่อไว้
สักตัวครับ.... ^_^


.

อันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ด้วยระยะของสายและขนาดของสาย คงไม่ส่งผลให้เกิด impedance mismatch ได้ ซึ่งจริงๆอาการ "impedance mismatch" แค่เพียงฟังดูก็รู้แล้วครับ ที่สำคัญ ถ้ามันเกิด "impedance mismatch" จริงๆ เสียงคงจะออกมาตามที่รีวิวไม่ได้อยู่แล้ว

และโดยปรกติสายยิ่งใหญ่ ยิ่งไม่ต้านกระแสนะครับ ในทางกลับกัน มันกลับทำให้กระแสไหลแรงมากขึ้นจนกลายเป็นกินกระแสในระบบมากเกินไป ผลคือ player อาจจะเกิดอาการร้อนจนโอเวอร์ฮีทได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลำพังแค่สายอย่างเดียวก็คงไม่ทำให้เกิดผลได้ขนาดนั้น ก็ต้องอยู่ที่ระบบปลายทางด้วย ถ้าปลายทางยิ่งโอห์มต่ำ ยิ่งดึงกระแสมากๆ ก็ยิ่งให้ผลดังกล่าว

จริงๆถ้าจะพูดถึง "impedance mismatch" ก็ต้องว่ากันถึงภาพรวมของทั้งระบบ ทั้ง source ต้นทาง และ load ปลายทางเพราะโดยปรกติอาการของ "impedance mismatch" มักจะเกิดจากการที่ load รองรับโอห์มได้ต่ำกว่าที่ source ปล่อยให้ ส่วนสายที่เป็นเพียงตัวกลางเราควรจะมาคุยกันที่เรื่อง "impedance" กันมากกว่าครับ


สำหรับการใช้งานของสายเพิ่มโอห์มและ Tiamat เป็นการทำงานคนละวัตถุประสงค์กันเลยครับ เพราะสายเพิ่มโอห์มจะต้านกระแส แต่ Tiamat แค่เพียงจัดเรียงกระแสครับ


ถามว่าหลักการทำงานโดยละเอียดคืออะไร ผมก็คงตอบให้ละเอียดไม่ได้เช่นกันครับ เพราะมันไม่ได้มีภาควงจรควบคุมการทำงานใดๆ เพราะมันเป็นเเพียงแค่โครงสร้างง่ายๆถ้าเป็นแอมป์หรือ DAC ผมยังพอบอกหลักการทำงานได้ แต่เรื่องของสายแบบนี้นี่ ผมทำหน้าที่แค่เป็น "ผู้ออกแบบ" คงไม่สามารถลงลึกไปในรายละเอียดได้เท่าผู้ที่อยู่ในโลกของวิศวกรรมไฟฟ้าครับ

และถ้าอ่านกันในรีวิวดีๆ ผมได้บอกเอาไว้แล้วว่า สายมันไม่อั้นกระแส ดังนั้นเวลาใช้งานจริงๆใช้ที่ volume เดิมก็ได้ครับ แต่ความแตกต่างระหว่างการต่อ tiamat กับ การต่อตรง จะยิ่งมากขึ้นที่ระดับ volume ที่สูงขึ้น

ดังนั้น สำหรับผม หลักการของมันก็คือ "ต่อเสียบแล้วเสียงดีขึ้น" เท่านั้นเองครับ :)

หรอครับ ต้นทางกากเช่นmp3ผ่านtiamat แล้วกลับมาหูฟังเดิม ...ต่อเสียบแล้วเสียงดีขึ้น หรือเสียงมันเพี้ยนขึ้น แล้วกลบเกลื้อนความสากของไฟลเพลงเดิมรึป่าวครับ ผมอ่านมายังงงอยู้ลยครับ รบกวนทีครับผมหูพึ่งเข้าวงการ


ผิดพราดอย่างไรโปรชี้นำครับ

และโดยปรกติสายยิ่งใหญ่ ยิ่งไม่ต้านกระแสนะครับ ในทางกลับกัน มันกลับทำให้กระแสไหลแรงมากขึ้นจนกลายเป็นกินกระแสในระบบมากเกินไป ผลคือ player อาจจะเกิดอาการร้อนจนโอเวอร์ฮีทได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลำพังแค่สายอย่างเดียวก็คงไม่ทำให้เกิดผลได้ขนาดนั้น ก็ต้องอยู่ที่ระบบปลายทางด้วย ถ้าปลายทางยิ่งโอห์มต่ำ ยิ่งดึงกระแสมากๆ ก็ยิ่งให้ผลดังกล่าว



ผมว่า เขาน่าจะหมายถึงค่า Capacitance มากกว่านะครับ

ส่วนค่า R ที่ จขกท พูดถึง ยิ่ง R มาก ยิ่ง Loss สูงครับ แล้วหลุดออกเป็นพลังงานความร้อนที่สายได้ด้วยซ้ำ แต่!!! ทำไมเราอยากให้สาย R ต่ำๆ เพราะเราต้องการให้พลังงานไปสูญเสียที่ไดรเวอร์ในรูปของพลังงานกล เป็นคลื่นเสียงครับ ไม่ใช่ให้ไปดรอปที่สายหมดครับ ไม่งั้นเขาคงเอา R ใหญ่ๆ ใส่ภาคเอาท์กันหมดแล้วครับ

จัดเรียงอิเล็กตรอนใหม่นี่มันยังไงเหรอครับ ปกติแล้วมันต้องมีพลังงานมาเกี่ยวข้องไม่ใช่เหรอครับแล้วมีปัจจัยอื่นๆอีกเอนโทรปีเอนทาลปี ชนิดของตัวนำเอย เท่าที่ดูมันเป็นแค่โครงสร้างเอง การเอาอะไรมาต่อแบบนี้ส่วยใหญ่เสียงมันก็เปลี่ยน เปลี่ยนแค่แจ็คเสียงก็เปลี่ยนนิดๆล่ะ ใครได้รับของแล้วรีววิวหรือชำแหละให้ดูหน่อยครับ ขอรูปด้วยนะครับ

ใช้ต่อระหว่าง ak240 กับ shure 846 จะเห็นผลรึป่าวน้อ
ที่อยากลองเพราะผมเป็นพวกไม่ชอบต่อแอมป์

ไอ้สายต่อแบบนี้เคยมีมาแล้วครับ

ตามนี้ครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=75732

คล้ายกันเลย 555+

ไม่มีให้ลองฟังเหรอ ?

ผมว่ามันเป็นหลักการจูนเสียงด้วยสายรึเปล่าครับ สัญญาณดรอปลงแน่ๆ แต่คงไม่มากถึงขั้นฟังออก แต่เสียงที่ได้เข้ารูป เข้ารอยมากขึ้น ทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าท่านใช้ DAP แพงๆ หรือ DAC แพงๆ วงจรแบบนี้ต้องรวมอยู่ในเครื่องแล้ว ไม่ควรเอาสายแบบนี้ไปต่อให้มันดรอป น่าจะเหมาะกับพวกเครื่องเล่นธรรมดาๆ ถึงระดับล่าง ที่วงจรมันไม่ดี หรือวงจรพื้นๆ

แต่ก็ยังงง ถ้าเป็นการจูนเสียง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เหมาะกับทุกเครื่องเล่น บางเครื่องต่อไปอาจได้เสียงที่ไม่ถูกใจก็เป็นได้ หรืออาจหาจนเจออะไรที่มันกลมกล่อม เข้ากับเครื่องเล่นได้ทุกแบบ ซึ่งก็ยากอยู่เหมือนกัน

ผมว่าหลักการเหมือนสายที่จูน ER-4P ไปเป็น ER-4S อ่ะแหละครับ

ปล. คหสต.ล้วนๆ

น่าลอง แต่ขอรอรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก่อน
อย่าลืมมารีวิวนะครับ

ดีครับทำไปเถอะ ถ้าทำแล้วเสียงดีขึ้นได้

มีส่งเวียนให้ลองฟังสักเส้นนึงสิครับ

เรื่องหลักการในทางทฤษฎีอย่าไปซีเรียสเลยครับ จขกท สรุปไว้แล้วครับว่า

"ดังนั้น สำหรับผม หลักการของมันก็คือ "ต่อเสียบแล้วเสียงดีขึ้น" เท่านั้นเองครับ :)"

คราวนี้เราก็มารอรีวิวกันดีกว่าครับ หรือถ้า จขกท จะส่งเวียนสักเส้น ตามที่คุณ GU แนะนำก็ดีครับ ผมเห็นด้วยครับ

มีความสุขในการฟังเพลงกันดีกว่าครับ อิอิ

ขอดูรูปรูเสียบหน่อยครับ

มันมีไว้เสียบเข้าหูฟังหรือเสียบเข้าเครื่่องเล่นครับนี่

UPDATE ล่าสุดนะครับ
------------------------


1. BBBlue ( นัดเจอรับของแล้ว )
2. aoun-aa ( นัดเจอรับของแล้ว )
3. JuneyJa ( โอนแล้ว )
4. dwora ( โอนแล้ว )
5. Bigbass
6. Phalangphol ( โอนแล้ว )
7. bookzadx ( โอนแล้ว )
8. onee ( โอนแล้ว )
9. Man in Black ( โอนแล้ว )
10. แจซอล ( โอนแล้ว )
----------------------------------------------------------- ( เต็มครับ ) ---------------


ล๊อต 2 นะครับ
---------------

1. William Wong
2. resc
3. Qvi-xote
4. somchaieim
5. Slayer
.
.

-----------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องสายผมจะตอบให้อีกทีนะครับ

สำหรับเรื่องเพี้ยนหรือเปล่า ขอบอกได้เลยครับว่าไม่ทำให้เสียงเพี้ยนครับ คือมันไม่ได้ไปชดเชยเสียงเหมือนพวก sound processor และไม่ได้มีการปรับแต่งแบบ Equalizer ดังนั้นมันไม่เพี้ยนแน่นอน เพลง MP3 ถ้า file มาแบบแย่ๆก็คงไม่ทำให้มันเทพขึ้นไปได้อยู่แล้วครับ เพราะสิ่งที่ Tiamat ทำก็แค่ไปเปลี่ยนภาพรวมของระบบให้ดีขึ้นมากกว่า


ส่วนเรื่องหลักการจูนเสียงนั้น เรียกว่าเป็นแบบนั้นได้เลยครับ เพียงแต่มันไม่ได้ดรอปอย่างที่เข้าใจ เพราะมันไม่เหมือนกรณีของ 4P มาเป็น 4S เพราะอันนั้นใช้หลักการเพิ่มโอห์มของสายให้สูงเพื่อให้กระแสไหลได้ช้าลง 4P จึงมีมวลเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องใช้แอมป์ช่วยเพื่อให้ขับได้ง่ายขึ้น

และสายมันไม่ได้มีบุคลิกเสียง ดังนั้นมันจึงไม่ไปยุ่งกับ signature เดิมๆของ player นั้นๆครับ การเปลี่ยนของมันเพียงแค่ทำให้ภาพรวมดีขึ้นเท่านั้นเอง และผมได้เทสกับ DAP ตั้งแต่ถูกไปยันราคาแพงแล้ว ทุกตัวล้วนดีขึ้นทั้งหมด ยังไม่เจอว่าใช้กับตัวไหนแล้วแย่ลงเหมือนกัน



บางครั้งคนเราใส่ใจเรื่อง SPEC มากเกินไปหรือเปล่า อย่าลืมว่าเรากำลังฟังเพลง เราไม่ได้กำลังฟัง SPEC หรือฟังวิธีการทำงาน มันไม่ได้เหมือน PC ที่ SPEC แรงแสดงว่าดีนะครับ เรื่องของการฟังเพลง เราฟังกันที่สุนทรียะ แม้ไปเจอ Player ราคาแสนแพง หรือหูฟังแพงๆ แต่ถ้าฟังเพลงแล้วมันไม่รู้สึกว่าไพเราะ รู้สึกไม่ถูกหู ทุกอย่างมันก็จบครับ ในทางกลับกัน ถ้าเราต่อฟังเพลงกับมือถือ แต่เสียงมันถูกใจเรา นั้นก็แปลว่าเราบรรลุถึงสุนทรียะการฟังเพลงแล้วละครับ

สิ่งที่ผมทำมาเพียงเพื่อจะเสนอรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้นักฟังเพลงในทุกๆระดับ โดยเฉพาะคนที่ไม่สามารถจะซื้อหูฟังหรือ DAP แพงๆ ได้สัมผัสถึงคุณภาพเสียงในระดับใกล้เคียงที่ DAP แพงๆ หรือ หูฟังแพงๆ ทำได้ และก็ไม่ได้ทอดทิ้งนักฟังเพลงระดับสูง ที่ควานหาสิ่งที่ช่วยเติมเต็มการฟังเพลงของเค้าให้ได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ผมจึงใช้เวลา 1 ปี ทั้งทำการทดสอบปรับปรุง เพื่อให้ลงตัวกับ DAP ทุกระดับชั้นครับ ซึ่งไอเดียที่จะทำของชิ้นนี้ ผมริเริ่มมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนด้วยซ้ำครับ ดังนั้นของที่ผมทำทุกชิ้น ไม่มีคำว่า " รีบ " ครับ


จะเทคโนโลยีอะไร หลักการทำงานมันเป็นแบบไหน มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เสียบแล้วทำให้เสียงดีขึ้นจนเราพอใจ ฟังแล้วมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม "เมื่อเราฟังแล้วรู้สึกดี" อื่นๆใดๆก็ไม่สำคัญแล้วละครับ


และนี่คือหลักการในการออกแบบของผมทุกชิ้น เพราะผมถือว่า ศิลปินแม้ไม่รู้วิธีผลิตเฟรม แต่ก็สามารถรังสรรค์ผลงานออกได้สมบูรณ์เช่นเดียวกัน และ

ตัวผมเอง ก็ชื่นชมศิลปินที่ผลงาน ไม่ได้ชื่นชมที่วิธีการ ครับ

ถูกใจคำตอบมากครับ Fin

ผมเห็นด้วยนะครับ จะมาเถียงกันเรื่องวิชาการ
ให้มันได้อะไรขึ้นมา คุณแค่หยุดวิจารณ์คนทำ
แล้วมาทดลอง ทดสอบผลงานเค้าดีกว่าไหมครับ
ถ้าดี ถ้าถูกใจ ก็เหมือนได้เจอของดีๆใหม่ให้ลองกัน
ถ้าไม่ถูกใจ ไม่ดีอย่างที่คิด ก็กลับไปเล่นที่เคยมี

