Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

เรื่องสั้น : แท็กซี่ที่รัก

นายมั่นคง

23/10/2014 02:50:56
4,282







แท๊กซี่ที่รัก


ห่าฝนเดือนสิบกระหน่ำกรุงเทพมหานครชั้นในและชั้นนอกเมื่อตอนบ่ายวันทำงานวันหนึ่ง เสียงฝนกระทบพื้นดังฉ่าฉ่า บางคราฟังดังซ่าซ่า คล้ายเสียงทอดปลาทูกระทะใหญ่ในน้ำมันเดือด เสียงฉู่ฉ่าดังอย่างต่อเนื่อง คนกรุงทุกคนและสุนัขกรุงทุกตัวต่างหลบเข้าหาที่กำบัง ต้นไม้ริมฟุตบาทโอนและโยกเอนไปทางเดียวกันแบบแถวตอนเรียงหนึ่งด้วยแรงลมที่เป่าใส่อย่างบ้าคลั่ง ป้ายโฆษณาบนตึกสูงสั่นเทิ้มราวกับผีเข้า น้ำในถนนเริ่มสูงทีละหน่อย น้ำในท่อผุดและพุ่งกระฉูดขึ้นสู่อากาศเบื้องบน แมลงสาบที่หลับใหลอยู่ในท่อระบายน้ำ ต่างกรูแตกฝูงออกมาเพื่อร่วมเล่นน้ำฝนอย่างพร้อมเพรียง

มันเป็นความโกลาหลอย่างหนึ่งของคนกรุง ทุกคนหลบใต้ชายคาทำตาปริบ บางคนกลั้นหายใจ บางคนหลับตาภาวนาให้ฝนหยุด บางคนเปียกโชก บางคนเพียงแค่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน เมคอัพของสาวบางคนไหลเลอะเพราะถูกน้ำฝนชะ เจลใส่ผมทรงหัวแหลมของไอ้หนุ่มบางคนพังพาบไม่เป็นท่า ไม่มีใครชอบฝนตกในขณะที่ตนเองอยู่ภายนอกเคหะสถาน แต่ทุกคนพึงพอใจอยากให้ฟ้ารั่วหรือน้ำท่วมหนัก ถ้าตอนนั้นตนเองยังนอนอยู่ในบ้าน และหากเป็นฝนเช้าที่ตกก่อนเข้างานหรือน้ำท่วมโลกเสียเลยยิ่งดี เพราะมันเป็นข้ออ้างที่เต็มไปด้วยเหตุผลในการลางาน

ฝนเริ่มขาดเม็ด น้ำในท่อเลิกผุด น้ำท่วมขังเริ่มลดต่ำกว่าขอบฟุตบาท แมลงสาบเริ่มกลับคืนสู่ที่พัก ฟ้าเริ่มเปิดและสว่างขึ้น ทุกๆคนขยับตัวเดินทางเพื่อไปทำภาระกิจของตนเองต่อ ผมก็เช่นกัน การเดินทางกลับไปทำงานคงต้องพึ่งพารถสาธารณะ และเมื่อไหร่ที่เป็นเส้นทางนอกแนวรถไฟฟ้า พาหนะที่คนกรุงต้องมอบความไว้วางใจเลือกใช้ก็คือแท็กซี่ ใช่แล้วรถแท็กซี่นั่นเอง คนกรุงเทพคุ้นเคยกับรถแท็กซี่มาตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล เราลืมตาเกิดมาก็พบรถแท็กซี่ เราพึ่งพาอาศัยรถแท็กซี่กันมาทั้งชีวิต ลูกเกิดก็พาไปเกิดและคลอดบนแท็กซี่ ป่วยไข้หรือตีรันฟันแทงก็หามกันขึ้นแท็กซี่ ไปวางดอกไม้จันทน์งานศพเราก็ไปแท๊กซี่ มีใครไหมเล่าไม่เคยพึ่งพารถแท็กซี่

