หูฟังของทาง Klipsch เองนั้นก็มีอยู่หลายรุ่นหลายรูปแบบครับ แต่วันนี้ที่จะหยิบมาโม้ให้ฟังกันเป็นหูฟังรุ่นน้องสุดจากซีรีย์ X นั้นก็คือ Klipsch x4i ตัวนี้นี่เอ๊งงงงง!!!

มาดูกันที่หน้าตาอันหล่อเหลาเอาการกันก่อนเลยดีกว่าครับ วัสดุตัวบอดี้ด้านนอกนั้นเป็นโลหะเกรดดีน้ำหนักเบา ส่วนด้านในนั้นจะเป็นพลาสติกที่ดูทนทานไม่แพ้กันเลยละครับ

ตัวท่อเสียงนั้นถูกออกแบบมาให้เอียงประมาณ​ 45 องศาเพื่อรองรับกับสรีระของหูเรานั้นเองครับ เวลาใส่เข้าไปแล้วตัวบอดี้จะเข้าพอดีใบหูเราทำให้ใส่สบายแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บหูเลยละครับ

พูดถึงเรื่องการสวมใส่แล้วที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คงเป็น จุกยาง ของทาง Klipsch นี่แหละครับที่เค้าออกแบบมาเป็นพิเศษที่จดสิทธิบัตรเป็นของตัวเองเลยละครับ เป็นการออกแบบจุกให้เป็นวงรี ซึ่งมันก็จะพอดีกับรูหูของเราแบบพอดีมากๆ ครับทำให้ใส่สบายแล้วไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

และอีกหนึ่งสิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นของหูฟัง Klipsch ก็คือไมค์นี่แหละครับเพราะมันสามารถรับเสียงเข้ามาได้ในระยะ 360 องศาเลยทีเดียวเชียว เรียกว่าเหมาะกับคนที่ใช้ไมค์บ่อย ๆ มากทีเดียวครับใครหลาย ๆ คนคงเคยเจอปัญหาหูฟังมีไมค์ทั้งที่แต่ก็ยังต้องเอามือไปยกไมค์ขึ้นมาพูดใกล้ ๆ ปากให้เมื่อยมือซะอีก แต่สำหรับหูฟังของทาง Klipsch นั้นต้องบอกเลยว่าปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ตัวสายนั้นเป็นสายแบนละครับซึ่งจุดเด่นของสายแบบนี้นั้นก็คือมันไม่พันกันง่ายนั้นเองครับ หลาย ๆ คนคงเคยเจอปัญหาหยิบหูฟังมาฟังที่กว่าจะได้ฟังต้องรื้อสายกันจนเบื่อ แต่สำหรับสายแบบนี้ต้องบอกว่าต่อให้พันกันจริง ๆ ก็คลี่ออกมาได้ง่ายกว่าสายแบบกลม ๆ มากเลยละครับ

ส่วนตัวแจ็คนั้นตัวนี้มาแบบตรง ๆ ครับแต่มีรูปทรงที่เล็กสามารถใส่กับเคสโทรศัพท์ได้สบาย ๆ ละครับ

ส่วนนี้เป็นกระเป๋าที่แถมมาให้สำหรับใส่หูฟังครับผม เป็นกระเป๋าผ้าอย่างดีขนาดกระทัดรัดใส่เจ้า Kilpsch X4i ได้พอดีเลยละครับ

คราวนี้ก็มาถึงจุดสำคัญกันแล้วละครับ นั้นก็คือเรื่องของเสียงนั้นเอง การทดสอบครั้งนี้ผมใช้เครื่องเล่นเป็น IBASSO DX90 ครับ แล้วก็จับเจ้า Klipsch X4i ต่อตรง ๆ เข้าไปเลย

สิ่งแรกที่สัมผัสได้จาก Klipsch X4i ตัวนี้คือฉากหลังที่สงัดมาก ๆ ครับเรียกว่าเป็นจุดเด่นตั้งแต่รุ่นเล็ก ๆ อย่าง S3M ที่ผมเคยพูดถึงกันไปก่อนหน้านี้ แต่สำหรับ X4i ตัวนี้นั้นยกระดับไปอีกขั้น โฟกัสของชิ้นดนตรีนั้นทำได้ดีทีเดียวครับ แยกแยะได้ชัดเจน สัมผัสได้ถึงตำแหน่งของชิ้นดนตรีนั้น ๆ ส่วนเรื่องเบสนั้นเป็นเบสที่มีอิมแพคดีครับ หัวโน๊ตชัดเจนและเก็บตัวได้ดีไม่บวมเบลอไปกลบย่านอื่น ๆ เสียงกลางนั้นเป็นเสียงกลางที่มีมวล ฟังเพลงร้องได้ไพเราะชวนฟังใช้ได้เลยละครับผม เวทีเสียงอยู่ในระดับที่ดีครับอาจจะไม่ได้เรียกว่ากว้างขวางมากมาย แต่มีขนาดที่ฟังแล้วไม่อึดอัดครับ