มันก็แค่นั้นเอง ให้กำลังใจกันเถอะครับ
จะได้มีคนเก่งๆมาแสดงฝีมือให้เราได้ชื่นชมกัน
ไม่งั้นเด็กรุ่นหลังสมองฝ่อหมดครับ ไม่กล้าทำอะไรมาแสดง
เพราะมีแต่พวกเก่ง แต่ไม่ทำ คอยมาตินู่นนี่ตลอดเวลา

ถ้าเก่งนักก็ทำออกมาเลย จะดีมาก ทำออกมาให้ดีกว่าที่ตัวเองวิจารณ์ครับ
ดีกว่ากดคียอร์ด เอาแต่บั่นทอนกำลังใจคนที่เค้าทำออกมาครับ

ดูดีๆ ครับ การฟังเพลง มันเป็นความสุข
แต่บางที การคาดหวังให้เสียงมันดียขึ้นโดยอุปกรณ์ มันก็เป้นความทุกข์ได้
ฉะนั้น เบาๆ เอาให้สมดุลดีกว่า
แต่ผมยังเชื่อว่า ถ้าหลักการถูก ยังไง ผลลัพธ์ ก็ไม่มีทางผิด
แต่ถ้าเอาแต่ผลลัพธ์ ไม่อิงหลักการ ก็ไม่ต่างจากคุณไสย ไสยศาสตร์ จับต้องไม่ได้ ลอยๆไร้หลัก

อ่อ ไม่ได้จะชวนทะเลาะหรือ ดิสเครดิต อะไรนะครับ แค่อยากให้เข้าใจคนทุกกลุ่มบางคนเค้าก็อยากรู้ แล้วทุกวันนี้เราฟังเพลง อิง spec ทั้งนั้น ตั้งแต่ ไฟล์ เพลงแล้ว
ป.ล. ผมหมายถึงความเห็นบนนะ อ่านแล้วรู้สึกมันไม่ถูกต้อง งั้นเวลาสั่งข้าวกินไม่อร่อย คงต้องไปสอนแม่ค้าทำทุกร้านละมั้งครับ ในตรรกะง่ายๆแบบนั้น

ผู้บริโภคย่อมมีสิทธิรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะเงินนั้นมิใช่หามาโดยง่าย การจะซื้ออะไรก็ตามถ้าเป็นคนที่ทำงานหาเงินมาด้วยตนเองและมีหัวคิดมีประสบการณ์ผ่านโลกมามาก เวลาเขาจะซื้ออะไรเขาคิดมากกว่าที่คุณคิดเวลาคุณพิมพ์นะคุณ P การที่เขาอยากจะรู้หลักการมันก็เรื่องเขา ผู้ผลิตจะไม่บอกก็เรื่องของเขาเช่นกันผมเห็นคนที่โพสก่อนหน้านี้เค้าถามเพราะว่าเขาอยากรู้ทั้งนั้นไม่ได้มีใครถามเพราะต้องการดิสเครดิตแต่อย่างไร คนเก่งจริงน่ะครับเขาไม่ได้สักแต่ประดิษฐ์คิดค้นอะไรออกมาแต่เขาสามารถอธิบายสิ่งที่เขารู้ให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วย สังเกตมั่งสิครับคุณ P ของมือสองที่นำมาขายในบอร์ดเฮียที่มันออกไวๆส่วนนึงเพราะผู้ขายใส่รายล่ะเอียดของสินค้าครบถ้วนตามที่ควรจะมีเพื่อให้ผู้ซื้อสบายใจ จำใว้นะเงินมิใช่หามาได้โดยง่าย

ส่วนเรื่องหลักการจูนเสียงนั้น เรียกว่าเป็นแบบนั้นได้เลยครับ เพียงแต่มันไม่ได้ดรอปอย่างที่เข้าใจ เพราะมันไม่เหมือนกรณีของ 4P มาเป็น 4S เพราะอันนั้นใช้หลักการเพิ่มโอห์มของสายให้สูงเพื่อให้กระแสไหลได้ช้าลง 4P จึงมีมวลเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องใช้แอมป์ช่วยเพื่อให้ขับได้ง่ายขึ้น

ผมไม่ได้สงสัยในอุปกรณ์นะครับ แต่สงสัยให้หลักการที่ จขกท ยกขึ้นมา อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ครับ ถ้าจะยกฟิสิกส์มาบอกสรรพคุณ ก็ต้องยอมรับว่าจะเจอคำถามเชิงฟิสิกกลับเช่นกัน การเพิ่ม โอมให้สูง ไม่เคยทำให้กระแสไหลช้าลงนะครับ แต่เป็นการทำให้ "กระแส" ไหลในปริมาณที่ลดลงต่างหาก เมื่อคงที่ความต่างศักย์ไว้ หลักการของสายเพิ่มโอมห์ คือ ลดความดังเสียงโดย ต้านกระแสเอาไว้ เพื่อให้เราสามารถใช้แอมป์ตัวใหญ่ ประสิทธิภาพสูง และเร่งวอลุ่มให้อยู่ในจุดที่จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยเสียงยังอยู่ในระดับที่พอดีต่อการฟังต่างหากครับ ขอบคุณครับ

ปล.ไม่ได้มาดิสเครดิตนะครับ แต่ถ้าเเอาหลักการฟิสิกมาใช้ ก็ต้องพูดถึงงความเป็นไปได้ในเชิงฟิสิกส์ด้วยครับ

ปล2.การจูนเสียงของสาย มักมีผลจาก Damping ,SkinEffect,Impedance,EddyCurrent,EMF ซึ่งส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ในเชิงฟิสิกส์ครับ

เพิ่มเติมนิดนึงครับ ย่อหน้าแรกของโพสต์ก่อนหน้า อ้างอิงมาจากโพสต์ของ จขกท.นะครับ

Filefire ย้อนกลับไปอ่านทุก reply ดีๆ
ส่วนอันของผม ผมสื่อถึงอะไร อ่านแล้วคิด
ผมเองก็เป็นคนนึงที่สงสัยหลักการ และอยากรู้ถึง
วิธีและทฤษฎีการทำงานของสายไม่ต่างจากคนอื่นครับ
แต่ เจ้าของกระทู้เขาก็บอกแล้วว่า เป็นว่าถ้าสายนี้
มันผสมรวมกับระบบที่ใช้อยู่แล้วนั้น พอฟังมันแล้ว
ผลออกมาทำให้เรามีความสุขขึ้น นั่นก็คือเราแฮปปี้แล้ว
ถือว่ามันทำหน้าที่ได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว ส่วนที่ว่าค่าตัวมันเหมาะสมไหม
นั่นเป็นดุลยพินิจที่แต่ละคนจะว่ากันไปครับ ง่ายๆเท่านี้
ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรแพงหรือไม่แพง หลายๆท่านในนี้
ก็มีของดีๆราคาสูงๆทั้งนั้น แล้วทำไมเราถึงซื้อมันมาล่ะครับ
ถ้าไม่ใช่เพราะเราพึงพอใจในผลลัพธ์ของมัน
ผมแค่จะบอกว่า หลักการมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง นั้นก็ใช่ครับ
น้องๆพี่ๆที่ร่วมแบ่งปันความรู้ในกระทู้ ก็ทำให้ผมได้รู้สิ่งดีๆมาประกอบ
การตัดสินใจเช่นเดียวกันครับ แต่เจ้าของกระทู้ก็บอกแล้ว ว่าลองดู
มาลองสิ่งที่เขาทำออกมา หากได้มีโอกาสลองฟังกันแล้ว มันไม่ตรง
ก็ถือว่าได้มาลอง มาคุยเพื่อปรับเพื่อแก้ให้ดีต่อไปเรื่อยๆ
เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับเงินหายาก หาง่ายครับคุณ Filefire สังเกตุด้วยครับ

ทีตอนแรกยกหลักการมาอ้าง พอเจอคนรุ้หลักการจริงๆเงิบดิ แล้วทีนี้มีการมาบอก ฟังแล้วชอบพอ แหม่

ถามครั้งที่ 2 มีให้ลองฟังมั้ย ?

ผมว่า หลักการฟังเพลงจริงๆ คือเราฟังแล้วชอบก็คือจบ มันก้ใช่เลยนะครับ

แต่การจะซื้ออะไรซักอย่างมาเข้าในระบบ การรับรู้ว่ามันคืออะไร ทำงานยังไง ก่อนจ่ายเงินซื้อก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องเช่นกันนะครับ ของพวกนี้เล่นกับเทคโนโลยี ไม่ได้เล่นกับไสยศาสตร์ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีที่มาที่ไปที่ตอบโจทย์น่าจะเป็นรูปธรรมได้ชัดเจน หากกล่างอ้างทางฟิสิกมา ผมก็ว่ามันแย้งๆกันอยู่กับหลักการหลายอย่าง อย่างที่มี คห. บนๆกล่าวถึงไปครับ

คหสต ผมมองว่าตัวนี้ น่าจะออกแบบเหมือนพวกทำสายเพิ่มโอห์ม แต่วิธีและจุดประสงค์คนละอย่าง อาจจะไม่ได้ใส่ค่า r ให้กินกระแสเพิ่ม แต่เป็นการใส่เพื่อแต่งเสียง เลือกเกรด และรุ่นที่นำมาใช้ อีกทั้งอาศัยตัวนำช่วงตรงกลางระหว่างแจ็คกับตัวเมีย เป็นตัวเปลี่ยนบุคลิคของเสียงอีกที เมื่อมีอะไรมาคั่นกลาง เสียงมันก็ย่อมแต่งเปลี่ยนไป โดยเป็นได้ทั้งดีขึ้นและแย่ลงตามแต่ถูกจริตคนฟังตามความเข้าใจของผมนะครับ

ท้ายที่สุดนี่ผมแค่แสดงความคิดเห็นนะครับ ชอบที่มาแย้งกันด้วยเหตุและผล คนที่เข้ามาอ่านก็ได้ความรู้ไปด้วย

ของแบบนี้มันมโนกันง่ายนะครับ

บางทีมันไม่ได้ทำให้เสียงทุกย่านดีขึ้น

แต่แค่มันแต่งเสียงแล้วถูกใจคนฟังมากขึ้น

แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบแนวของคุณ g7 มาฟัง

ผมว่าเค้าก็จะบอกว่าสายลวงโลกครับ เพราะเค้าไม่ได้เสียงที่ชอบ

ถ้าเป็นหลักการจูนเสียง บางทีก็เหมือนไสยศาสตร์จริงๆนะครับ ยังหาทฤษฎีเอามาจับไม่ได้ แต่สามารถรู้สึกได้ วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ทุกอย่างหรอกครับ ไม่งั้นคงไม่มีการค้นคว้าวิจัย บางทีคนทำเองก็ยังหาหลักการมาตอบไม่ได้ แค่รู้สึกได้ ถ้าเราชอบประสบการ์ณใหม่ๆเราก็น่าลองครับ ถ้ายึดหลักการเกินไป บางทีก็อาจไม่ค้นพบสิ่งใหม่ๆ

แต่ถ้าเอาชัวร์สุด หาลองฟังครับ ถ้ารู้สึกได้แปลว่าจริง โดยไม่จำเป็นต้องปวดหัวกับหลักการหรอกครับ เอาแบบที่ตัวเองรู้สึกได้ ดีที่สุดครับ

แหม่จูนเสียงใข้ไสยศาสตร์ทำรึไงวะ ตัวนำ ฉนวน แจ็คมีผลเป็นรูปธรรม อย่าแถ
หูฟังใช้หลักวิทยาศาสตร์ทำ ไม่ใช่ไสยศาสตร์

มาเหมือนยารัษาโรคครอบจักวาลสมัยเอางูมาโชว์ตามตลาดนัดแลย มันไม่มีหรอกที่จะต่อได้หมดแล้วดีขึ้นโดยไม่ยุ่งกับเสียง ในความคิดของเรามันคือตัวแปรราคาแพงที่เพิ่มเข้ามายิ่งตัวแปลมากผลที่คาดเดายากก็เพิ่มมากขึ้น มันดีขนาดนั้นเลยนั่นคือคำถามกับเงินที่ต้องจ่ายโดยมีหลีกการคลุมเครือไสยศาสตร์ คือการหากินกับความเชื่อ มันเป็นไปได้ไงที่ต่อกับเครืองระดับกลางล่างจนถึงแพงๆ ข้างในคงไม่ได้ไส่ CPU ไว้อ่านว่าต่อกับอะไรอยู่หรือยิ่งอ่าน ที่คุณg7 เหมือนไปทางโน้นทีทางนี้ทีตอนแรกวิชาการสุดท้ายเป็นความรู้สึกผมว่าเอาที่ทดลองมานี้ได้ผลอย่างที่ว่าไปจดสิทธิบัตรขายไห้ผู้ผลิตโดยตรงดีกว่าไหม ถ้ามันดีครอบจักวาลขนาดนั้นเราว่าได้ไม่ต่ำกว่าล้านเหรียนแน่นอนลงทุนวัสดุแค่นี้ขายได้ขนาดนี้เห็น

รอของครับ ถ้าผมฟังความต่างออกจะมารีวิวให้ฟัง

แต่โอนเงินไปแต่ 27 ตอนนี้เงียบไปเลย
น่าจะแจ้งสักนิดนึงครับ ว่าส่งได้วันไหน
ส่งรึยัง เลขส่งอะไร แจ้งว่าได้รับเงินโอนแล้วแค่นั้นเอง