ผมชะโงกศีรษะและยื่นเท้าออกมาจนหมิ่นขอบฟุตบาท ปลายเท้าเกินครึ่งลอยบนอากาศ คงเหลือเพียงส้นเท้าที่ยังยืนอยู่บนฟุตบาท มือขวาชูและโบก โบกไปซ้ายและโบกไปขวาราวกับการทักทายศิลปินเกาหลีที่มาเปิดคอนเสิร์ทที่เมืองทองธานี แต่เปล่าผมกำลังโบกหารถแท็กซี่อย่างตั้งใจ ผมพยายามชูมือให้สูงและโบกด้วยท่าทางที่คิดว่าดึงดูดความสนใจของรถแท็กซี่ คนกรุงที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย การแกว่งแขนหรือโบกมือเรียกแท็กซี่ ทางการแพทย์ค้นพบว่าช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี ใครบางคนบอกว่า คนกรุงเทพมีมือขวาที่ยาวกว่ามือซ้ายโดยเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 5 เซนติเมตร อันเนื่องมาจากการโบกแท็กซี่เป็นประจำทุกๆวัน

ผมโบกอย่างต่อเนื่องมานานเกินกว่า 20 นาที แท็กซี่เปล่าหลายคันผ่านไปแบบไม่แยแสแม้แต่ชายตาแลมอง บางคันมองมาและสบตาผมก่อน แต่กลับจอดที่คนยืนดักก่อนหน้าผม และส่ายหัวปฏิเสธก่อนที่จะแล่นรถพรืดออกไป ผมนึกสมน้ำหน้าคนที่ยืนดักหน้าแต่ก็เท่านั้น แท็กซี่ไม่รับคนที่ดักหน้าผมและแท็กซี่ก็ไม่รับผมเช่นกัน หากขีดระยะทางจากสี่แยกมาถึงพิกัดที่ผมยืนปักหลักอยู่ มันมีระยะทางราว 50 เมตร แต่มีคนยืนรอดักแท็กซี่เกินกว่า 5 รายเรียงจนมาถึงผม หนำซ้ำบางคนเอาเปรียบการโบกแท็กซี่ด้วยการลงจากบาทวิธี แล้วลงไปโบกด้วยกริยาท่าทางน่าอนาถบนพื้นผิวการจราจร การโบกรถเต็มสองแขนเต็มกำลัง โบกขึ้นโบกลงถี่ๆ มันเหมือนตุ๊กตาแขนยาวที่ใช้พัดลมเป่ากำลังโบกเรียกคนเข้าสำนักงานโครงการขายคอนโด

ผมต้องชนะ ผมต้องชนะการโบกรถและต้องชนะใจแท็กซี่คันใดคันหนึ่งให้ได้ ผมอดทนรอจนคนที่ดักหน้าผมได้รถไปกันคนละคันจนเกือบหมด เหลือเพียงหนึ่งคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้าผม เป็นคนอายุดูเหมือนอ่อนกว่าผมเล็กน้อย มาเลย มาเลย เรามาวัดใจกัน ว่าใครจะได้แท็กซี่ก่อนกัน ผมต่อให้เค้าอยู่หน้าห่างจากตัวผมประมาณ 5 เมตร ผมหักนิ้วมือตัวเองดังกร้วบกร้าบเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้คู่ต่อสู้เห็นว่าผมพร้อมจะสู้ด้วย มาแล้ว มาแล้ว เกมส์สุดท้ายของผมเริ่มแล้ว แท็กซี่เขียวเหลืองใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งล้างด้วยน้ำฝนข้ามแยกไฟแดงมาแล้ว ผมยกมือขวาขึ้นสูง และชูขึ้นได้ก่อน และผมเห็นด้วยว่าโชเฟอร์นั้นสวมแว่นเรย์แบนด์สีดำแบบโจรตี๋ใหญ่ในละครสมัยก่อน

