Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

output impedance กับสายเพิ่มohm

fairyland01

19/04/2014 23:31:58
0
สวัสดีครับ คือผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่อง output impedance ของ player หรือ amp ต่างๆ
ที่อ่านๆมาพอสรุปความได้ว่า output impedanceต่ำ เหมาะสำหรับขับหูฟัง ohm ต่ำ / สูง เหมาะกับขับหูฟัง ohmสูง
มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความเพียนขึ้น ใช่ไหมครับ เช่นพวก เบสหายไรงี้ (มั้งผมอ่านมา)
ทีนี้ผมก็เลยไปอ่านเจอเกี่ยวกับ สายเพิ่ม ohm ผมเลยเกิดสนใจขึ้นมาครับ เพราะค่า output impedance ของแอมป์ Sony pha-1 นั้นก็ตั้ง 10ohm ผมก็เลยอยากทราบว่าผมจะหาซือสายเพิ่มohmได้ที่ไหนมั่งครับ ทีมันจะไม่ลดทอนคุณภาพของsystemปัจจุบัน ใครรบกวนชี้เป้า+ราคาจะขอบคุณมากครับ

อ้างอิง : http://nwavguy.blogspot.com/2011/02/headphone-amp-impedance.html
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Hsung

20/04/2014 00:19:46
346
ฟังหูไว้หูบ้างนะครับ ต้องเข้าใจก่อนว่าค่า impedance ที่บอกกัน มันวัดที่ค่าความถี่ค่าหนึ่ง

หูฟังทุกตัวในโลก ค่า impedance ไม่มีค่าอยู่ค่าเดียวหรอกครับ ความถี่หนึ่งมันก้มีค่าหนึ่งครับ

ที่นี้ถ้าเคยเรียนมาจะรู้ว่า การส่งผ่านพลังงานนั้น จะมีค่าสูงสุดเมื่อค่า impedance ของตัวส่ง กับตัวรับ เท่ากันครับ

ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า หากค่า impedance ตัวส่ง กับตัวรับ ต่างกันมาก เสียงจึงออกมาได้ไม่สุด

ที่ผ่านมาการปรับค่า impedance โดยทั่วไปจะใช้กับตัวส่ง ที่เป็นพวกเครื่องเสียงบ้านที่มีลักษณะไฟ DC ออกมา

โดยจะมีหม้อแปลงที่เค้าเรียกว่าตัว matching transformer ครับ จะมีหน่วยเป็นแรงดันไฟฟ้า

นอกเรื่องไปไกลแล้วการซื้อสายเพิ่มโอห์ม เพื่อให้ matching ในความเห็นผม ผมคิดว่า

ถ้าไม่ห่างกันมาก และอยู่ใน range ที่ แอมป์ขับไหว ต่อเข้าไปก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร้

เพราะพลังงานส่วนหนึ่งก็ตกอยู่ที่ สายเพิ่มohm

ปล. output impedance ของแอมป์ Sony pha-1 ถ้าดูตามสเปค รองรับตั้งแต่หูฟัง 8-600 โอห์มครับ

http://www.sony.co.th/product/pha-1

ผมว่าน่าจะใช้กับหูฟังส่วนใหญ่ได้ทั้งหมดนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

fairyland01

20/04/2014 00:46:20
0
ขอบคุณนะครับ สำหรับคำว่า "ฟังหูไว้หู" เตือนสติผมได้พอสมควรครับ(555+)
คือจะว่าไปที่ผมอ่านผ่านมามันก็เป็น 'Opinion' ทั้งนั้น
ทั้งที่ว่ามันมี output impedance ราว10ohm (ซึ่งไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน)
เพราะผมอ่านมาจากความเห็นคนนึง "TPA6120 on the output stage means it will have at least 10ohm of output impedance"
ส่วนค่าจริงๆนั้นผมค้นไม่เจอเลยครับ จะทราบก็แต่ Supported Headphones Impedance Range 8Ω - 600Ω นี่ล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Hsung

20/04/2014 01:01:46
346
ตัวเลขที่บอกๆมา อย่าไปจริงจังมากนักครับ เป็นแค่ guide เท่านั้น ลองฟังด้วยตัวเองจะดีกว่า

ที่บอกกันว่าขับไหว ขับได้ จริงๆ ก็คือมีเสียงออกมาครับ แต่คุณภาพเสียงที่ออกมา มันวัดเป็นตัวเลขไม่ได้