คุณ Juney Ja อย่าลืมมารีวิวนะครับ ผมอยากรู้จริงๆว่ามันเป็นแค่แจ็คกับสายเท่านั้นหรือเปล่า
ผมคิดว่ามันทำให้เสียงเปลี่ยนแน่ๆครับ ปัญหาคือมันทำให้เสียงดีขึ้นทุกย่านจริงๆหรือเปล่าหรือทำให้ฟัง
แล้วรู้สึกว่าติดหูง่ายขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ทำให้รายละเอียดเสียงดีขึ้น หรือมันช่วยได้จริงๆ ช่วยทดสอบทั้งต่อตรง
กับแอมป์ด้วยจะดีมากเลยครับ คือผมไม่ค่อยเชื่ออ่าครับเพราะวัสดุอะไรทำก็ไมรู้ ราคาต้นทุนมันเท่าไหร่และมันคุ้มค่าไหมเพราะผมว่าซื้อหูฟังดีๆที่เปลี่ยนสายได้ต่อให้แพงมันก็สบายใจกว่าเพราะรู้ว่าวัสดุตัวนๆมันเป็นอะไรดีอย่างไร และสายนี่บางคนอาจจะไม่ชอบแนวเสียงห็ได้ถ้ารู้วัสดุคนซื้อจะพอเดาทางได้บ้าง

ถ้าใครอยากลองฟัง นัดเจอได้นะครับ เพราะผมก็นัดเจอกับคนที่อยู่ใกล้ๆให้ลองฟังก่อนเอาไปอยู่แล้ว ส่วนคนอยู่ไกลๆก็จำเป็นต้องใช้วิธีโอนก่อนแล้วค่อยส่งของน่ะครับ คุณ stocamadas สนใจก็นัดเจอกันได้เลยครับ e-mail มาหาผมได้เลย


เรื่องหลักการนั้น ผมอธิบายได้แค่เพียงภาพกว้างๆ เพราะตัวผมเองก็ไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้า หรือเชียวชาญทางด้านนั้น เข้าสายเองผมยังทำไม่เป็นเลยครับ ต้องให้ช่างส่วนตัวเป็นคนทำให้ ดังนั้นผมเลยไม่สามารถอธิบายลงได้ลึกในรายละเอียดขนาดนั้น ตัวผมเองทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้ทดสอบและออกแบบ" เท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ประดิษฐ์ เพราะแม้กระทั่งคนทำแอมป์เองที่ผมรู้จักหลายๆคน เค้าก็ไม่สามารถอธิบายโดยละเอียดว่า เสียงแอมป์ที่เค้าทำออกมาดีได้ เป็นเพราะอะไร เพียงแค่เค้าสามารถสโคปงานได้ว่า การเปลี่ยนใช้วัสดุนั้น opamp ตรงนี้ เดินวงจรแบบนี้ ใช้แบตเตอร์รี่อันนี้ จะสามรถทำให้เสียงดีได้ ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่ทำ ก็มักจะเจอตัวแปรแปลกๆที่ทำให้เสียงแต่ละตัวออกมาไม่เหมือนกัน กระทั่งสาย Tiamat เอง เมื่อทำเสร็จออกมา ก็พบว่า มันให้เสียงไม่เหมือนกัน ก็ต้องมานั่งแก้ให้เสียงออกมาเท่านั้น ซึ่งการจะวัดว่ามันเท่ากันหรือไม่ ผมใช้แค่ "หู" กับ "ประสบการณ์" เท่านั้นเอง เนื่องจากไม่สามารถหาเครื่องมือในการวัดค่ามาได้ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะทำขายในระดับอุตสาหกรรม ความตั้งใจแรกคือ ทำขึ้นเพื่อ แบ่งปันให้คนเล่นด้วยกันเอาไปใช้ เท่านั้นเอง


ดังนั้นการเปลี่ยนของเสียงที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้แน่นอนครับ แค่ผมไม่สามารถอธิบายได้ลึกซึ้งถึงแก่นของทั้งระบบได้ได้ เพียงอธิบายได้ในระดับแค่พอเข้าใจเบื้องต้นเท่านั้น เอาไว้เดี๋ยวผมไปลงสมัครเรียนวิศวกรรมไฟฟ้าและจบตรีมาอีกซักใบ แล้วผมจะกลับมาอธิบายให้ละเอียดว่า เหตุและผล มันเกิดจากอะไรที่ได้ออกมาแบบนี้นะครับ


ทุกอย่างก็คล้ายๆกับที่คุณ JokE_zZz บอกนั่นแหละครับ แต่จริงๆมันอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ เพียงแต่การจะอธิบายได้ละเอียด เราต้องมีเครื่องมือที่มันวัดค่าได้แบบแน่นอน แม้กระทั่งการผลิตหูฟังในแบบ custom นั้น ก็ยังไม่สามารถทำให้เสียงออกมาเหมือนกันทุกตัวได้ แม้จะมีเครื่องมือวัดค่าแล้วก็ตาม อะไรที่มันเกี่ยวกับเสียง มักจะมีอะไรพิศดารเสมอ เพราะคนฟังออกจะเป็นพวกชั่วโมงบินสูงๆ ในขณะที่คนฟังไม่ออกก็เพราะแค่ชั่วโมงบินไม่มาก แต่เชื่อถือครับว่า ทุกคนน่ะได้ยินถึงการเปลี่ยนแปลงที่เท่ากัน เพียงแต่ยังแยกแยะไม่ได้เท่านั้นเอง และโดยส่วนใหญ่ก็สามารถอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้ด้วย ยกเว้นของบางอย่าง ซึ่งก็นอกเหนือความเข้าใจผมเช่นกัน

เรื่องของเสียงมันประหลาดอยู่อย่าง อะไรที่คิดว่าไม่มีผลกลับมาผลต่อเสียง ทั้งๆที่ในความรู้สึกเรามันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่เมื่อหาหลักและเหตุผลในทางวิทยาศาสคร์เราถึงเข้าใจว่ามันมีความเป็นไปได้ที่ทำให้มีผลกระทบแบบนั้น ซึ่ง สาย Tiamat มันก็คงไม่เหมือน ดินน้ำมันเดอะหั่ง หรอกครับ เนื่องจากมันอยู่ในเงื่อนไขของความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสคร์มากกว่าทางไสยศาสตร์อยู่แล้ว


การอ่านบนหน้าจอ มิสู้ทดลองฟังครับ

สำหรับท่านที่โอนมาแล้วแต่ผมยังไม่ส่งของ ให้รอแป๊ปนึงนะครับ

พอดีของที่ทำมาชุดหลัง เสียงมันไม่เท่ากันกับชุดแรกๆ ดังนั้นต้องให้ช่างแก้ใหม่ก่อนครับ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะได้ส่งของพร้อมกันวันจันทร์หน้านี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

จากคุณ G7 ข้างบน
หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






ผมสงสัยอ่าฮับ
ปลายเสียงรกๆหายไป = เบลอขึ้น พีคเสียงคมๆกุดไป
กระชับขึ้น = ฐานพีคความถี่แคบลง พีคแหลมขึ้น
มันกลับกันนา

ถ้าหน่วงการไหลไฟฟ้าขนาดคุมพีคในหน่วย 20Hz-20kHz ประมาน 1/20 -1/20000 วินาทีได้ เมื่อเทียบกำบความเร็วแสง 3*10^9 M/s ความยาว 1 ลูกคลื่นในสายไฟ 150- 150000 เมตร สายยาวสิบเซ็น ถ้าทำให้มีสองเอฟเฟกที่คนละตำแหน่งขคลื่นโดยไม่มีวงจรครอสโอเวอร์ RLC คงต้องมี คนแครตัวเล็กๆ ยืนเรียงกัน คอยรับส่งอิเล็กตรอนในสายตามคำสั่งแล้วแหละคร้าฟฟฟ

กระทั่งคนทำแอมป์เองที่ผมรู้จักหลายๆคน เค้าก็ไม่สามารถอธิบายโดยละเอียดว่า เสียงแอมป์ที่เค้าทำออกมาดีได้ เป็นเพราะอะไร เพียงแค่เค้าสามารถสโคปงานได้ว่า การเปลี่ยนใช้วัสดุนั้น opamp ตรงนี้ เดินวงจรแบบนี้ ใช้แบตเตอร์รี่อันนี้ จะสามรถทำให้เสียงดีได้ ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่ทำ ก็มักจะเจอตัวแปรแปลกๆที่ทำให้เสียงแต่ละตัวออกมาไม่เหมือนกัน กระทั่งสาย Tiamat เอง เมื่อทำเสร็จออกมา ก็พบว่า มันให้เสียงไม่เหมือนกัน ก็ต้องมานั่งแก้ให้เสียงออกมาเท่านั้น ซึ่งการจะวัดว่ามันเท่ากันหรือไม่ ผมใช้แค่ "หู" กับ "ประสบการณ์" เท่านั้นเอง เนื่องจากไม่สามารถหาเครื่องมือในการวัดค่ามาได้



แล้วรู้ได้ไงว่าแก้ยังไง ให้เสียงเหมือนกัน ถ้าไม่รู้หลักการ ที่ทำให้เสียงต่างกัน
แกะแก้ไปมา ไม่ช้ำหมดหรอ หรือว่าแค่เสกผิดคาถา เสกใหม่ได้ไม่ช้ำ
มีการบอกด้วยว่าถ้าฟังไม่ออกแปลว่าชั่วโมงบินไม่ถึง

สรุปคือ มาลุ้นกัน ใครได้เส้นดีเส้นไม่ดีไป ใครมโนออกก็ดีไป ใครฟังไม่ออกคือไม่เป็น ยอดมาก แปะๆๆๆๆๆๆ

ps.ทำบุญเยอะๆนะลูกค้าทั้งหลาย หากท่านทำบุญในวันนี้ ท่ามีโอกาสรับเส้นที่ดีที่สุดเพิ่มเป็น 20%

อ้าวไม่ได้ทำเองแล้วหรอกระทู้ต้นที่เขียนเหมือนจะทำเองนี่แล้วที่ค้นคว้าทดลองเป็นปีนี่ไห้ช่างทำไห้แล้วมันตลกไปใหมในวิทีที่ค้นคว้านี่บอกไม่รู้คนอื่นทำตอบอะไรมากไม่ได้แล้วเอาตัวพ้นจากความขัดแย้งมันง่ายไปใหม ไช่เรื่องเสียงเป็นเรืีองประหลาดบางทีแค่หัวแจ๊คตัวไนรูปตัวเดียวเอามาเข้าสายหูฟังตรงๆเสียงอาจดีกว่าต่อทั้งชุดนี้ก็ได้เพราะช่างน่าจะรู้นะว่าตาข่ายหุ้มสายและท่อหดมีผลขนาดไหนไม่ไช่แต่ตัวนำที่มีผลทุกอย่างที่มาประกอบมีผลกับเสียงทั้งสิ้นค้นคว้าน่าจะรู้พื้นๆแบบนี้ได้นะ ถ้าจะเข้าหัวอย่างเดียวรับไหมราคาเท่าไหล่

เก่งจังครับ
เด็กจบวิศวไฟฟ้า เทคคอร์สอิเล็คทรอนิคส์ มา 2-3 ตัว แถมเรียน transmission line มาด้วย ยังงงกับๆ คำอธิบาย impedance mismatch ของท่าน g-7
บรรยายได้สุโค่ย
คนไทยนี่เก่งนะครับ ไม่มีความรู้ในเรื่องสัญญาณ แต่ออกแบบปรับแต่งสัญญาณได้ นับถือเจงๆ
ถ้าสายของท่านปรับเรียงอิเล็คตรอนได้ ผมว่าท่านคงได้ โนเบล สาขาฟิสิคส์ละครับ

.........อะไรที่มันเกี่ยวกับเสียง มักจะมีอะไรพิศดารเสมอ เพราะคนฟังออกจะเป็นพวกชั่วโมงบินสูงๆ ในขณะที่คนฟังไม่ออกก็เพราะแค่ชั่วโมงบินไม่มาก แต่เชื่อถือครับว่า ทุกคนน่ะได้ยินถึงการเปลี่ยนแปลงที่เท่ากัน เพียงแต่ยังแยกแยะไม่ได้เท่านั้นเอง ....

สรุปว่าคนฟังไม่ออกคือ พวกชั่วโมงบินไม่มาก โอ สาธุ....
ถ้าตรูฟังไม่ออก แปลว่าตรูหูไม่ถึง

ติดตามผลงานคุณ g7 มานานมาก ตั้งแต่รีวิวในตำนาน ยุคแรกๆ

E30 mod เป็นหูที่ผมใช้บ่อยสุด ให้ความสุขในการฟังเพลงมากๆๆๆ ครับ

พอมีสาย tiamat ออกมา ผมเลยไม่ลังเลที่จะขอมีไว้สักเส้น
มั่นใจในประสบการณ์และหูของคุณ g7 ว่าไม่หลอกลวงกันแน่นอน

เป็นกำลังใจให้ทำออกมาแบ่งปันความสุขกันครับ

ทำไปเถอะถ้ามันดี อย่าไปคิดมาก
แต่บอกspec การทำงานให้มันชัดเจนหน่อยก็ดีนะครับ

แล้วตกลงการทำงานมันใช้หลักการอะไรละครับ
เจ้าของกระทู้มาชี้แจงหน่อย

มีแต่เกรียนทั้งนั้น เพลีย..เฮ้อ ปั่นมาด่ากัน เพื่อ?