คู่แข่งผมชูมือเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าผมเพียงแค่เสี้ยววินาที แท็กซี่เขียวเหลืองเทียบซ้ายเข้ามาอย่างสง่างาม ผมกลั้นใจและภาวนาให้แท๊กซี่เป็นของผม ใจหนึ่งก็ประหวั่นว่าโชเฟอร์เรย์แบนด์จะจอดก่อนที่รถจะคลานมาถึงผม เปล่าเลยโชเฟอร์ขับเลยมาจอดรถตรงหน้าผม ผมยิ้มมุมปากและหันไปมองคนที่จ้องดักโบกแท็กซี่หน้าผม ส่งสัญญาณทำทีว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว จำได้ว่าผมแค่ยิ้มแบบเท่เพียงนิดแต่ไม่ได้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกแต่อย่างใด ผมก้มลงมองไปตำแหน่งคนขับ สิ่งที่แปลกใจคือโชเฟอร์เรย์แบนด์กวักมือทำทีให้ขึ้นเลย ขึ้นเลย ผมมองซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าลูกตาผมไม่มีความผิดพลาด เพราะปกติของคนกรุงมักผิดหวังมากกว่าสมหวังกับการโบกแท็กซี่

ผมขยับขึ้นนั่งเบาะหน้าคู่กับคนขับอย่างเรียบร้อยพร้อมกับการเคลื่อนตัวของรถ กลิ่นพวงมาลัยมะลิร้อยจำปาพวงโตคล้องกระจกส่องหลังหอมเย็นชื่นใจ โชเฟอร์อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม สวมแว่นเรย์แบนด์ทรงตี๋ใหญ่ให้ลาภ แก้มตอบ ผิวขาว ใบหน้าเรียวยาว หน้าตาเกลี้ยงเกลาภูมิฐาน ท่าทางใจดีแต่มีแววยโสทรนงซ่อนอยู่ โชเฟอร์ทักทายผมก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คาดเข็มขัดด้วยครับเดี๋ยวผมจะโดนพี่จ่าตรงแยกใหญ่หน้าจับเอา ผมพยักหน้าและรีบทำตามพร้อมกับเหลือบไปเห็นบัตรประจำตัวแท๊กซี่พร้อมรูปถ่ายหล่อเหลาที่ติดตรงคอนโซล ผมกวาดสายตาอ่านชื่อของสารถีที่จะนำผมกลับที่ทำงาน "นายทองพูน โคกโพธิ์" ผมสะดุ้ง ใจนึกถึงหนังไทยสมัยอดีตที่คนขับเป็นคนดี ขับแท๊กซี่ ที่ตายตอนจบ และชื่อ ทองพูน โคกโพ เช่นกัน

ช่างหัวมันเหอะ จะเป็นเหตุบังเอิญอันใดก็ช่าง ที่ชื่อพระเอกในหนังไทยจะมาพ้องตรงกับชื่อแท็กซี่คันที่ผมนั่ง ผมบอกแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า พี่ครับ ช่วยไปส่งผมตรงแยกราชประสงค์หรือแยกพระพรหมด้วยครับ โชเฟอร์ทองพูนยักหน้าและเข้าเกียร์ออกรถฉิวไปทันที หลังจากที่นั่งไปได้เพียงอึดใจ ผมนึกสงสัยว่าเหตุใดทองพูนถึงจอดรับผม ทั้งที่มีคิวยืนดักหน้าก่อนผม และมีเหลี่ยมที่จอดรับได้ง่ายกว่า ผมถามตรงๆ และแกก็ตอบ อ๋อไม่มีอะไรมาก ผมจะรับคนที่สบตาผมก่อนเป็นคนแรก และตั้งใจโบกเรียกผมก่อนเท่านั้น คำตอบที่สวนมามันดึงดูดความสนใจผมเข้าแล้ว เอาแล้วไง วันนี้เจอแท็กซี่ที่มีวิถีเป็นของตนเอง ผมเริ่มสนใจและอยากรู้เรื่องราวอีกมากมายของอาชีพแท็กซี่