ถ้าวัดได้ นักวิเคราะห์ วิจารณ์ ตกงานกันหมดแล้ว อีกอย่าหูฟังบางตัวมันเลือกคู่นะครับ

ไม่เจ่ง ไม่แรง ไม่พูดออกมาให้ได้ยิน หรือบางทีก็พูดออกมาไม่เต็มเสียง 555555

ปล. จริงๆ แล้ว พวกบทความต่างๆ ถ้าเรามีความรู้ลึกๆ แล้ว บอกได้เลยว่าบางทีฝรั่งมันก็หลอก

คือไม่ใช่ว่าไม่จริง แต่ชอบไปเล่นประเด็นอะไรที่เป้นไปได้ยาก ซึ่งบางทีผู้ผลิต คนขายเค้าก็ออกแบบแก้ไปแล้ว

อ่านศึกษาได้ครับ แต่ควรมี reference จากหลายๆ แหล่งด้วย คือถ้าออกมาในทางเดียวกันก็น่าเชื่อ

แต่ถ้าออกมาจากแหล่งเดียว ผมถือว่าเป็น bias จากผู้เขียนคนนั้น เท่านั้นครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

DukeMSN

20/04/2014 01:04:16
0
ถ้าเข้าใจไม่ผิดสายเพิ่ม Ohm ใส่เข้าไปยิ่งไปเพิ่มค่าความต้านทานมากหนักขึ้นไปอีกครับ น่าจะให้ผลตรงข้ามกับที่คิดไว้นะครับ (อันนี้เข้าใจเองไม่รู้ผิดหรือเปล่า เพราะไม่งั้น AK100 รุ่นแรกคงไม่ต้องไป Mod เอา R ออกให้วุ่นวาย ถ้ามันจะแก้ได้ง่ายแค่เอาสายเพิ่มโอมห์มาใส่ ผมเลยคิดว่ายิ่งใส่สายเพิ่ม Ohm ค่าความต้านทานขาออกยิ่งสูงหนักขึ้นไปอีกนะคับ)

สายเพิ่้ม Ohm นี่ผมเล่นครั้งแรกเลยสิปห้าปีก่อนตอนเล่นหูฟัง IEM ใหม่ๆ Etymotic เค้าทำเป็น Option มาไว้ทำให้หูรุ่น ER4P (รุ่นลดความต้านทานให้เหมาะกับเครื่อง Portable) กลายเป็น ER4S (รุ่นมาตรฐานที่ไว้ใช้ผ่านแอมป์) การตอบสนองเสียงเปลี่ยนไปจริงครับ คือ Driver ที่เป็น BA ส่วนใหญ่มันตอบสนองความถี่แต่ละช่วงมีผลกับความต้านทานค่อนข้างมาก เห็นความแตกต่างชัดกว่าพวก Driver Dynamic แต่ใส่ความต้านทานเพิ่มหรือลดเข้าไปต้องลองดูอีกทีว่ามันจะเข้ากัน บางทีใส่ไปก็แย่กว่าเดิมครับ

ผมว่าไม่ต้องซีเรียสกับทฤษฏีมากครับ ถ้ามันไม่ได้ผิดไปมากแบบคนละเรื่องขนาดที่จะมีผลมากจริงๆ ก็ลองฟังเอาดีกว่าครับว่าอุปกรณ์ชุดนี้ใช้แล้วแนวเสียงชอบหรือไม่ เข้ากันกับอุปกรณ์อื่นหรือไม่ ผมว่าแนวเสียงของอุปกรณ์ ความเข้ากันเหมาะสมกันของอุปกรณ์ น่าจะมีผลมากกว่าค่าตัวเลขพวกนี้ ถ้าเสียบฟังแล้วมันเพราะดีปกติ ไม่ได้รู้สึกว่ามีเสียงช่วงไหนผิดเพี๊ยนไปขนาดฟังออกก็ไม่ต้องซีเรียสมั๊งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