ไม่รู้จักใครจริงเหรอ แล้วเดือดร้อนแทน แปลกดีนะ
เค้าถามข้อมูลเพื่อตัดสินใจ ก็มาเรียกเขาว่าเกรียน เห้อ
ก็อยากรู้จริงๆนี่นา

ดีครับที่พูดสุภาพ ผมไม่ได้เข้าใครไม่ได้ว่าใคร ขอเบอร์คุณได้มั้ย? จะได้โทรไปยืนยัน อยากฟังความเห็นด้วย ผมเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครจริงๆ อ่านเจอก็เข้ามาดู

นาย ผ่านมา ไม่ได้รู้จักใคร คนที่เข้ามาถามมาแสดงความคิดเห็นพูดสุภาพจริงๆเท่าที่เราดูมีแต่นายดูแล้วพูดสุภาพแบบเอบแฝงนะ ทุกคนเข้ามาด้วยอยากรู้ถ้าอะไรที่เป็นจริงสากลยอมรับไม่มีใครค้านหรอกยกมือเห็นด้วยปรบมือไห้มาช่วยเชียอย่างจริงใจ กับอะไรที่เป็นจริงแต่สิ่งที่เกินจริงถามแล้วตอบข้างๆคูๆคงยอมรับไม่ได้ตัวอย่างเช่น “ปรับเรียงอิเล็คตรอน“ด้วยอะไรตอบมาไม่เคยกระจ่างเลยและเป็นไปได้หรือที่เครื่องปรับเรียงอิเล็คตรอนทำได้เล็กจนไส่เข้าไปได้อะไรที่เกินจริงมีแต่ความงมงายเท่านั้นที่จะอยู่และชื่นชมกับมันผู้ที่เป็นปัญญาชนย่อมหลุดพ้นกับความงมงายและให้ข้อคิดกับผู้มาไหม่ไว้ตัดสินใจไม่โคนดึงลงต่ำโดยไม่มีข้อคิดในการตัดสินใจ จะขายความรู้สึกหรือจะขายเทคโนโลยีก็เอาสักอย่าอย่ามาเอาความเกินจริงทั้งสองอย่างที่ไม่รู้จริงผสมกันมาขายในวงคนฟังเพลงผ่าหูฟังมีคนรู้พอๆกับคนไม่รู้อย่าเอาคำพูดกำกวมมาขายกับคนไม่รู้หรือเพิ่งเข้ามามันเหมือนหลกขายของ

คุณ ผ่านมา ไม่ได้รู้จักใคร ว่าคนอื่นเกรียนจนลืมมองหัวตัวเองรึเปล่าครับ? ละก็มีการมาขอบงขอเบอร์ ถถถถถ จะขอไปโทรจีบหรอครับ ปัญญาเยาว์ชนมากเลย ตลกดี
ถึงตรงนี้ก็คิดนิดนึง โดนคนอื่นหลายๆคนว่าเนี่ย น่าจะเพราะคนอื่นหรือเพราะตัวเอง

ได้รับของแล้วครับ เด๋วขอเวลาลองฟังก่อน จะมารีวิวครับ
ฟังออกไม่ออก ดีไม่ดี ขอเวลาแปปนึง

ดีไม่ดีรอท่านที่ซื้อไปมารีวิว ถ้าไม่ดีจริงก็จบครับ

ถ้าไม่ติดว่ามันเกะกะ ผมก็อยากลองสักเส้นนะครับ

ส่วนท่านที่เข้ามาถามหลักการ ท่าน จขกท. ก็บอกแล้วว่า คือ การจูนเสียง ซึ่งการจูนเสียงมันก็ใช้หูคนฟังนี่แหละครับ บวกกับประสบการ์ณ ว่าจะเอาอะไรมาใส่ เพื่อให้มันไปทางไหน ซึ่งคนนั้นอาจไม่จำเป็นต้องรู้หลักการอะไรมากมาย แค่มีประสบการ์ณในการฟัง และเลือกวัสดุให้เข้ากับเสียง มันคือความรู้สึกครับ ที่วัดกันไม่ได้ ต้องเป็นคนที่ Bias ต่ำจริงๆ ถึงจะทำได้ ถือเป็นพรสวรรค์อย่างนึง

ส่วนใครไม่มั่นใจ เค้าก็บอกให้นัดฟังได้ ไปฟังเลยครับ แล้วกลับมาบอกเลยว่ามันหลอกลวง หรือจริง ไม่ต้องมานั่งพิมพ์ถามหาหลักการ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้คุณรับรู้เสียงของมันได้หรอกครับ

ปล. ผมไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียนะครับ แค่อยากจะให้ใจเย็นๆกัน ลองได้ก็ไปลอง จะได้กระจ่าง

ถ้า จขกท.พุดเหมือนคุณ JokE_zZzก็คงไม่มีใครอะไรหลอกนะแต่มาแรกเป็นเทพแห่งความรู้มาเลย เอาคำท่าวิชาการมาไช้โดยไม่มีความรู้มันทำไห้คนไข้วเขวและเชื่อแบบผิดๆ ถ้าทำขึ้นมาแล้วบอกทำจากพรสวรรค์ของฉันเองด้วยเวลาตกฟากมงคล108ใครจะมาเมื่อยมือทำไม นี่วิชาการก็ไม่มากความรู้เชิงช่างก็น้อยไห้คนอื่นทำไห้แล้วเสียงที่บอกออกมาไม่เทากันแต่ละเส้นต้องจูนไหม่จูนเองหรือให้ช่างจูนลองฟังกับหูนะอยากลองถ้ามีไห้ลองแต่มันไม่ไช่ประเดนความดีไม่ดีของสินค้าแต่มันแย่ตรงที่พยายามสร้างจุดขายเลวๆแบบที่รู้ไม่จริงอ้างวิชาการแบบไม่รู้ความหมาย สินค้าดีการตลาดเลวสินค้าก็ดูเลว สินค้าเลวการตราดดีเกินจริงเท่ากับหลอกลวง สินค้าเลวการตลาดเลวไม่มีใครว่าเพราะคนรู้ว่าสินค้าเลว ขายอะไรก็ขายจากใจใยต้องใส่สีตีไข่ไห้มันตรงๆดีสุดแล้ว

ผมไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมเว็บหูฟังอีกเว็บนึงถึงเงียบมาก
อย่างเช่น มีศาสดาบางคน ยังไม่รู้จักเลยว่าวงจร RC ให้ผลตอบสนองความถี่เป็นอย่างไร
resister ต่อกับ capacitor แล้ว cutoff ที่ความถี่ไหน เป็น low pass หรือ high pass ก็ไม่รู้ ไม่เคยเรียน Basic Circuit Theory แต่ดันจะมาโม crossover ให้กับหูฟังรุ่นนึง
ลองเปลี่ยน R หลายค่า แล้วบอกว่าไม่เปลี่ยน C แล้วบอกว่าเสียงดีขึ้น คำนวณ frequency response ยังไม่เป็นเลย แล้วบอกว่าเสียงดีงู้นงี้ มาแบบชงเองกินเอง
สุดท้ายก็ไม่เห็นมีใครไปสนใจ
ไม่ได้มาเขียนเพื่อดิสเครดิตคนไทยด้วยกัน แต่อย่ามามั่วนิ่ม ดีอย่างนู้นอย่างนี้
แล้วพอซักเข้า ตอบไม่ได้หายเงียบ

ผมมองว่าของพวกนี้เป็น passive EQ ชนิดนึงนะครับ

ผมก็มีสายคล้ายๆแบบนี้สองเส้นนะ เดิมคือตั้งใจจะใช้ต่อให้สายมันยาวขึ้นหน่อยไว้ต่อในรถ เลยเอาสายมาต่อสั้นๆ ด้านนึงตัวเมีย ด้านนึงตัวผู้ ใช้สาย oyaide เส้นนึง mogami เส้นนึง

ผลคือต่อแล้วเสียงเปลี่ยนแหละ ต่อแล้วคาแรคเตอร์เสียงเปลี่ยนอยู่พอควร

แรกเลยผมก็คิดไว้ว่ามันดรอปแน่ๆ แต่มันจะดรอปด้านไหน อาจจะช่วยไปลดอะไร ทำให้เสียงย่านไหนมันเด่นขึ้นมาเท่านั้นเอง

รวมๆคือ mogami เสียงแทบไม่เปลี่ยน แต่ปลายแหลมดูห้วนๆลง ส่วน oyaide เนื้อเสียงกลางลดลง แหลมเด่นขึน ส่งผลให้เสียงฟังแล้วโปร่งขึ้น

ส่วนสายของ จขกท หลักการจะเป็นยังไง จะเป็นการสร้างบุคลิกด้วยสายหรือเปล่า หรือนอกจากนั้นก็ไม่ทราบได้ :)

จากประสบการณ์อันน้อยนิดและความรู้เท่าหางอึ่งวัยขบเผาะ
เท่าที่ผมรู้มา เวลาต่อสายเพิ่มเสียงจะเปลี่ยนเเน่ อาจจะดรอปด้วย

แต่อันนี้ต่อแล้วดีขึ้น สมมุติว่าถ้าผมเอามาต่อ 2 เส้น เสียงจะดียิ่งๆขึ้นไหมครับ
สงสัยหน่ะครับ >.<"

เหมือนเอาสายไปคั่นแล้วเสียงมันมักเปลี่ยนน่ะ

ยกตัวอย่าง พวกสายเพิ่มความยาว นี่ก็เสียงเปลี่ยน

หัวแปลง 6.3 ไป3.5 นี่ก็เสียงเปลี่ยน

สายที่แยกหัวให้ฟังได้สองคนนี่ก็เทำให้ปลี่ยน

บางตัวเปลี่ยน แล้วดีขึ้น ห่วยลงก็มี

ใสขึ้น เบสลด หรือ เบสเยอะ ก็มี



กรณีสายนี้ก็คงเลือกเอาหัวกะสายมาลองๆประกอบต่อดู ว่าอันไหนเสียงดีขึ้นแค่นั้น

เลยอธิบายแบบหลักการเจาะจงลึกๆไม่ได้

ผมอยากจะบอกว่า ไม่เสมอไปที่คนที่ฟังเป็น จะต้องมีความรู้ด้านช่าง ออกแบบวงจรได้ สร้างอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ได้ ยกตัวอย่าง คุณมาร์ค เลวินสัน เจ้าของแบรนด์ มาร์ค เลวินสันอันเลื่องลือนี่ก็ออกแบบวงจรไม่เป็นครับ แกแค่ฟังเป็น จูนเสียงเก่งเท่านั้น คือแกให้คนอื่นทำอุปกรณ์ให้ แล้วแกก็ฟัง แล้วก็บอกให้คนทำจูนเสียงให้ตรงใจแก เครื่องเสียงแบรนด์แกก็ดังขึ้นชั้นเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ได้ครับ

กรณีคุณ G7 ก็เช่นกัน แกก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งบัดกรี เข้าหัว ทำสายเอง ขอให้อุปกรณ์ที่ทำมาแล้วแกฟังแล้วยอมรับว่าดีเท่านั้นก็น่าจะโอเคแล้วครับ

ก็น่าจะบอกแต่แรกสิครับ ว่าลองเปลี่ยนอุปกรณ์ ตัวนั้นตัวนี้ดู แล้วเสียงมันดีขึ้น ฟังเพราะขึ้น
คือลองผิดลองถูก ไปเรื่อยๆ แล้วได้เสียงที่พอใจ ตัวเองฟังเพราะ (แต่คนอื่นจะฟังเพราะรึเปล่าไม่รู้)
แล้วพอคนมาถาม ก็วางภูมิว่า มันเรียงอิเล็คตรอนได้ ตอบอ้างทฤษฎี สารพัด พอถามไปเรื่อยๆ เริ่มโม้ไม่ออก เพราะคนถามรู้มากกว่า เลยตอบไม่ได้แล้ว หายจ๋อย

มันก็คือการลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีแนวการออกแบบที่เป็นหลักการอะไรเลย ใช่ไหมครับ

ชนิดของตัวนำในสายน่าจะมีผลต่อบุคลิกของเสียง ถ้าเปลี่ยนทั้งเส้นใช้ตัวนำที่ดีขึ้นทั้งเส้นเสียงย่อมดีขึ้นแน่ๆ
แต่ถ้าเอามาต่อแบบนี้ผมว่าเสียงมันต้องดรอปไป อาจทำให้บางย่านเด่น หรือฟังแล้วลื่นไหลขึ้น แต่อาจจะมีบางย่านดรอปไปก็ได้ แต่เดี๋ยว คุณ JuneyJa มารีวิวก็รู้ครับ

อย่างที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมาละครับ ในกรณีที่มีคนลองเปลี่ยนค่าอุปกรณ์ ใน crossover ของหูฟัง TTPOD โดยลองเปลี่ยนค่า R ลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วตัวเองพอใจเสียง

มันไม่ใช่การออกแบบนะครับ มันคือการลองผิดลองถูก จนได้เสียงที่ตัวเองต้องการ
แล้วยังมาบอกว่า โรงงานอาจผิดพลาดในขั้นตอนการผลิต

ผมชอบความคิดเห็นคุณเจมส์ครับ

ผมจะรอคุณ g-7 สรุปอีกทีว่า จริงๆแล้วคือแค่ลองฟังแล้วถูกหู ไม่มีหลักการอะไรทั้งนั้นใช่หรือไม่

เพราะแรกๆคุณบอกมีหลักการนู้นนี่นั่น หลังๆก็กลับมาบอกเองว่าแค่ลองฟังแล้วปรับจูนเสียง

คำถามง่ายๆก็คือ แค่สายต่อเพิ่มความยาว กับแจ็คตัวเล็กๆคุณใส่อะไรเข้าไปเพื่อปรับจูนเสียง

จริงๆสายสัญญาณทุกตัวมันจะมีบุคลิคเสียงของมัน ตะกั่วก็มีบุคลิคเสียงของมัน แจ็คก็มี บัดกรีที่ temp ต่างกันบางทีเสียงยังต่างเลย ซึ่งที่คุณบอกว่าล็อตสองเสียงไม่เหมือนล็อตแรกทั้งๆที่ใช้วัสดุเดียวกัน ลองไปถามช่างที่บัดกรีให้ดูครับว่าเซ็ต temp ไว้ต่างกันรึป่าว

จริงๆถ้าใช้แค่ 3 สิ่งนี้มาแมตชิ่งกัน ราคามันไม่ควรพุ่งไปถึง 2,6xx ครับ

ซึ่งจากเหตุผลข้างบนนี่แหละที่ทำให้หลายคนเข้ามาถามว่า จริงๆแล้วเจ้าสายตัวนี้มันมีหลักการอะไรกันแน่

ซึ่งจากการที่ตอบตอนแรกว่ามันหน่วง จัดเรียงอิเล็กตรอนบ้าบออะไรนั่น มันไม่มีจริง และผมเดาว่าที่คุณตอบแบบนั้นเพราะคุณใส่ R หรือไม่ก็ C ตัวเล็กๆเข้าไปเพื่อหน่วงสัญญาณไว้ก่อนก็เท่านั้น

คิดเหมือนคห.86 สรุปเสียงเปลี่ยนเพราะอุปกรณ์เป็นหลัก passive eq แบบนึงว่างั้น หูใครหูมัน ฟังกันเอาละกันเด้อ นี่ผมก็ติดต่อมาลองฟังเหมือนกัน ยังหาที่เจอกันไม่ได้เลย แนะนำให้ฝากไว้ที่ร้านใหญ่ 3 ร้าน ๆ ไหนก็ได้ที่ไว้ใจ เอาไว้ให้ลูกค้ามาลองฟัง นี่คนขายเงียบไปแระ เอ้า 10 คนล๊อตแรกมารีวิวหน่อยเร้ว

ขอนุญาติเข้ามาสุ่มเดาว่าสาย Tiamat นี้ทำอย่างไรบ้างนะครับ ^^

พอผมได้อ่านจากรายละเอียดเรื่องคาเร็คเตอร์เสียงที่เปลี่ยนไปหลังใช้สาย Tiamat นี้
ผมก็มานึกถึงเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในสมัยที่ผมเล่นเครื่องเสียงบ้านอยู่ ซึ่งผมก็ใช้วิธีหนึ่งในการจูนเสียงและได้ผลออกมาในลักษณะเดียวกันนี้ละครับ

ปัจจัยหลักนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายหรือขั้วปลั๊กหรือตะกั่วที่ใช้ถึงแม้สิ่งเหล่านั้นจะมีแอ็พแฟ๊คอยู่บ้างก็ตาม
แต่ปัจจัยหลักมันอยู่ที่เอาอะไรมาหุ้มสายเอาไว้ครับ ^^

อ่อ...ลืมไปอย่างนึงคือในนี้จะไม่มีทั้ง R ทั้ง C เข้ามาร่วมบทบาทเลยนะครับ
ดังนั้นเรื่อง dB ความดังของโวลลุ่มก็จะไม่มีดรอปลงด้วยครับ ^^

ผมว่าคนขายโม้เกินจริงไปเปล่า เรื่องจัดเรียงอนุภาคอิเลคตรอนไรนี้อะ ถ้ารู้ไม่จริงก็ไม่น่าจะเอามากล่าว น่าจะโม้ไปเรื่องอื่นมากกว่า เสียดายทำมาดี ต้องมาตกม้าตายซะงั้น เฮ้อ...