รถขยับตัวไม่ได้เร็ว เวลาเหลือเฟือที่ผมจะนั่งเขี่ยโทรศัพท์ งีบหลับ หรือทำอะไรก็ได้ที่ผมอยากทำ แต่ผมเลือกที่จะสนทนากับทองพูนมากกว่า ผมถามต่อ เหตุใดถึงไม่รอให้ผมบอกก่อนว่าไปไหน และทำไมโบกมือให้ผมขึ้นบนรถเลย ทองพูนสาธยายให้ผมฟังต่อ การลดกระจกลงคือการแสดงออกถึงการต่อรองให้ตนเองได้เปรียบ ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติผู้โดยสาร รถแท็กซี่ของผมคันนี้ใครอยากขึ้นอยากเรียก ขอให้ขึ้นได้เลย ไปทุกที่ไม่มีการไต่ถาม ผมไปทุกที่ไม่เกี่ยงเส้นทาง หากผมจะไม่ไปนั่นหมายถึงผมจะกลับบ้าน ซึ่งผมจะปิดไฟสีแดงคำว่า"ว่าง" ทุกครั้ง ความฉงนระคนแปลกใจในอุดมการณ์ของทองพูนเริ่มมากขึ้น

ผมสงสัยและถามไปอีกครั้งว่าเกณฑ์การรับผู้โดยสารมีอย่างไรอีกบ้าง ทองพูนบอกกับผมว่าไม่มีอะไรมากมายหรอก หากยืนอยู่พร้อมกันและจะต้องเลือก ผมจะเลือกรับ เด็ก สตรี และคนชราก่อนผู้โดยสารปกติ ดูเหมือนว่าแท็กซี่คนนี้จะผ่านการเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองหลักสูตรเก่าในอดีตมาเป็นอย่างดี และมีจุดยืนอันเข้มแข็งเป็นของตนเอง ผมมักชอบหาความรู้รอบตัวจากของจริง ซึ่งกูเกิ้ลหรือเสิร์ชเอ็นจิ้นตัวไหนในโลกก็ให้ไม่ได้ ความรู้จริงควรต้องเกิดขึ้นจริงและเจอด้วยตัวเองจริงถึงจะจำได้จริงและเอาไปใช้ได้จริง วันนี้ผมขอจดจำกลเม็ดและแนวทางดำเนินชีวิตของแท็กซี่อัจฉริยะอย่างทองพูน หากจะเรียกว่าวันนี้เป็นการเปิดเผยเคล็ดลับวิชาชีพของทองพูนก็คงไม่ผิดนัก แล้วผมก็ยิงคำถามไปอีกชุด

ทำไมถึงยอมไปแยกราชประสงค์ทั้งๆที่รถติดมากกว่าแถบอื่น? ทองพูนขยับยิ้มแบบผู้ตื่นผู้รู้ เป็นรอยยิ้มของคนที่ผ่านขวากหนามและร้อนหนาวอากาศเป็นพิษมาอย่างยาวนาน ทองพูนบอกว่าที่ไหนรถติดที่นั่นมีผู้โดยสาร ที่ไหนรถไม่ติดขับให้ตายก็ไม่ได้ผู้โดยสาร ตรงไหนยิ่งติดผมยิ่งขับเข้า เข้าไปก็ได้ผู้โดยสาร ออกมาก็ได้ผู้โดยสาร ยิ่งที่ไหนมีที่ว่างให้จอดรถนอนรอ ยิ่งไม่มีผู้โดยสารจะมาขึ้นรถเรา ผมขับมานานผมรู้ โตโยต้าคันนี้ผมซื้อสดออกป้ายแดง หักค่าแก๊สแล้วได้เต็ม ลูกผมเรียนมหาลัยสองคนใกล้จบ ผมมีทาวน์เฮาส์ของตัวเอง นั่นคือข้อพิสูจน์ว่าทฤษฎีผมถูก ผมบันทึกข้อมูลของทองพูนเข้าในสมองขี้เลื่อยของตัวเอง มันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ผมเพิ่งมีโอกาสรู้ และรู้แล้วก็อยากตีแผ่ให้คนอื่นรู้ต่อ