RBJ

20/04/2014 01:15:34
ไม่เคยได้ยิน มันไม่ได้เกี่ยวกัน สายสัญญาณ,สายลำโพงที่ดีในอุดมคติมันไม่ควรมีความต้านทาน ยกตัวอย่างง่ายๆ สายลำโพงไฮเอด์ไม่เคยมียี่ห้อไหนตัดเกินข้างละ3เมตรเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

onejang

20/04/2014 11:35:31
ลอง diy เองเลยครับ ง่ายๆ ไม่ยาก
แจ๊คตัวผู้ , แจ๊คตัวเมีย , R dale ก็น่าจะดี สองตัว ค่าก็แล้วแต่ครับ แนะนำไม่ต้องสูง
หรือถ้าเอาไปใช้กับหูไวไว แต่แอมป์แรงๆ บิดนิดเดียวดัง ก็ให้ใช้ค่ามากๆหน่อย 60-100 กว่า แล้วแต่เลยครับ สายเส้นนึงไว้ต่อกราวด์ ต้นทุนนิดเดียวครับร้อยเศษๆ
ลองดูครับ ดีกว่าพวกสำเร็จที่มากับหูฟัง เช่น ue แน่นอนครับ

หรือถ้าไม่อยากทำเอง คุณภาพพอใช้ ก็เห็นของ ue หล่ะครับ ที่มีมาก แต่ไม่รู้ว่ากี่โอห์มนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Nuy_musiclover

20/04/2014 12:42:53
96
ลองสอบถามที่ร้านย่านอโศกดูครับ เห็นมีขายอยู่นะ แต่ผมถามเมื่อนานมาแล้วเขาเอามาไว้ใช้กับ ak100 (22 ohm) เวลาต่อกับ หูฟังประเภท BA ตอนนั้นผมกะว่าจะเอามาใช้กับ sony pha-1 นี่แหละ แต่สุดท้ายปล่อย pha-1 ไปแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

fairyland01

20/04/2014 13:43:46
0
-.- เริ่มมีประเด็นแยกออกมาละผมเริ่มอยากทราบว่าสรุปมันเกี่ยวกันไหมครับ ใจนึงอยากลองมากๆแต่เห็นราคาก็เริ่มถอยครับ (Etymotic ER38-24) สำหรับผมมันค่อนข้างแพงกับคำว่าลอง เพราะถ้ามันใส่เพิ่มแล้วไม่ดีขึ้นนี่หาเรือไม่เจอกันเลยทีเดียว

ใครพอมีประสบการณ์ในการต่อสายพวกนี้ช่วยชี้แนะหน่อยครับ อย่างเอามาต่อกับ ak100 เหมือนที่เรปบนว่า เพราะค่าoutput impedance ค่อนข้างสูงไปอีก

ขอบคุณคุณonejangครับ แต่ผมยังด้อยปัญญา คงdiy เองไม่ไหว :(
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

starman

20/04/2014 14:47:46
สังเกตุกันไหมว่า แอมป์ ยกตัวอย่างแอมป์หูฟัง

มันจะบอกสเปคมาว่า ใช้ขับหูฟังได้ตั้งแต่กี่โอห์มถึงกี่โอห์ม เช่น 8 โอห์ม - 600 โอห์ม

8 โอห์ม - 600 โอห์ม นี้ เรียกว่า อิมพีแดนซ์ (Impedance)หรือว่าค่าความต้านทาน

ของหูฟังนั่นเอง หูฟัง 1 ตัว จะออกแบบมา ก็จะมีค่าความต้านทาน 1ค่า เช่น HD 650

ความต้านทาน 300โอห์ม เป็นต้น ทีนี้ทางฝั่งแอมป์ ที่บอกสเปคว่าใช้ขับหูฟังได้ตั้งแต่กี่

โอห์มถึงกี่โอห์ม เช่น 8 โอห์ม - 600 โอห์ม ก็สันนิษฐานได้ว่า แอมป์ตัวนี้ ขับหูฟังตัวนี้

ได้โดยหลักการ แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกตัว ก็ขึ้นอยู่กับ power หรือ กำลังขับ ทางด้านขา