ผมอ่านกระทู้นี้แล้วนึกไปถึงเครื่องปรับโมเลกุลน้ำอะไรสักอย่าง รายนั้นก็โดนตอกไปหนักในสังคมเหมือนกัน

เห็นด้วยกับน้าชาครับ

การหุ้มสาย มีผลต่อค่า L C ครับ และ EMF ด้วย

แล้วคุณจะมาบอกทำไมครับว่า



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย

.ใครซื้อไปแล้วช่วยมารีวิวที เอาจิงจังนะครับ จะได้รู้กัน....ผมนี่อยากรู้เลย

อย่าซีเรียสมากครับ เราอย่ามองว่าความขัดแย้งเป็นปัญหามแต่ให้มองว่าเป็นโอกาสทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
การที่แสดงความเห็นในบอร์ดอย่างสุภาพ เพื่อเสนอแนวคิดของตัวเอง ตั้งคำถาม หาข้อโต้แย้ง โดยไม่คล้อยตามอะไรง่ายๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าการวิพากษ์ (critical thinking) สุดท้ายเราจะได้ข้อสรุป และสิ่งที่ถูกต้องที่สุด รวมทั้งได้มุมมองใหม่ และทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อข้อมูลนั้น ผมว่ามันเป็นสิ่งดีนะครับ
อย่ามุ่งเป้าไปที่ว่าใครถูกใครผิด ทุกความเห็นมันมีผลต่อคนที่เข้ามาอ่าน เขาจะได้คิดก่อนตัดสินใจจะซื้อถือว่ามีประโยชน์แล้วเรายังได้ความรู้จากคนที่มีประสบการณ์ด้วย ส่วนเรื่องหลักการนั้นถ้าไม่ได้ตัวสายมาตรวจสอบดู
คงตัดสินกันไม่ได้ครับว่าความคิดใครถูก ส่วนตัวผมว่าเสียงมันดีขึ้นจริงไม่อย่างนั้น เจ้าของกระทู้คงไม่โพสในบอร์ดที่มีคนหูดีๆเยอะแยะแต่หลักการที่บอกใว้ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ส่วนใครจะซื้อไม่ซื้อมันก็แล้วแต่ความชอบของแต่ล่ะบุคคล

สนุกดีจริงๆ ครับ ผมชอบฟังตามประสาคนอ่อนหัดในวงนี้จริืงๆ ค่อยๆ ได้เรียนรู้จากความอ่อนหัดของตัวเองเป็นสิ่งที่สนุกมาก เดี๋ยวได้ของลองฟังจะมาเมนทืดูครับ ผิดถูกอย่างไรก็ดีใจทั้งนั้น ^_^

มารีวิวแล้วครับ

เป็นประเด็นซะเหลือเกินสำหรับเจ้าสาย TIAMAT นี้
ขอเกริ่นไว้ก่อนครับ ไอ้ผมก็ไม่ค่อยชำนาญเรื่องรีวิวซักเท่าไหร่
ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง แต่เห็นคนสงสัยและกังขาเจ้า TIAMAT นี้เยอะ เลยมาเล่าให้ฟังกันคร่าวๆแล้วกันนะครับ

เริ่มแรกที่เห็นคุณ g7 ตั้งกระทู้ขายเจ้าสาย TIAMAT นี้ผมก็นึกถึงหลักการจูนเสียงด้วยสาย หรืออาจมีอะไรใส่เพิ่มเหมือนสายเพิ่มโอมห์ ซึ่งผมเคยอ่านรีวิวของคุณ g7 มานานแล้ว หลายๆตัวพี่เค้าก็รีวิวได้ตรงกับที่ผมไดัลองฟัง
ผมเลยต้องขอลองเจ้า TIAMAT นี้ซะหน่อยครับ

อย่างแรกเริ่มที่ตัวสายก่อนแล้วกันครับ

ครั้งแรกที่ได้สัมผัสเจ้าสาย TIAMAT นี้ดูงานประกอบก็เรียบร้อยแข็งแรงดีครับ
ตัวสายตั้งแต่หัวแจ็ค 3.5 ถึงขั้วตัวเมียยาวประมาณ 11 cm.
ตัวสายอ่อนงอพับได้ครับ แต่ก็ยังจะรู้สึกถ่วงนี้ๆเมื่อเสียบกับเครื่องเล่น
ถามว่าเกะกะรึป่าว ก็รู้สึกนิดนึงครับถ้าใส่กระเป๋ากางเกง แต่ก็ดีกว่าพกแอมป์เยอะหละ
ผมมันพวกต่อตรง เลิกแบกมาสักพักหละครับ

เสียงละครับ รีวิวไม่ครบอะเจ้า555

ว่ากันเรื่องเสียงบ้าง

ตอนแรกว่าจะใช้เวลาเบิร์นมันซักหน่อย แต่...ลุยเลยแล้วกัน เบิร์นทิ้งไว้คืนนึงพอเป็นพิธีแล้วกัน

ตอนนี้หูฟัง IEM ที่หยิบฟังบ่อยๆมี 3-4 ตัวทั้ง Fitear 334+สาย000, FAD Piano forte X,IX, Shure 846+สาย oslo ii
เอาเป็นว่าใช้ AK240 + 846 แล้วกัน เสียงออก Flat หน่อยแต่ทำได้ดีทุกย่านเสียง

รอบแรกก็มาก็วอร์มหูด้วย ak240 + 846 โดยยังไม่ต่อเจ้า TIAMAT เข้าในระบบ
เลือกเพลว 24 bit กับ DSD ที่ฟังบ่อยๆ

พอเปลี่ยนเอาเจ้า TIAMAT มาต่อพ่วงด้วยเท่านั้นหละครับรู้สึกได้เลยว่าพวกเสียงเครื่องดนตรีต่างๆมันโดดขึ้นมา
รู้สึกได้ถึงความชัดของโน๊ตดนตรีแต่ละโน๊ต แยก image ได้ดี รู้สึกได้เลยว่าดนตรีที่เล่นมาจากตรงไหน แต่มันมาแบบโดดๆ คมๆ แข็งๆ ไม่รู้เพราะว่าผมยังเบิร์นไม่พอรึป่าว

เสียงเบส เสียงกลองรู้สึกกระชับขึ้น อิมแพ็คแรงขึ้น แต่ก็รู้สึกแห้งๆแข็งๆอีก เพราะปกติ 846 + oslo มันเบสมันจะลงลึก และนุ่มนวลหน่อย ต่อกับ TIAMAT จะดูคึกคักรุกเร้าหน่อย

เสียงร้องจะเหมือนๆเดิมครับ คืออิ่มหนา มีมวลดี แต่อาจจะรู้สึกถอยลงไปนิดนึงเพราะเสียงเครื่องดนตรีมันโดดออกมามากขึ้น

พวกเสียงสูงใสกรุ้งกริ้ง เกรีเยวกร้าวดีครับ แต่ไม่รู้สึกว่าบาดแม้แต่นิดเดียว เป็นเสียงที่แหลม ใส ชัด เคลียร์ จุดนี้อาจเป็นเพราะเบสที่กระชับมากขึ้น ทำให้เสียงต่างๆมันดูเคลียร์ขึ้นด้วย

สรุปว่าต่อเจ้า TIAMAT ไปในระบบนี้ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายๆเลยครับ
สามารถเอาไปปรับจูนหูฟังของหลายๆตัวได้ดี เสียงรวมๆจะชัดขึ้น รุกเร้าขึ้น แต่ติดแข็งนิดนึง อันนี้แล้วแต่คนชอบ

คุณ popo123 ใจร้อนจัง กำลังพิมพ์ครับ

เอิ่มครับ5555 อันนี้เครื่องเล่นราคาแพงเสียงต้นทางต้องดีอยู่แล้ว อยากให้ลองเสียบตรงกับเครื่องโทรศัพย์ บ้างได้ไหมครับ ว่ามันจะแสดงแสนยานุภาพให้เสียงธรรมดา ออกมาได้ร้อง ว้าววววววว ขนาดไหนนะครับ

ไม่ค่อยฟังเพลงจากโทรศัพย์อ่ะครับ
เด๋วว่างๆจะลองกับ Iphone + BOSE Sie2 ละกันครับ

กับ 334+000 ช่วยเสริมบุคลิกเบสหนาๆให้กระชับและลงลึกๆได้ดีเลยครับ

ตกลงมันไปช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียง หรือว่าเปลี่ยนแปลงคุณภาพเสียงเหรอครับ หมายถึงมันดีขึ้น หรือว่าแค่เปลี่ยนไปน่ะครับ ^^"

เอาตรงๆ เลยนะครับ ผมว่าคนอ่านส่วนใหญ่เขาไม่สงสัยเรื่องความสามารถในการฟังของคุณ G7 หรอกครับ หลายๆ คนนี่ผมว่าซื้อเพราะชื่อคุณ G7 ด้วยซ้ำไป ^^

ประเด็นมันอยู่ที่เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันราคาใช่ย่อยครับ และผลิตมาในจำนวนจำกัด ทำให้หลายๆ คนสงสัยว่า
1. เสียงมันจะดีสมราคาไหม มันจะยกระดับคุณภาพเสียงได้พอๆ กับการต่อผ่านแอมป์หรือไม่
2. มันมีหลักการอะเไรในการทำงาน ทำให้สายมินิธรรมดาที่ไม่ให้มีข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ใช้ตัวนำคุณภาพสูงมาก หรือใช้หัวแจ๊คยี่ห้อดังๆ ขายในราคาขนาดนี้

ผมว่าทุกคนมีสิทธิที่จะสงสัยล่ะครับ จริงอยู่ที่เครื่องเสียงมันเป็นศาสตร์และศิลป์ ในด้านศิลป์มันขึ้นอยู่กับเทคนิคในการปรับจูนเสียงออกแต่ละคนให้เสียงออกมาดี มันเป็นเรื่องที่อธิบายยาก แต่ในด้านของศาสตร์ล่ะครับ จะอธิบายยังไง โอเคล่ะครับ ผมเข้าใจในเรื่องที่คุณ G7 ไม่ได้จบมาทางด้านนี้ ไม่ได้เป็นช่างหรือมีความรู้ด้านเทคนิค คือแกอาจจะไปให้ใครทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเอง เกจิวงการเครื่องเสียงแนวนี้มีเยอะครับ เป็นเรื่องปกติ แต่จะให้ใครทำก็ตามที มันก็ต้องมีหลักการในการทำอยู่ครับ ว่าต้องเอาอะไรมาทำบ้าง โดยใช้เทคนิค หรือหลักการอะไร คงไม่ใช่มั่วนิ่มเอาสายอะไรเหลือๆ มาลองบัดกรีเข้ากับหัวแจ๊ค หุ้มสายแล้วลองฟังดูแล้วปรับแก้ไปเรื่อยๆ หรอกครับ

ส่วนตัวผมยังศรัทธาในตัวคุณ G7 นะครับ แต่ขอหลักการนิดนึง ^^"

สงสัยว่า

มันเพิ่มคุณภาพเสียงโดยรวม คือ ดีขึ้นทุกย่ทน

หรือ

มันเปลี่ยนบุคลิคเสียง คือ แหลมชัดขึ้น ซึ่ง แน่นอนเบสลด ทำให้แหลมชัดขึ้น

นึกง่ายๆ แจ๊คแปลง 3.5 ไป 6.3 แต่ละยี่ห้อให้เสียงต่างกัน บางตัวเบสดี บางตัวแหลมดี บางตัวละเอียดดี ซึ่งแจ๊คแปลงก็ไม่ต้องเสียบไฟเหมือนแอมป์ แต่เสียงเปลี่ยนได้

สายนี้เทียบแล้วก็เหมือนแจ๊คแปลง คือ อาจมีการลองเอา สาย เอาหัว เอาตะกั่ว ท่อหุ้ม มาทดลองประกอบๆ ดู ว่าอันไหนได้เสียงที่น่าพอใจ

ถ้าผู้ซื้อจ่ายแล้วได้เสียงถูกใจก็น่าแฮปปี้ั้งผู้ซื้อ และผู้ขายท

สงสัยแค่ ทำแบบนี้ยังไงครับ



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย




หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย






หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย



ทำไมต้องโม้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยครับ

ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมคือ g-8 มาจากกาแล็คซีแอนโดมิด้า นั่ง time machine กลับมาโลก เพื่อมาปกป้องคุณ g-7 กระผมต้องบอกก่อนนะครับว่า การจัดเรียงอิเล็กตรอนที่คุณ g-7 กล่าวอ้าง ในดาวเคราะห์ของผมนั้นสามารถทำได้จริง และผมเชื่อว่าดาวเคราะห์โลกแห่งนี้จะสามารถทำได้เช่นกันในอีก 1000ปีข้างหน้า ขอบคุณครับ