เก่งนักเรอะทองพูน ถามได้ตอบได้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแท็กซี่ ผมนึกคำถามทีเด็ดที่คิดว่าทองพูนหรือแม้แต่ใครในกรุงเทพมหานครก็ตอบไม่ได้ รถเริ่มเคลื่อนตัวตามกันได้เอื่อยๆ อาทิตย์อัศดงแต่ฟ้ายังคงมืดไม่ได้ที่ ผมบอกทองพูนว่าขอถามเป็นคำถามสุดท้ายและคำถามนี้เป็นคำถามที่ยาก คาดว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าจะตอบได้หรอกนะ ทองพูนยิ้มอย่างคนมีภูมิรู้แล้วตอบกลับว่า ถามเหอะ อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับอาชีพขับรถแท็กซี่ผมสามารถหยั่งรู้และตอบได้ทุกคำถาม ผมนึกในใจว่ามันจะมากไปแล้ว ตนเองมีคุณธรรม มีวิสัยทัศน์ในอาชีพก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรู้ไปหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ใครก็ไม่เข้าใจและยังหาคำตอบไม่ได้ตราบทุกวันนี้

ผมยิงคำถามสุดท้ายแบบไม่รั้งรอ กะปล่อยทีเด็ดให้เป็นหมัดน็อค ทองพูนฟังดีๆนะ ทำไมผู้โดยสารเรียกแท็กซี่แล้วบอกกับคนขับว่าขอให้ไปส่งสี่แยกใหญ่ข้างหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ทางเป็นทางตรงตลอดไม่มีแยกให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือกลับหลังหัน และเป็นทางที่รถทุกคันยังไงก็ต้องขับผ่านไป เหตุใดแท็กซี่ถึงปฏิเสธไม่ให้ขึ้น และมักเกิดอุปทานหมู่ปฏิเสธพร้อมกันทุกคัน? ผมหัวเราะคำรามในคอแบบคนได้เปรียบ ไม่มีทางหรอกที่ทองพูนจะตอบคำถามนี้ได้ มันเป็นคำถามคลาสสิคที่ตอบยากระดับชาติ นักวิชาการปริญญาเอกโทตรีก็อาจจะตอบไม่ได้กับคำถามนี้ ทองพูนบีบแตรเบาๆสองครั้งเตือนรถคันขวาที่พยายามวิ่งเข้ามาเบียดเลนนิดนึงก่อนจะหันมาตอบคำถามผมด้วยสีหน้าและอากัปกริยาเฉยๆ

ผมยอมรับว่านี่เป็นอีกครั้งในชีวิตที่รู้สึกอึดอัด การที่คนเรามั่นใจอะไรซักอย่างมากๆ แต่ความมั่นใจกลับโดนทลายในพริบตาโดยความไม่ยี่หระของคู่สนทนา ทองพูนยิ้มและตอบคำถามผมง่ายดายกว่าการปอกกล้วยน้ำว้าเข้าปากลิง คำตอบคือ..การที่แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารในลักษณะนี้เป็นการบ่งบอกว่าเค้าต้องการนั่งคนเดียว ขับคนเดียว และอยู่คนเดียวโดยลำพัง.. ผมกลืนน้ำลายหนืดคอ ลมหายใจร้อนผ่าว ผมร้องเฮ้ย เป็นไปได้ไง ขับรถแท๊กซี่แต่อยากนั่งคนเดียวไม่อยากรับใคร คนเราประกอบอาชีพรถสาธารณะรับจ้างรับส่งคน แต่ไม่อยากให้มีคนนั่ง มันสวนทางกับการประกอบธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ผมซอยยิกถามทองพูนต่อ..แล้วเขาเหล่านั้นออกมาทำไมบนท้องถนน?