ออก หรือ Power output ของแอมป์ตัวนั้น ว่า ที่ 8โอห์ม มีกำลังขับออกมาเท่าไหร่

ที่ 600โอห์ม มีกำลังขับออกมาเท่าไหร่ โดยปกติ ถ้าโอห์มต่ำๆ จะมีกำลังขับออกมา

มากกว่าโอห์มสูงๆ ตามหลักการทางไฟฟ้า ความต้านทานต่ำ กระแสไหลได้มาก ก็จะได้

กำลังมาก และ หูฟังตัวนั้น ว่าต้องการ กำลังขับเท่า

ไหร่ เพราะขึ้นกับการออกแบบหูฟังของแต่ละค่าย เข้าหลักการมากไป เข้าใจยาก

เอาง่ายๆ อย่างหูฟังที่ว่าขับยาก อย่าง

HE6 มี Impedance: 50 Ohm จะเห็นว่าแค่ 50โอห์ม น่าจะใช้กับแอมป์ได้ทุกตัว

แต่การออกแบบ ต้องการกำลัง ขับถึง 5W.(5วัตต์) ต่อ ข้าง นั่นคือ ดูง่ายๆว่า แอมป์

ของคุณต้องสามารถ ให้กำลังขับ ได้ 5W. ที่ความต้านทาน 50โอห์ม ถึงจะขับ HE6

ได้เต็มที่ แต่หูฟังหลายยี่ห้อ ไม่บอกสเปคมาว่า หูของตัวเอง ต้องการกี่วัตต์ แต่หลายยี่ห้อ

ก็บอกมา

สรุปก็คือ โดยหลักการความต้านทาน ไม่จำเป็นต้องชดเชยอิมพีแดนซ์ด้วยสาย แค่หาดูสเปค

ของแอมป์ของท่านว่าที่หูฟังตัวนั้น ค่าอิมพีแดนซ์หูฟังเท่านั้น แอมป์ให้กำลังขับได้เท่าไหร่

เพียงพอที่หูฟังต้องการหรือไม่

งงมั๊ยครับ แหะๆ

ป.ลิง ผมทิ้งความรู้ตรงนี้ มานาน20ปีแล้ว ถ้ามีผิดพลาดทักท้วงได้ครับ และต้องขออภัย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

starman

20/04/2014 14:54:09
3
เพิ่มเติมอีกนิด

ด้วยความที่หูฟังหลายค่าย ไม่บอกมาว่าหูต้องการวัตต์เท่าไหร่

จะลับไปไหนไม่ทราบ ผมเคยติดต่อ ฝ่ายเทคนิคของ Sennheiser จะถามว่า

HD650 ต้องการแอมป์กี่วัตต์ที่ 300โอห์ม ผลคือเค้าก็ไม่ทราบ

นั่นเป็นเหตุผลให้ต้องลองฟังว่าแอมป์ขับออกหมดหรือเปล่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

fairyland01

20/04/2014 20:21:23
0
ขอบคุณคุณstarman มากครับ
จริงๆแหละครับ ข้อมูลสเปคบางอย่างนี่หายากจริงไรจริงครับ

ตอนนี้ผมยังอยากทราบว่ามีใครเคยเอาสายเพิ่มohmต่อกันak100มั่งครับ
อยากทราบความแตกต่างเมื่อต่อพ่วงกันหูความต้านทานต่ำๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

DukeMSN

20/04/2014 23:03:17
ผมเคยเล่นอย่างที่บอกไปครับ ตอนที่เล่นก็กับ AK100 Mark I นี่แหละครับ (ตอนหลังเปลี่ยนมาใช้ AK120 -> AK240 ก็ไม่ได้เล่นอีก) แต่ตอนที่ผมเล่นไม่ใช่ใส่ไปแก้ปัญหาการใช้ AK100 กับ IEM ความต้านทานต่ำครับ (เพราะใส่สายนี่เข้าไปจริงๆมันทำให้ยิ่งแย่หนักนะผมว่า เพราะเป็นการทำตรงกันข้ามกับการเอาตัวต้านทานในเครื่องออก อย่าไปมองว่าสายเพิ่ม ohm เสียบอยู่กับสายหูฟังแล้วคิดว่าเป็นการเพิ่ม ohm ฝั่งหูฟังครับ จริงๆหลักการมันก็คือเหมือนเอาตัวต้านทานไปคั่นขาออกจากแอมป์ไปที่หูฟัง เหมือนกับที่เค้าใส่มาในเครื่องครับ ดังนั้นใส่สายนี่เข้าไปก็ยิ่งไปเพิ่มความต้านทานขาออกมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก) ถ้าเข้าใจผิดอะไรก็ขออภัยครับ