^
^
จะเอาฮาไปถึงไหนเนี่ย แค่นี้ก็ฮากันขรี้แตกขรี้แตนแล้ว

ข้าคือ g-9 ร่างสองของโงกุน นายทองเหม็นส่งข้าให้มาตามหา สายTiamat เส้นนี้ เพราะความสามารถในจัดเรียงอนุภาพอิเลกตรอน ถ้าได้สายเส้นนี่นำไปต่อปืนใหญ่ที่ค่ายบางระจัน จะทำให้ค่ายบางกระจันไม่แตก ไทยไม่เสียกรุงให้พม่าเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ข้าหาเจอแล้ว เด่วให้โดเรม่อนย้อนเวลากลับไป เอาปิกาจูไปฟิวชั่น กับ tiamat พระถัมซังจั๋งจะได้ไม่ต้องออกตามหาพระไตรปิฏก ตึกเวิลด์เทรดไม่ถล่ม MH370ไม่ตก ข้าน้อย g-9 ขอคาราวะศิษย์พี่ g-7 ที่ได้คิดค้นสายเส้นนี้ มา ณ ที่นี้ ด้วยเทอญ อาเมน

หลักการของมันก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อาศัยความสามารถของสายเพื่อจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนใหม่ ไม่ให้มาออกมารวดเดียวเหมือนกับการต่อตรง แต่ให้มันค่อยๆมาอย่างมีระเบียบ จะมีทั้งการหน่วงและการปล่อยผ่าน โดยเฉพาะปลายเสียงแต่ละย่านที่ฟังแล้วดูรกก็จะกรองออกไป แต่ไม่ไปยุ่งกับเนื้อเสียงแถมยังทำให้หัวโน้ตแน่นและกระชับขึ้นด้วย

^
^

ตรงนี้แหละที่งงครับ ^^" อาศัยความสามารถของสายเนี่ยนะ สายตัวนำอะไรมันจะไปมีความสามารถขนาดนั้นครับ จัดเรียงอนุภาคอิเลคตรอนก็ได้ด้วย ถึงผมจะไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เพราะคืนครูไปหมดแล้ว ^^" แต่ตัวนำมันก็มีหน้าที่เดียวละครับ คือหน้าที่ของ Media ที่จะเป็นตัวพาเอาสัญญาณไปส่งยังปลายทาง (ส่วนจะครบไม่ครบอีกเรื่องนะครับ อันนี้ต้องมีอัลกอริทึมหรือโปรโตคอลในการตรวจสอบอีกที) ส่วนการจัดเรียงอนุภาค การหน่วงสัญญาณแต่ละความถี่ การจัดการกับเฟสสัญญาณมันต้องมีวงจรในการจัดการ อาจเป็นวงจรพาสซีฟก็ได้ แต่ไม่ใช่งานของสายแน่นอนครับ ส่วนจะไปใส่ตรงไหน อาจจะต่อเป็นวงจร RLC แบบฮาร์ดไวร์ใส่ไว้ในหัวปลั๊กเสียบมาเลยก็ได้ อันนั้นเป็นเทคนิคของผู้ออกแบบครับ ผมแค่อยากรู้ว่าใส่อะไรมา มีหลักการในการออกแบบยังไงเท่านั้น คงไม่ไปถามเรื่องรายละเอียดวงจร ค่าอุปกรณ์ที่ใช้หรอกครับ อันนั้นมันเป็นความลับทางธุรกิจเขา มันละลาบละล้วงเกินไป ^^"

สนใจรับสักเส้นครับ แจ้งกลับด้วย ใน Line ID
http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=171044

สายนี้คือสายแห่งมวลมนุษยชาตินะครัช ไม่ทราบว่า คุณ g-7 จะไปรับรางวัลโนเบล เรื่องการจัดเรียงอนุภาคอิเล็กตรอนเมื่อไหร่ครับ ช่วยรบกวนมาให้คำตอบด้วยครับ ไม่ใช่หายตัวไปแบบนี้นนะครัช คนทั้งโลกกำลังรอคำตอบจากคุนอยู่ครัช

ผมไม่มีความรู้ด้านอิเล็กตรอนด้วยสิครับ

มีแต่วัสดุ การจะจัดเรียงโมเลกุลให้เป็นระเบียบเนี่ย

มันจะเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิหนิครับ

แล้วการจัดเรียงอิเล็กตรอนใช้วิธีการแบบไหนครับ

อันนี้ไม่ได้มากวนนะครับ แค่อยากรู้

โทษครับ ผมมาผิดเว็บ

มีท่านใดรับไปแล้ว ช่วยกลับมารีวิวอีกด้วยครับ

ผมเป็นอีกคนที่ได้รับไปนะครับ (น่าจะเป็นคิวที่สอง)

เรื่องเสียงนี่คล้ายๆ กับที่คุณ JuneyJa รีิวิวไว้ ส่วนตัวผมใช้กับอุปกรณ์ตระกูล apple พวก ipod, iphone และ ipad หลายรุ่น ส่วน samsung ขอเพื่อนกะน้องลอง ผลลัพธ์ที่ได้เห็นชัดมากทุกตัวช่วย player ที่ขาดกำลังขับตระกูล s ได้สบายอยู่

ส่วนเครื่องเล่นมีได้เสียบเทสกับ Fiio ตระกูล X เพื่อลองทุกรุ่น โดยส่วนตัว ขออนุญาตออกค.เห็นต่างนิดนึงนะครับ ผมรู้สึกว่าเสียงไม่แข็ง แต่ให้ความช่ำมากกว่า

จุดที่จะให้ชมได้ได้คือจุดเด่นเรื่องมิติที่ค่อนข้างฟังดีมาก เหมือนจะโอบหลังหัว เสียงโดยรวมก็ถือว่าได้ตามที่รีวิว ก็คุ้มที่ไม่ต้องพกแอมป์ ทิศทางเสียงไปในทางที่ดีขึ้นชัดเจนทุกย่าน ถือว่าสอบผ่าน

ที่อยากจะติคุณ G-7 เรื่องนึงคือสายมันแข็งแรงจริงครับ แม้น้ำหนักไม่มาก ระยะกำลังพอดีให้พกใส่เป๋ากางเกง แต่ด้วยความที่หัวมันใหญ่ ทำให้บางทีติดเคส ทำให้มีปัญหาเวลาไปขอเค้าลองเสียบ โชคดีที่ผมใช้เคสบาง -.-

ส่วนเรือ่งด้านหลักการในกระทู้บนๆ ผมอ่านผ่านๆ เพราะเยอะมาก และเข้าไม่ถึง แต่คิดว่าเป็นลักษณะการจูนเสียงแล้วฟังเอา เพราะสายแต่ละเส้นเป็นงาน custom

ซึ่งสายที่ผมไปรับ เท่าที่ลองเทียบเสียงกับตัวอื่นที่ถือไปและตัว demo ที่ให้ลอง น้ำหนักกเสียงเท่ากันทุกอัน

ประมาณนี้นะครับ ที่เหลือก็รอท่านต่อไปที่ได้ของแล้วมารีวิวครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการฟังเพลง

หลักการง่ายๆก็คือคล้ายๆเอาหูฟังไปเปลี่ยนหัวแจ็คแหล่ะครับผสมตะกั่วดีๆหน่อยแมชชิ่งกันก็แจ่มแล้ว เพียงแต่อันนี้การคิดของเขาทำออกมาเป็นลูกเล่นที่แปลกใหม่แตกต่างออกมาในการใช้งานมั้งครับ

ผมว่าของแบบนี้มันอยู่ที่หูคนฟังอ่ะครับ ให้คนที่เค้าสั่งมารีวิวดีกว่าครับ
คนที่วิจารณ์แต่ไม่สั่งนี่ก็เว่อกันเกิน วิเคราะห์โน้นวิเคราะห์นี่ ไม่ผิดที่จะวิเคราะห์น่ะครับ แต่เห็นแล้วรกลูกตาเวลาเลื่อนมาอ่าน
คนส่วนใหญ่เค้ารออ่านคนที่ซื้อไปมารีวิวมากกว่า พวกวิชาการหน้าคอมน่ะครับ

ในวงการหูฟังหลายๆอย่างมันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นหลักการได้ทั้งหมดหรอกครับ
ถ้าคุณเป็นพวกเล่นเครื่องเสียง เล่นหูฟังจริงๆ ก็จะรู้ดี ยิ่งพวกชอบเล่นของโมด้วยแล้วจะเข้าใจดีครับ
ลองให้พวกที่โมหูฟังแล้วอธิบายหลักการทำงานของสายสัญญาณที่เค้าทำอยู่สิครับ ไม่มีใครอธิบายได้หรอก เค้าก็เพียงแค่รู้ว่า เปลี่ยนแล้วดีขึ้นในย่านไหน อาศัยประสบการณ์ฟังมาอธิบายกันซะมากกว่า

ดูอย่างใกล้ๆตัวของเฮียนี่แหละ สินค้าที่เฮียขายเค้าก็อธิบายแบบคนใช้หูฟัง มากกว่าใช้วิชาการมาวิเคราะห์ ท่านเทพรีวิวทั้งหลายเองก็เหมอืนกันรีวิวกันแบบใช้หูฟัง แต่ก็จบตบท้ายเหมือนกันทุกคนว่าให้มาลองฟังเองจะดีกว่า หูใครหุมัน
(่เรื่องแบบนี้ผมขอสโคปไว้แค่ในวงการเครื่องเสียงและหูฟังน่ะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากนี้การใช้หลักวิชาการมาจับก็ไม่ว่ากัน)

ล๊อตแรกได้ครบทุกคนหรือยังครับ

okung620 เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าทั้งหูฟังและเครื่องเสียงมันมีหลักการและวิชาการเป็นเหตุเป็นผลทั้งหมดแหละแต่เข้าอธิบายให้แบบนั้นเพื่อให้เข้าใจง่ายแต่จนแล้วจนรอดก็มีคนที่ไม่เข้าเข้าไจอย่างคุณคิดว่ารู้ไม่ยอมศึกษาต่อน้ำเต็มแก้วเราเล่นเครื่องเสียงเราก็รู้ว่าทุงอย่างมันมัทั้งเหตุและผลไม่มีความเหนืนธรรมชาติมาเกี่ยวข้องมีแค่รู้และไม่รู้อะไรมากกว่าแต่ดูจากที่เขียนแล้วน่าจะไม่รู้มากกว่ารู้ "พวกที่โมหูฟังแล้วอธิบายหลักการทำงานของสายสัญญาณที่เค้าทำอยู่สิครับ ไม่มีใครอธิบายได้หรอก"ก็มีแต่คุณกับเจ้าของกระทู้มั้งที่เป็นแบบนั้น คนที่จะโมอะไรขึ้นมาสักอย่างเค้าต้องศึกษาและเรียนรู้กับสิ่งที่ตัวจะทำหรือไม่งั้นก็ทำตามที่มีคนลองมาว่าไช่ไม่ไช่แล้วก็ต่อยอดแบบที่ตัวชอบเข้าไปไม่มีใครมำโดยไม่รู้หรอกและการฟังนั้นถือเป็นทักษะที่เพิ่มพูลจากการทดลองและศึกษา อย่าเอาสิ่งที่ตัวคิดว่ารู้แต่ไม่รู้จริงมาอวดว่าชั้นรู้ และที่เทพรีวิวแบบนั้นเพื่อไห้คนบ้านๆเราๆท่านๆเข้าใจง่ายขึ้นคือเอาวิชาการและศัพเท็คนิคต่างๆมาย่อยเป็นภาษาบ้านๆเหมือนศีล5ให้ท่องบาลีอย่างเดียวโดยไม่แปลจะมีสักกี่คนรู้ว่าไห้ทำอะไร จริงๆตังแต่ต้นกระทู้มาตวามหมายที่เขาจะบอกเจ้าของกระทู้และคิดว่ารวมถึงคุณด้วยคือ "อย่าเอาสิ่งใดมาอ้างโดยไม่รู้จริง" หวังว่าน่จะเข้าใจลองกลับไปอ่านและวิเคราะดูเทน้ำออกจากแก้วบ้างแล้วจะเข้าใจ

คือ มี Connector เพิ่มมาตั้ง 2 ตัว ไม่ต้องเบิร์นเลยหรอครับ ได้มาปุ๊บ เสียบปั๊บ ก็เสียงดีขึ้นเลยหรอครับ ถือเป็นอุปกรณ์ที่แปลกมาก ขนาดแค่เอาสายหูฟังไปเปลี่ยนแจ๊ค เสียงตอนเพิ่งเปลี่ยนยังรู้สึกไม่เวิคเลยครับ ต้องเบิร์นไปสักพัก นี่เพิ่มมาตั้ง 2 หัว หรือได้มีการเบิร์นก่อนส่งให้ลูกค้าแล้ว ? ^^!!