ทองพูนตอบเหมือนไอ้ตัวสติ๊กเกอร์การ์ตูนไลน์ที่มันชอบตอบกวนๆในไทม์ไลน์ของทุกคนว่า "ก็ไม่รู้สินะ" ตอนนี้รถมุ่งหน้าถึงแยกเพลินจิต ทองพูนรีบสรุปความและบอกผมว่า คุณอย่าสนใจเลย มันเป็นเรื่องของอารมณ์ศิลปิน ศิลปินย่อมทำสิ่งที่ไม่อาจคาดฝันและคาดเดาได้ แท็กซี่บนท้องถนนก็เช่นกัน ผมผ่อนคลายกับคำตอบที่ได้รับจากทองพูน มันเป็นคำตอบที่ดูดีและไม่สามารถค้นหาได้จากกูเกิ้ลหรือบิง รถถึงหน้าห้างอัมรินทร์แล้ว ผมเหลือบมองมิเตอร์ของทองพูน ตัวเลขสีแดงแจ้งโชว์ด้วยยอดเงิน 93 บาท ผมควักระเป๋าและยื่นธนบัตรใบละ 100 บาทแล้วบอกกับทองพูนเหมือนกับแท็กซี่ทุกคันที่ผมเคยนั่งว่า..ไม่ต้องทอน ทองพูนส่ายศีรษะราวกับพัดลมฮิตาชิว่าไม่ได้ ผมต้องทอนเงินให้คุณ 10 บาท เป็นการคืนกำไรกับผู้โดยสารแบบยุติธรรมทั้งสองฝ่าย

ผมสำทับว่าไม่ต้อง ส่วนที่เกินเป็นค่าทิปสากลของคนไทย แต่ทองพูนไม่ยอมรับและบอกผมด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมว่าพี่ ถ้าไม่ให้ผมทอนเงินพี่ 10 บาท พี่จะต้องขึ้นรถและไปกับผมเดี๋ยวนี้ ผมจะพาพี่กลับไปจุดที่ผมรับพี่ขึ้นมา เพราะพี่กำลังทำในสิ่งที่ขัดกับอุดมการณ์ของผมอย่างรุนแรง ผมเย็นวาบเพราะกว่ารถจะลัดเลาะและคลานมาถึงแยกราชประสงค์ มันทำเอาผมต้องอั้นเยี่ยวไปจนเต็มกระเพาะ ผมพยักหน้าและแบมือรับเงินทอน 10 บาทจากทองพูนโดยดุษฎี พร้อมกับเอื้อมมือเปิดประตูโตโยต้าเขียวเหลืองคันใหม่ของทองพูน ผมยิ้มหวานให้ทองพูน และค่อยๆงับประตูรถกลับคืนให้ ก่อนที่ผมจะปิดประตูผมส่งเสียงร่ำลากับทองพูน...


มึงมันมโน แต่มึงก็น่ารักว่ะ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

midinta

23/10/2014 06:39:00
0
แฮ่ๆ สนุกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

tangkoo

23/10/2014 08:41:58
3
ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้นจริงๆ นับถือ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

yowza

23/10/2014 08:45:15
9
หายากคับ. แท็กซี่ดีๆ

ว่าแต่ใบขับขี่แท็กซี่หาที่ไหนอ่ะครับ อยากได้มากๆ

มีแล้วจะได้ขับ เชี่ยๆแบบพี่เค้าบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

FELT

23/10/2014 10:16:08
6
เฮียเจอ 1 ใน 100 ครับ 55555 โชคดีจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Beat Takeshi

23/10/2014 10:24:59
39
สนุกดีครับ เปิดดูเล่น ๆ ว่าจะลงไปขี้ ปรากฎว่าอั้นขี้อ่านเพราะอยากรู้ตอนจบซะงั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Pique

23/10/2014 11:08:37
0
อ่านเพลินเลย สนุกดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Ishimaru-WITTY

23/10/2014 11:14:05
1
เขียนดี แท็กซี่มีอดุมการณ์ อ่านแล้วได้ข้อคิด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

jamejaa

23/10/2014 11:38:36
เขียนอีกเฮียๆ สนุกมาครับ เหมือนอ่านเพชรพระอุมา

เขียนเยอะๆ เเล้วก็รวมเล่มขาย "พระกาฬเรื่องสั้น"