เริ่มกันที่เพลงแรกผมทดสอบกับเพลง At Last ของ Eva Cassidy ซึ่ง Kilpsch ตัวนี้ก็ทำให้ผมประทับใจกับ ไดนามิค ของเสียงที่ทำได้ได้อย่างยอดเยี่ยมลื่นไหล จังหวะที่ร้องเสียงต่ำ ๆ แล้วไล่ไปสูงเร็ว ๆ นั้นหูฟังตัวนี้ให้ไดนามิคที่ลื่นไหลไม่มีสดุดหรือขาดช่วงเลยละครับ และเพลงที่ชิ้นดนตรีน้อย ๆ แบบนี้ ฉากหลังที่สงัดก็ช่วยเสริมให้การโฟกัสชิ้นดนตรีต่าง ๆ นั้นทำได้ดีขึ้นด้วยละครับ เรียกว่าเพลงนี้ผมให้เจ้าตัวนี้สอบผ่านเลย ละครับ

คราวนี้ผมทดสอบกับเพลงบรรเลงแซกโซโฟนดูบ้าง ซึ่งผมเลือกเพลงโปรดอย่าง La Dolce Vita ของ Warren Hill ครับ ซึ่งจากที่ฟังก็ต้องบอกว่าแม้เพลงนี้จะมีชิ้นดนตรีที่เยอะขึ้นก็ยังคงให้ไดนามิคที่ดีเช่นเคย การแยกแยะชิ้นดนตรีได้ดี ไม่อยู่ติดกันเป็นกลุ่มก้อน ถึงโดยรวมแล้วหูฟังตัวนี้จะไม่ได้มีเวทีเสียงที่กว้างมากนัก แต่การแยกแยะชิ้นดนตรีที่เฉียบขาดก็มาทดแทนกันได้ดีทีเดียวครับ ฟังดูแล้วไม่อึดอัด ปลายแหลมนั้นเคลียร์ใสทอดไปได้ไกลไม่บาดหูเลยละครับ

และก็มาถึงคราวที่จะลองฟังเพลงที่มีจังหวะ ๆ ดูบ้างครับซึ่งผมก็เลือกเพลง ตังเก ของน้าหมูพงษ์เทพ มาละครับซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก ๆ และอัดเสียงมาได้ดีมาก ๆ ที่ต้องพูดถึงก็คือย่านต่ำครับ เป็นเบสที่อิมแพคดีหัวโน๊ตชัดเจน และไม่ไปกลบกับเสียงย่านอื่น ๆ เรียกว่าฟังได้สนุกเลย แต่ต้องบอกว่าเบสแบบนี้อาจจะแพ้ทางเลยกับเพลงที่อัดเสียงเบสมาแบบซาวด์สังเคราะห์ หรือ เบสหนัก ๆ อย่าง Hip-Hop EDM อะไรประมาณนี้อาจจะไม่โดนใจเท่าไหร่ละครับ ส่วนเรื่องเสียงกลางในเพลงที่มีจังหวะแบบนี้ กาาที่ตำแหน่งเสียงร้องของเจ้าตัวนี้เขยิบมาข้างหน้านิดหน่อยช่วยเสริมให้ฟังสนุกดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกด้วยละครับ

สรุปโดยรวมแล้วหูฟังตัวนี้เป็นหูฟังที่ยกระดับมาจากซีรีย์รุ่นน้องอย่าง S และ R ละครับ แต่เจ้า X4i เป็นตัวเริ่มต้นของซีรีย์ X ซึ่งแนวเสียงนั้นจะซีเรียสมากขึ้น เน้นไปที่รายละเอียดชิ้นดนตรีต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ฟังยากนะครับ ยังถือว่าเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้หลากหลายอีกหนึ่งตัวครับ เรียกว่าจะฟังเอารายละเอียดเน้น ๆ ก็ทำได้ หรือ จะฟังเอาสนุกมันส์ ๆ นั้นก็เอาอยู่ละครับ ต้องบอกว่าเป็นหูฟังโอเวอร์ออล ที่ให้เสียงคุณภาพระดับจริง ๆ จัง ๆ ตัวนึงเลยละครับ

สำหรับใครที่มองหาหูฟังที่ให้รายละเอียดได้สมจริง แต่ยังคงฟังง่ายและไม่โดดเด่นไปด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป หรือ ใครที่เริ่มอยากจะเริ่มลองเล่นหูฟังที่มีสไตล์เสียงซีเรียสขึ้นมาอีกสักนิดก็ต้องบอกว่าควรมาลองเจ้าตัวนี้สักครั้งจริง ๆ ละครับผม

อ่านแล้วต้องรีบไปลองฟังเลยครับ พี่แฮม

พี่แฮมถ่ายรูปสวยจังเลย ใช้อะไรเป็นฉากครับ สีขาวขับตัวหูเด่นมาเลย จะได้ขอลอกบ้าง อิๆ

ขอบคุณคร๊าบบบ พี่อ่าง ผมใช้กระดาษขาวธรรมดาเลยครับ ใช้ไฟตะเกียบช่วยนิดหน่อยแบบบ้านๆเลยครับ พี่อ่าง ฮาๆ

จัดไป๊

รีวิว ได้ใจความ มีเกริ่นที่มาที่ไปด้วย บอกจุดสำคัญๆ ที่อยากรู้ได้ครบถ้วนดีครับ(แต่โม้น้อยลงนะครับ 555)

สวัสดีครับพี่ โลตัส :)

เจี๊ยกก ๆๆ ขอบคุณพี่ tangkoo คร๊าบบบ ส่วนเรื่องโม้ กลัวโม้มากแล้วจะออกทะเลจนคนอ่านสับสนว่ารีวิวหูฟังหรือเรือประมงกันแน่นะครับ ฮาๆๆๆ