คห.131 ผมไม่อธิบายอะไรแล้วดีกว่าเพราะเขามาขายของไม่ใช้ห้องจับฉ่ายเรื่องจริงๆมันยาวเยื้อยขี้เกียจพิมพ์โต้ตอบไรมากมายทู้เขาขายของ

ล๊อตแรกได้ทำการนัดเจอและส่งให้ทุกท่านแล้วนะครับ ก็รอฟังรีวิวคนที่เหลือแล้วกัน

ส่วนคำถามที่หลายๆคนสงสัย ผมจะตอบให้ละกันครับ

1. เรื่องของหลักการทำงานนั้น ผมเองไม่รู้หรอกครับ ผมก็อาศัยถามคนที่เค้าทำสายให้แล้วก็เอาคำตอบมาตอบในนี้่ครับ ซึ่ง ถ้าไม่มีคำถามมา ผมก็คงไม่บอกเองดื้อๆ เพราะผมไม่มีความรู้ด้านนี้อยู่แล้ว ผมไม่ทราบว่าท่านอื่นที่ mod สายจะมีความรู้ด้านนี้ไม๊ แต่ผม "ไม่มีครับ" ดังนั้น ถ้ามีการแจกรางวัลโนเบลในสาขานี้ ผมคงต้องมอบให้คนที่้เป็นคนทำสายให้ผมครับ

ที่สำคัญ กระทู้นี้ไม่ได้มาแสดงวิธีการค้นพบหลักการกำเนิดเสียงชนิดใหม่ ดังนั้น รายละเอียดลึกๆผมไม่สามารถตอบได้ครับ ผมตอบได้แค่เรื่องเสียงเท่านั้นเอง และถ้าใครสามารถอธิบายได้ผมก็ไม่เกี่ยงนะครับ รบกวนอธิบายให้ผมด้วยก็จะเป็นพระคุณครับ เพราะเห็นคนที่มาตั้งคำถามน่าจะเป็นกูรูด้านนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว ผมเจ๋งไม่เท่าท่านครับ พูดจริงๆนะ



2. อันนี้สายยังไม่เบิร์นนะครับคุณ JokE_zZz คนที่ได้ไปต้องเบิร์นอีกหน่อย แต่ถามว่าดีขึ้นเลยไม๊ ที่ผมลองก็คือดีขึ้นเลยครับ ส่วนที่เหลือก็ลองอ่านรีวิวท่านอื่นๆครับผม และอย่างที่บอก ผมไม่ทราบหลักการว่าทำไมมันดีขึ้น ดังนั้น ห้ามถามนะครับ 55


3. อุปกรณ์ใช้อะไรยังไง ผมขอไม่บอกนะครับ เพราะเป็นข้อตกลงกับคนที่ทำสายให้ผม และผมคิดว่าผมไม่จำเป็นอธิบายเรื่องอุปกรณ์ที่นำมาใช้ เพราะผมคัดทุกอย่างมาจนลงตัวแล้ว แน่นอนว่าผมคงไม่ได้ไปใช้ของถูกๆตามบ้านหม้อแน่ๆ เพราะเสียงมันก็ฟ้องอยู่ครับ เอาง่ายๆ ของเกือบทุกชิ้น ผมต้องสั่งจากเมืองนอกเท่านั้น เพราะบ้านเราไม่มีขายครับ หรือมันอาจจะมีแต่ผมไม่รู้ก็ได้

4. ดีใจที่ได้เจอคุณ G-8 นะครับ ไหนๆก็ข้ามมาจากโลกอนาคตแล้ว รบกวนขอตรงๆซักงวดแล้วกันครับ

ส่วนคุณ G-9 คุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ การเอา Tiamat ไปต่อปืนใหญ่ บ้านบางระจันก็ยังคงแตกอยู่ดี เนื่องจากผสมปูนไม่ดี แต่ที่แน่ๆ จะทำให้เสียงปืนใหญ่ออกมาแน่นขึ้น เนียนขึ้น จังหวะเสียงลูกปืนกระทบลงเป้าหมายจะดูทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถแยกแยะเสียงพม่าที่ร้องโหวกเหวกโวยวายได้ด้วย ซึ่งเราก็จะทราบกองกำลังของทางฝั่งนั้นเสียหายมากน้อยเพียงใด





ทั้งนี้ทั้งนั้น พื้นที่ส่วนนี้ผมจะทิ้งไว้ให้ทุกท่านได้รีวิวและถกกันในรายละเอียดนะครับ ส่วนผมจะไปเปิดกระทู้ใหม่สำหรับคนที่จองล๊อต 2 เพราะกระทู้นี้มันรกจนดูตาลายไปหมดแล้วครับ



ใครคาใจสนใจจะลอง เมล์มาถามได้เลยนะ

ลองฟังมาหลายวัน
ชุดที่ใช้ dx90 fullmod + acs t1

เสียงโดยรวม อุ่นขึ้น เสียงร้องหนาขึ้น บรรยากาศโอบล้อมมากขึ้น แต่อิมแพคเบสลดลง เก็บตัวเร็วขึ้นแน่นขึ้นเล็กน้อย

เอาฟังเพลงร้องนี่ดีขึ้น แต่พวกร็อคนี่ไม่ไหวเลยครับ

ส่วนคุณ G-9 คุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ การเอา Tiamat ไปต่อปืนใหญ่ บ้านบางระจันก็ยังคงแตกอยู่ดี เนื่องจากผสมปูนไม่ดี แต่ที่แน่ๆ จะทำให้เสียงปืนใหญ่ออกมาแน่นขึ้น เนียนขึ้น จังหวะเสียงลูกปืนกระทบลงเป้าหมายจะดูทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถแยกแยะเสียงพม่าที่ร้องโหวกเหวกโวยวายได้ด้วย ซึ่งเราก็จะทราบกองกำลังของทางฝั่งนั้นเสียหายมากน้อยเพียงใด

ปืนใหญ่บางระจันไม่ใช่ปูนนะครับ สมัยนั้นชาวบ้านใช้ เงินทองและสำริดมาหล่อครับ Strength กับ Impact resistance มันต่ำครับ เพราะชาวบ้านไม่มีความรู้ในเรื่องโลหะผสมครับ มันใช้แทนกันไม่ได้ แม้แต่เทคโนโลยี่การหลอมและหล่อ ก็ไม่มี โลหะสกปรกมากครับ Inclusion เต็มไปหมด แต่เพราะสมัยนั้น เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วครับ ย้ำอีกครั้ง ปืนใหญ่ไม่ใช่ปูนครับ =_="

" ส่วนคุณ G-9 คุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ การเอา Tiamat ไปต่อปืนใหญ่ บ้านบางระจันก็ยังคงแตกอยู่ดี เนื่องจากผสมปูนไม่ดี แต่ที่แน่ๆ จะทำให้เสียงปืนใหญ่ออกมาแน่นขึ้น เนียนขึ้น จังหวะเสียงลูกปืนกระทบลงเป้าหมายจะดูทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถแยกแยะเสียงพม่าที่ร้องโหวกเหวกโวยวายได้ด้วย ซึ่งเราก็จะทราบกองกำลังของทางฝั่งนั้นเสียหายมากน้อยเพียงใด "

ปืนใหญ่บางระจันไม่ใช่ปูนนะครับ สมัยนั้นชาวบ้านใช้ เงินทองและสำริดมาหล่อครับ Strength กับ Impact resistance มันต่ำครับ เพราะชาวบ้านไม่มีความรู้ในเรื่องโลหะผสมครับ มันใช้แทนกันไม่ได้ แม้แต่เทคโนโลยี่การหลอมและหล่อ ก็ไม่มี โลหะสกปรกมากครับ Inclusion เต็มไปหมด แต่เพราะสมัยนั้น เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วครับ ย้ำอีกครั้ง ปืนใหญ่ไม่ใช่ปูนครับ =_="

--------------------------------------------------------------------------------------------------------



รบกวนอ่านซ้ำหลายๆเที่ยวนะครับ เฉพาะบรรทัดบนสุดก็ได้


นี่อาจจะเป็นปัญหาของคนไทยในปัจจุบันเลยนะครับ คือ อ่านโจทย์แล้วตีความไม่แตก ไม่สามารถจับ theme ในบทความได้ เอ๊ะ... หรือมุกผมมันโบราณจัด คนยุคนี้ไม่ get ?

แต่ผมชอบนะ เรื่องหลอมโลหะของปืนใหญ่ในยุคนั้น

ไปรับมาเมื่อบ่ายนี้ครับ กลับมาถึงบ้าน ก็ตั้งใจฟังเพื่อพิสูจน์ว่าได้อย่างที่คุณตั้ม (G7) ได้รีวิวไว้ไหม

ขอออกตัวดังเอี๊ยดไว้ก่อนเลยครับว่า ประสบการณ์ในการฟัง และความสามารถของหูคงต่างจากคุณตั้มซึ่งเป็นรีวิวเวอร์มากประสบการณ์แน่ๆ อุปกรณ์ที่เลือกใช้ทดสอบคือ
- มือถือ oppo find7a
- หูฟัง RE 400 กับ XTZ

อัลบั้มที่ใช้ทดสอบ
- Come away with me ของ Norah Jones
- Skin ของ Skin
แนวเสียงที่ผู้รีวิวชอบฟังคือ แนว flat ไม่ปรุงแต่ง ไม่ชอบโทนสว่างจัดๆ ชอบเสียงที่มีเนื้อมากกว่าเสียงบาง เป็น music lover ครับ

เข้าเรื่องเลย ต่อปุ๊บฟังปั๊บก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเลยครับ เป็นสายที่ไม่มีบุคคลิกเป็นของตัวเอง เลยไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงบุคคลิกเสียงชุดที่ผมใช้ทดสอบครับ สิ่งที่ฟังแล้วสัมผัสได้เลยเป็นอันดับแรกคือโฟกัสครับ จากที่เสียงต่างๆออกจะบานๆไม่ค่อยมีทรวดทรง ตามปกติของมือถือ ก็จะมีขอบเขตที่ชัดขึ้น เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จับต้องได้ดีขึ้นครับ เลยทำให้เราได้ยินเสียงทุกอย่างได้ชัดขึ้น ทั้งเสียงหลักและรายละเอียด เรื่องต่อมาคืออิมแพค และหัวโน้ตต่างๆ รับรู้ได้ว่ามากขึ้น และชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอัลบั้ม Skin ทั้งการหวดสแนร์ เหยียบกระเดื่อง ชัดเจนถังใจดีมากครับ ทำให้ XTZ ของผมกระฉับกระเฉงขึ้นมาเลยครับ อีกเรื่องคือมิติด้านลึกครับ มันช่วยให้มือถือที่ค่อนข้างแบนเพิ่มความลึกขึ้นมาได้ดีระดับหนึ่งครับ แต่ผมรู้สึกได้ไม่มากเท่ากับในรีวิว อาจเป็นเพราะไม่ได้ทดสอบกับเพลเยอร์จริงๆก็เป็นได้ แต่ทำให้ oppo ผมลึกขึ้นมาได้เท่านี้ก็ไม่น่าเกลียดแล้วหล่ะครับ

เสียงสูง
ละเอียด ชัดเจน แยกแยะน้ำหนักได้ชัดขึ้น และลดความหยาบที่เกิดจากคุณภาพของมือถือได้ดี ไม่กุดไม่หาย ปลายเสียงสวยสำหรับผม ไม่ฝอยหรือเป็นประกายจนเกินไปเหมือนปรุงขึ้นมา

เสียงกลาง
เสียงร้องมีทรวดทรงมากขึ้น ชัดเจน ไม่แบนและแผ่เหมือนเดิม ผลของโฟกัสที่ดีขึ้น ีทำให้ได้ยินรายละเอียดของเสียงร้องได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเสียงแหบเสน่ห์ ของ Norah Jones ชัดเจนขึ้นมากครับ เสียงกลองทอมต่างๆ ในย่านกลางมีน้ำหนักมีมวลและอิมแพคที่ดี

เสียงต่ำ
อันนี้ชอบ เพราะไม่ยานไม่แผ่ไม่ย้วยมีมวล มีรูปร่างเป็นลูก เหมือนว่าสายเบสหรือหนังกลองจะขึงตึงขึ้น ทำให้ชัดเจนและรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนได้ชัดขึ้น การเก็บตัวดีไม่เร็วจนฟังไม่ทันเสียงของทางเบส

ผมว่าอานิสงส์ทั้งหมดต้องยกความดีให้เรื่องของโฟกัสครับ พอโฟกัสดีขึ้นเรื่องอื่นก็จะชัดเจนตามมาครับ และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ได้รีวิวมานี้ต้องเข้าใจว่าอยู่บนความจริงที่เราเพิ่มสายเส้นสั้นๆเข้าไปนะครับ ไม่ได้เปลี่ยนหูฟังหรือเครื่องเล่นใหม่ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคงไม่มากเท่า จะฟังแล้วเปลี่ยนแปลงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความสามารถของแต่ละคนด้วยครับ ส่วนเรื่องหลักการและเหตุผล ส่วนตัวไม่สนใจเลยนะครับว่าเพราะอะไรถึงทำได้แบบนี้ ขอแค่ทำได้อย่างที่พูดก็พอแล้วครับ เพราะถึงบอกมาผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คิดว่าเรื่องพวกนั้นมันเป็นส่วนของผู้ผลิตเขา ผมผู้ฟังสนใจแต่ผลที่ได้มากกว่าครับ และก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรนอกจาก แจ็ค + สาย + แจ็ค ก็คงไม่มีอะไรที่มากไปกว่าการแมทชิ่งมั้งครับ เพราะผู้ขายเองก็บอกไว้ชัดเจนว่า
".....เหตุผลไม่ต้องไปสนใจครับ เราใช้การฟังเป็นตัวตัดสิน....." และก็ไม่มีวงจรใดเลยในนี้
ผมเองยังไม่เห็นเหตุผลอะไรเลยที่ผู้ขายจะโดนว่าหรือเข้าใจผิดได้มากขนาดนี้ เพราะก็พยายามอ่านในรีวิวแล้วสองสามรอบ ผู้ขายก็บอกไว้อย่างชัดเจนทุกอย่างว่าเขาคิดแบบไหน ทำแบบไหน และอยากให้ผู้ซื้อเข้าใจแบบไหน และผมก็ยังคิดไม่ออกเลยครับว่าคนอย่างคุณตั้ม G7 จะมาโกหกหลอกลวงทำไม จะเอาชื่อเสียงของรีวิวเวอร์มากประสบการณ์ร่วมสิบปี ที่เป็นผู้เขียนรีวิวให้เราได้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ เอามาแรกกับเงินเพียงไม่กี่บาททำไม ผมอยากขอร้องว่าอย่าตัดสินหรือผลักให้เขาไปเป็นคนโกหกหลอกลวง หรือคนเลวอะไรเลยครับ ถ้าเพียงแค่เขาหาหลักวิชาการมาตอบไม่ได้ หรือตอบไปตามความเข้าใจเขาให้เราเข้าใจง่ายๆ แต่มันดันผิดกับทฤษฎีวิชาการที่ผู้มีความรู้ได้ศึกษามา เพียงแค่นี้ก็อย่ามายึดติดกันเลยครับ เพราะว่าประสบการณ์ของเขานั่นมีค่าและสำคัญกว่ามากครับ เพราะสิ่งที่เขาทำออกมาผมก็ได้พิสูจน์กับหูผมเองทั้งสองครั้งแล้วครับ ทั้งหูฟัง E30 ก่อนหน้านี้ และก็สายเส้นนี้ว่าคุณภาพของสิ่งที่เขาทำออกมานั้นไม่ได้หย่อนไปจากสิ่งที่เขาได้รีวิวไปเลย โดยเฉพาะสายตัวนี้สำหรับผมแล้วมันมีประโยชน์กับผมมากครับ อยู่ออฟฟิศก็ใช้ต่อกับเพลเยอร์ฟังเพลงกับหูฟัง ขึ้นรถก็ต่อเข้า aux ฟังกับเครื่องเสียงรถยนต์ อยู่บ้านก็ต่อกับคอมฯฟังเพลงดูหนัง แค่นี้ก็คุ้มพอที่จะทำให้ผมมองข้ามเรื่องเล็กน้อยๆไปได้แล้วหล่ะครับ เราคนฟังเพลงด้วยกันนะครับ หาความสุขจากการฟังเพลงกันเถอะครับ อะไรที่เรายังไม่รู้ หรือยังไม่ได้พิสูจน์ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปหรือตัดสินจะดีกว่าไหมครับ ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ :-)