5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Mockey

23/10/2014 12:46:15
0
อ่านสนุกมากครับ ชอบสำนวนแบบนี้ อ่านแล้วได้อรรถรสไม่น่าเบื่อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

นายมั่นคง

23/10/2014 14:20:30
4,282
555 ผมพยายามทดลองเขียนเรื่องสั้นอยู่น่ะครับ ผิดพลาดประการใดติชมกันได้เลยนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

lek_chiangrai

23/10/2014 15:54:29
0
สุดยอดครับน่าน้บถือน้ำใจในอุดมการณ์ของพี่ทองพูน จริงๆครับ สมัยนี้จะมีแท็กซี่สักกี่ราย ที่กวักมือเรียกผู้โดยสารว่าขึ้นมาเลย โดยไม่ถามว่าไปไหนเพ่


เสียดายตรงถ้าหักมุมตอนจบเป็น เฮียก้าวลงไป แต่เอวังกลับกลายเป็นว่าเฮียอยู่ที่เดิมตอนขึ้นรถเนี่ย เฮียต้องโทรไปเล่าในรายการเดอะช็อค นะครับ 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

tangkoo

23/10/2014 16:13:04
3
โอ้ พล็อตนี่น่าสนใจครับ เฮียอาจได้ออก คนอวดผี อีกรายการ555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

lek_chiangrai

23/10/2014 16:40:38
0
ใช่ๆๆครับ พี่tangkoo ไหนๆไปรายการ SME ตีแตก ก็ออก รายการนมอวดผี เอ้ย คนอวดผี ต่อด้วยเลย 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

lek_chiangrai

23/10/2014 16:40:48
0
ใช่ๆๆครับ พี่tangkoo ไหนๆไปรายการ SME ตีแตก ก็ออก รายการนมอวดผี เอ้ย คนอวดผี ต่อด้วยเลย 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

BoyBrinks

23/10/2014 17:32:11
8
สำนวนน่าอ่านมากๆเฮีย ผมอ่านแบบกลับไปทวนบางประโยคเลยอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

นายมั่นคง

23/10/2014 20:29:23
4,282
ผมพยายามจะเขียนมาให้อ่านกันทั้งๆที่ผมก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ เรียกว่าใจรักล่ะครับ 555 เรื่องนี้เขียนเมื่อคืนเพราะได้แง่มุมจริงๆจากแท๊กซี่ท่านหนึ่งพอดี เราสนทนากันและได้มุมมองแปลกๆจริงๆครับ เค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องจริงว่่างั้น และเรื่องนี้ทิ้งช่วงห่างจากเรื่องกล้วยแขกมหานครถึง 4 ปี ผมยังตกใจว่าผมมัวทำอะไรอยู่ โดยไม่ได้เขียนเรื่องสั้นนานถึงขนาดนั้น 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

RockDragon

23/10/2014 20:43:45
2,893
ขอมอบเพลงนี้เป็นรางวัลนักเขียนเรื่องสั้นให้เฮียครับ 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

jetli

23/10/2014 21:02:39
2
เฮียเขียนได้มันส์ ดีครับ อารมณ์ขัน อารมณ์ ติส สมดุลดีครับ ชอบชอบครับ
ผมว่าเดี๋ยวเฮียรวมเรื่องสั้นเป็นเล่มดีก่าครับ ขอบคุณมากครับ ผมก็อยากเขียนแต่ยังนึกมุขไม่ออกเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

jamejaa

24/10/2014 08:21:57
2
ผมชอบตรงเอาสำนวนแบบไทยๆ มาผสมกับความร่วมสมัยของสังคมปัจจุบันได้อย่างลงตัว
หาได้ยากที่นักเขียนสมัยนี้จะมีคารม สำนวนการเขียนแบบนี้ ชื่นชมครับๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"เรื่องสั้น : แท็กซี่ที่รัก"