คนที่เอาแต่เข้ามาพิมพ์ตำหนิเขา
ก็น่าจะพิจารณาตัวเองกันบ้าง
ทำเอง ก็ทำไม่ได้อย่างเขาทำ
เอาแต่พิมพ์ว่าเขาอย่างเดียว
ตัวเองเคยไปลองฟังของเขาสักครั้งหรือยัง
ไอ้ที่ชื่อ ฟาย ฟาย อีกตัว หายหัวไปไหน

ผมว่าหลายๆคนที่ถามเพราะอยากรู้นะครับ

คำพูดที่ว่าทำได้อย่างเค้าหรือป่าวเนี่ย ไม่ค่อยโอเคเลยนะครับ

ถ้าคนที่สนใจไม่มีสิทธิ์ถามเลย ก็ไม่อยากซื้อกันนะครับ

ผมจำเป็นต้องทำได้อย่างเค้ามั้ยครับถึงจะมีสิทธิที่จะวิจาร

อากาศมันร้อน ก็ระวังโรคพิษสุนัขบ้านะครับ พี่น้อง เด้วถ้าโดนมันกัด ต้องไปฉีดยารอบสะดือนะเออ!

สวัสดีครับ ผมโคโกโร่จอมนิทรานักสืบชื่อดังครับ

ผมขอวิเคราะห์ตามหลักนักสืบนะครับ คนที่เดือดร้อนกับอุปกรณ์แบบใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าการฟังเพลงก็คือ
1.ตัวเองปลอมตัวเข้ามา
2.พวกอกหักเหมือนกัน

ขอตัวไปทำดื่มเบียร์ เอ้ยทำคดีต่อครับ รันกับโคนันรอผมอยู่

พี่ๆ น้าๆ ครับ ทำไมพี่ๆ น้าๆ ในนี้ดุกันจังครับ
นี่มันกระดานที่น้ามั่นคงใจดีเขาให้ใช้ฟรี ใครก็เข้ามาถามได้นี่ครับ
แล้วทำไม่ต้องดุกันละครับ ไม่ใช่บล๊อคส่วนตัวหรือเว็บส่วนตัวพี่นิครับ
เด็กใหม่อย่างพวกผมเลยไม่กล้าถามเลย ถามนิดหน่อยก็ดุละ

ความจริง การถามน่ะ ถามได้นะผมก็ไม่เคยว่าอะไร และก็จริงๆแล้วต่อให้ทำไมเองไม่ได้ก็สามารถวิจารณ์ได้นะครับ ไม่งั้นคนวิจารณ์หนังคงเป็นผู้กำกับทุกคนแล้ว... แต่ที่ผ่านๆมายังไม่เห็นบทวิจารณ์นะครับ เห็นแต่คำถามซะมากกว่า

ทีนี้ปัญหาคือ คำถามหนักไปทางหลักการ ซึ่ง ถ้าผมคิดว่าผมรู้และผมเจ๋งจริง ผมคงเอาลงไปในรีวิวและโชว์อิทธิปาฏิหารย์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมีคนถามมา ผมก็ต้องไปถามผู้ที่ผมคิดว่าเค้ารู้แล้วก็เอาคำตอบนั้นมาบอก ตัวผมเองไม่ได้รู้ลึกซึ้งอะไร ไม่งั้นคงไม่ไปโชว์โง่ที่ไปบอกคนอื่นว่า "ทอง" นำสัญญานดีกว่า "เงิน" หรอกครับ เพราะผมไปอ่านในหนังสือเรื่องเสียงเล่มนึง ในนั้นเขียนว่า "ทอง" ทำให้อิเลคตรอนวิ่งได้เสถียรกว่า ผมก็เลยตีความเอาเองว่า "ทอง" นำสัญญานดีกว่า "เงิน" แน่ๆ เลยหงายเงิบมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นรับประกันได้ว่าผมไม่มีความรู้ด้านนี้อยู่เป็นทุนเดิม

เพียงแต่ผมใช้วิธีตั้ง "ธง" และเลือกเอาวัสดุที่มันสามารถทำให้เกิดเสียงตามที่ผมคาดเอาไว้ มารวมตัวกันเท่านั้นเอง และด้วยความที่ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ และไม่มีเครื่องมือ ก็ต้องใช้วิธีสุ่มลอง โดยพยายามสโคปเอาเฉพาะของที่ดีๆมาทดสอบ เพราะจะกว้านซื้อมั่วๆก็ใช่เรื่อง แต่กระนั้นก็หมดไปหลายเหมือนกัน เพราะของที่เอามาลองมันก็ไม่ใช่ของราคาถูกๆ คือ มันไม่ใช่ว่า เลือกสายเงิน เลือกสายทองแดง และหาหัวใส่ๆแล้วก็จบ ลำพังทองแดงเองก็มีหลายเกรด และมีหลายรูปแบบ ดังนั้น พวกสเปคผมถึงไม่บอก เพราะบอกไปก็ไม่ได้ช่วยให้นึกถึงเรื่องเสียงของมันได้ ของพวกนี้ยังไงก็ต้องลองฟังด้วยตัวเองถึงจะดีที่สุด

ดังนั้น ถ้าถามหลักการของผม ผมก็แค่หาอุปกรณ์ที่สร้างความสมบูรณ์ของเสียงในตามความคิดผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้มันจะไม่ได้เท่าที่คิดไว้ก็ตาม แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ ซึ่งผมไม่เคยไปคิดถึงวิธีการทำงานของมันว่ามันทำงานยังไงถึงออกมาเป็นแบบนี้

เผอิญมีคนถามมา จะตอบว่าไม่ทราบก็ต้องมีคำถามตามมาอีกไม่หยุด ผมเลยตัดสินใจไปถามแล้วมาตอบ ก็กลายเป็นยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่


และอันนี้สำคัญคือ ผมไม่ได้มาประกาศการ "ค้นพบ" นะครับ คือถ้าจะถามลงลงลึกในหลักการและวิธีการเนี่ย ถ้าผมประกาศตัวว่าผมค้นพบ "การทำงานลักษณะแบบใหม่" นี่ก็ดูจะสมเหตุสมผลหน่อย แต่ผมก็เพียงแค่ออกแบบและทำสายออกมา ภายใต้การทอดลองฟังและใช้ประสบการณ์ที่ผ่านๆมาเป็นตัวช่วย ดังนั้น มาถามหลักการจากผมไปก็เท่านั้นแหละครับ


เรื่องของเสียงนั้น ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการ "ลองฟัง" อยู่แล้วครับ ลำพังอุปกรณ์และสเปค ไม่ได้บ่งบอกว่าเสียงจะดีหรือตรงใจเราหรือเปล่า มีแต่ "หู" เราเท่านั้นครับที่ตอบได้ ถ้าสนใจจริงๆ แนะนำให้ลองมาฟังครับ ซึ่งผมก็บอกหลายทีแล้วว่าพร้อมให้ลองนะ มาเลยพร้อมเต็มที่ครับ ผมจะให้ลองไล่เลยว่า ถ้าใช้ชุดห่วยๆเป็นยังไง ใช้ชุดแพงๆแล้วจะเป็นไง มีความเปลี่ยนแปลงแบบไหน ซึ่งนั่นแหละครับ คือสิ่งที่คนที่คิดจะสนใจจะซื้อ "พึงกระทำ"

คห141 ที่บอกว่าทำไม่ได้แล้วไปตำหนิเขานี่ไม่โอเคนะ คิดอะไรเหมือนเด็กๆ ก็เข้าใจว่าช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว
เกรดออกรึยังล่ะลูก หรือติด มผ แล้วมาเกรียนในบอร์ด คนเค้าจะถามก็เรื่องของเค้ามึงอย่าทำตัวเป็นเจ้าของบอร์ด ผมไม่ได้สงสัยในเซ้นเรื่องเสียงของคุณ g-7 อยู่แล้ว ถึงมันจะเสียงดีจริง แต่เอาหลักการมั่วๆมาบอกมันไม่ถูกต้องถ้าคุณ g-7 ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องจัดเรียงอิเล็กตรอนว่ามันมั่ว ยกเมฆมา เรื่องมะนจะได้จบๆไป

ผมโคโกโร่ จอมนิทรา มาอีกทีครับ
ผมยืนยันว่าพวกมาตำหนิคนอื่น มีสองพวกครับ
1.ตัวเองปลอมตัวเข้ามา
2.พวกอกหักเหมือนกัน

สารวัตรเมงุเระ เรียกผมไปไขปริศนาอีกแล้ว ขอไปคลี่คลายคดีต่อครับ

คนเป็นโรค bipolar เยอะจัง จากผู้ที่เป็นแอดมินเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งมาแปดปี
อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ จบกทำ. หึๆ

จขกท.เงียบไปแระ ถ้าไม่มีวงจร แสดงว่าเป็น passive eq ต้องลองฟังสถานเดียว ขอพลังจงสถิตย์กับผู้ที่ซื้อไปแล้วโดยไม่ได้ลองฟังทุกท่าน 555 ขำ ๆ แก้เครียดนะครับ

" 1. เรื่องของหลักการทำงานนั้น ผมเองไม่รู้หรอกครับ ผมก็อาศัยถามคนที่เค้าทำสายให้แล้วก็เอาคำตอบมาตอบในนี้่ครับ ซึ่ง ถ้าไม่มีคำถามมา ผมก็คงไม่บอกเองดื้อๆ เพราะผมไม่มีความรู้ด้านนี้อยู่แล้ว ผมไม่ทราบว่าท่านอื่นที่ mod สายจะมีความรู้ด้านนี้ไม๊ แต่ผม "ไม่มีครับ" ดังนั้น ถ้ามีการแจกรางวัลโนเบลในสาขานี้ ผมคงต้องมอบให้คนที่้เป็นคนทำสายให้ผมครับ "

งง ตอนแรกบอกว่าเป็น"ผู้ออกแบบ" คิดค้นทดลองมาปีกว่าๆ แล้วหลักการอาศัยถามจากคนทำสายให้ สรุป เค้าทำสำเร็จรูปแนวนี้ขายอยู่แล้ว (ถ้าคนทำสายเป็นแค่คนทำสายเชื่อมให้เค้าคงไม่รุเรื่องหลักการแน่ๆ) แสดงว่าคุณแค่ไปบอกให้เค้าเปลี่ยนอันนี้ๆ เป็นอันนี้ๆ แล้วเอามาฟังๆดูว่าดีมั้ย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาประมาณปีกว่า ผมเข้าใจถูใช่มั้ย ?

งี้เหมือนผม ไปกินกาแฟเจ้านึงมันอร่อยแต่หวานน้อยไปหน่อย เลยบอกให้เค้าเพิ่มน้ำตาล ค่อยลองไปเพิ่มวันละ 1 มิลิกรัม จนสรุปมันอร่อยขึ้น กลมก่อมขึ้น แล้วผมก็เลยเอามาขายต่อถูกมั้ย ?

เพราะฉะนั้น
"ประเด็น" คือคุณออกตัวมาซะอย่างกับ คิดเอง ทำเอง ค้นคว้ามาเอง จนน่าหมั่นไส้พอตอบไม่ได้ก็ออกมาอ้างไสยศาสตร์ เลยโดนยิงคำถามจากคำโม้ อวดสรรพคุณ กับเรื่องราคาที่แพงเกินตัว จากค่าเปลี่ยนชิ้นส่วนบางส่วนแค่นั้นเอง

แต่ยังไงก็ขายได้ครับ เสียงดีขึ้นครับ ยินดีด้วย

นายg7นายไม่รู้ได้อย่สงไรนายเคยอยู่กับค่ายโมหูตรา กระต่าย มาก่อนแล้วแยกวงออกมา จะแถไปถึงไหน อย่ามาตุดเอาดีเข้าตัวเวลาชั่วไม่ยอมรับ ควาทหน้าเชืิอถือควรจะมีบ้างไม่ไช่แถกไปแบบนี้

น่าผ่าสายมาดูข้างในจริงๆ


หลักการคือ เอาอะไรก็แล้วแต่ไปคั่นมันทำให้เสียงเปลี่ยนทั้งนั้น
ทีนี้เลยเอาตัวผู้ตัวเมียมาลองบัดกรีประกอบสายแล้วฟังดูว่าแบบไหนเข้าท่าก็เอาแบบนั้นมาขาย

เหมือนเราเปลี่ยนแจ๊คหูฟังน่ะ เสียงมันก็เปลี่ยน แต่หูฟังมันดีขึ้นด้วยแน่ๆเพราะ แจ๊คใหม่มันดีกว่าแจ๊คเดิมๆ

ระหว่างใช้สายเส้นนี้

กับเอาหูฟังไปเปลี่ยนแจ๊ค

อันไหนเสียงดีกว่ากัน

ใครซื้อสายไปอยากให้ลองรีวิวจุดนี้หน่อย เพื่อเป็นความรู้

เมื่ออ่านเสร็จถ้าไม่สนใจให้ปิดหน้านี้ลงช้าๆอย่างหน่วงๆ และขอแสดงความเสียใจด้วยว่าคุณพลาดสิ่งดีๆในชีวิตซะแล้ว

^^^
^^
^

55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555+