ใส่ตัวต้านทานขาออกเข้าไปมีประโยชน์ 2-3 อย่าง บางกรณีแอมป์มันแรงมาก ทำมาเผื่อขับหู Full Size พอใช้กับ IEM มันแรงไป บางเครื่องก็มีตัวเลือก Low Gain ที่ใส่ตัวต้านทานเข้าไปให้มันแรงน้อยลง .. อีกกรณีคือแอมป์บางตัวอาจจะมี hiss เล็กๆ ใส่ตัวต้านทานไปก็ช่วยลดปัญหานี้เวลาใช้กับหูที่ไวมากๆ หรือบางกรณีก็ไว้ลดปัญหาไฟกระชากที่อาจทำให้เครื่องเสียหาย เช่นดึงสายออกทันทีขณะเล่นเพลงอยู่อาจจะมีไฟช็อตเล็กๆตอนขั้วรูดผ่านออกไปมีตัวต้านทานก็ช่วยได้นิดหน่อย กับสุดท้ายหูบางประเภทมันไวกับความต้านทานที่ใส่เข้าไปเสียงบางช่วงก็เลยเปลี่ยนไปบ้าง

แต่อยากบอกว่าถ้ามีสายที่ว่าอยู่แล้วจะใส่เล่นก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าต้องไปซื้อไปหามาผมว่าถ้าชุดที่ใช้อยู่ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร หรือแอมป์ไม่ได้แรงเกินไปขนาดหรี่แล้วก็ดังไปหมุนนิดเดียวหูจะแตก ก็ไม่ต้องสนใจพวกเรื่องตัวเลขนี่หรอกครับ เพราะโอกาสที่ซื้อสายมาใส่แล้วเสียงจะดีขึ้น มีน้อยมาก และแนวโน้มน่าจะทำให้แย่ลงไปด้วยซึ่งมีสาเหตุได้หลายกรณีเช่น คุณภาพสายที่ใช้ต่ำกว่าสายของหูเดิมเสียงก็ดรอปลงไปอีก ตัวต้านทานถ้าเลือกของ Vishy Dale ก็ใช้ได้แต่ถ้าปราณีตมากๆก็ต้องวัดค่า Matching Pair ให้สองข้างเท่ากันเป๊ะอีก แถมถ้าเจอคนทำเอาของถูกๆมาใช้คุณภาพก็มีโอกาศดรอปลงอีก และสุดท้ายหูฟังแต่ละตัวมันให้ผลไม่เหมือนกัน

AK100 + ER4P(ใส่สาย 75Ohm ให้กลายเป็น ER4S) ผลที่ได้ ขับยากขึ้นมาก ต้องเร่งเสียงขึ้นไปเกือบ +10 จึงดังเท่าเดิม AK100 พอขับไหวแต่ก็สุดกำลัง(ไม่ใช่ความดังนะครับ ผมหมายถึงคุณภาพของเสียง) เสียงที่ได้นิ่งขึ้น มิติดีขึ้น การแยกชิ้นดนดรีดีขึ้น เบสลงได้ลึกขึ้นกว่าเดิม ปลายแหลมจัดๆหายไป โดยรวมดีขึ้น แต่กินกำลังเครื่องเกือบขับไม่ไหว

AK100 + FitEar TG334 (ใส่สาย 75Ohm เส้นเดิม) ผลที่ได้ ขับยากขึ้นแต่เร่งขึ้นไปประมาณ +10 ก็ยังได้เสียงดังฟังได้ใกล้เคียงเดิม แต่ผลที่ได้ เน่า เสียงแบนแต๋มิติหายไปหมด สรุปชุดนี้ใช้กันไม่รุ่ง

ผมไม่ได้เรียนไฟฟ้ามาครับ เล่นเองเฉยๆ ถ้าเข้าใจอะไรผิดก็ขออภัยล่วงหน้าครับ ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

fairyland01

21/04/2014 00:14:57
0
ขอบคุณคุณDukeMSNมากๆครับ จนถึงตอนนี้ผมเหมือนจะหมดข้อกังขาแล้วล่ะครับ

ปล่อยตกเลยครับ ขอบคุณทุกท่านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

Hsung

21/04/2014 08:08:09
346
ผมขออ้างปรากฏการณ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงนะครับ น่าจะประยุกต์ใช้ได้

เวลาที่กระแสไฟฟ้ามันไหลจากระบบ impedance หนึ่งไปอีก impedance หนึ่ง

กรณีที่ระบบที่ไปมี impedance เท่ากัน มันก็ไหลต่อเนื่องไปสม่ำเสมอ

กรณีที่ระบบที่ไปมี impedance สูงกว่า สัญญาณจะถูกขยาย (เสียงแหลมจะสูงขึ้น)

กรณีที่ระบบที่ไปมี impedance ต่ำกว่า สัญญาณจะถูกลดทอน (เสียงแหลมจะลดลง)

ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ curve เสียงที่วัดจะมีความเพี้ยน และสังเกตได้ว่าส่วนใหญ่จะเพียนที่ความถี่สูง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

Hsung

21/04/2014 08:13:15
346
ลืมบอกไป ความถี่ที่เกิดปรากฏการณ์อย่างนี้ จะอยู่ที่ความถี่ที่สูงตั้งแต่ หลาย kHz เป็นต้นไปครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

pockethifi

21/04/2014 10:57:38
161
เวลาแอมป์เจออิมพีแดนซ์สูงมันจะจ่ายกระแสได้น้อยลง
แต่ถ้าเจออิมพีแดนซ์ต่ำ มันจะพยายามจ่ายกระแสเยอะขึ้น
และถ้าเจออิมพีแดนซ์ต่ำมากอาจจะจ่ายกระแสเยอะจนมันจ่ายไม่ไหว
และทำให้เกิดเป็นสัญญาณที่คลิปหรือเพี้ยน
หูฟังที่โอห์มต่ำมากๆ ถ้าจะเอามาใช้กับแอมป์ทั่วไปที่ไม่ได้เน้นให้จ่ายกระแสได้เยอะ
มักจะเจอปัญหานี้ ก็เลยมีความพยายามใช้สายเพิ่มโอห์ม
เพื่อทำให้แอมป์ไม่เพี้ยน เพราะไม่ต้องทำงานหนัก
ผลก็คือ แอมป์ไม่เพี้ยนเลย เพราะว่าไม่ต้องจ่ายกระแสเยอะ
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ หูฟังได้รับพลังงานน้อยลง เพราะโดนสายเพิ่มโอห์มแย่งพลังงานไป
มีผลทำให้กำลังขับที่หูฟังได้รับน้อยลง มันก็พอจะส่งเสียงได้
แต่ระดับความดังอาจจะยังไม่เต็มที่ คือมีแรงขยับไม่พอที่จะสวิงอย่างที่ควรจะเป็น

การเพิ่มอิมพีแดนซ์เข้าไปในฝั่งของแอมป์
มีเจตนาเพื่อทำให้มันไม่เพี้ยนครับ เพราะไฟเลี้ยงและลักษณะวงจรจะออกแบบไว้ไม่ได้เผื่อเยอะ
คนที่เอา ak100 ไป bypass ตัวต้านทาน 22โอห์ม และหากเอาไปใช้กับหูโอห์มสูง
ก็ไม่ได้มีผลทางไฟฟ้า แต่มีผลทางจิตใจว่าเสียงเปลี่ยน เหมือนเปลี่ยนสาย เปลี่ยนฟิวส์
บางคนรับรู้ บางคนฟังไม่ออก แต่ถ้าเอาไปใช้กับหูโอห์มต่ำ เปิดไม่ดังมาก ก็จะรู้สึกว่า
เสียงดังกว่าเดิม อาจจะฟังสดกว่าเดิมเพราะผ่านอุปกรณ์น้อยลง
และการเปิดไม่ดังมากก็จะทำให้เครื่องเล่นหรือแอมป์ยังไม่เพี้ยน
แต่ถ้าเปิดดังๆโหดๆ ก็จะมีความเพี้ยนเกิดขึ้น แต่จะฟังออกว่าเพี้ยนหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง

เล่นของพวกนี้ถ้าเล่นคนเดียว ฟังคนเดียว อาจจะไม่ถลำลึก เพราะอุปทานคนเดียว เดี๋ยวก็เบื่อ
แต่ถ้าเล่นกันหลายๆคน มันจะอุปทานหมู่ ยิ่งเล่น ยิ่งฟังออกกันหลายคน ยิ่งพากันถลำลึก
เล่นของพวกนี้เหมือนการปรุงอาหาร มันเป็นความชอบส่วนบุคคล
ใส่อะไรแล้วดีก็ใส่ครับ ไม่ชอบอะไรก็ตักออก ตามใจคนกิน เครื่องเสียงก็แนวเดียวกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

Noppasit2314

21/04/2014 15:12:05
เห็นภาพชัดเลย ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

ปลาย

21/04/2014 16:10:05
0
ผมพึ่งมีประสบการณ์ มาเลย ได้ iem มา ค่าต้านทานสูงปรี๊ดดดด 40กว่า โอม
meizumx3 ผมหมดปัญญาขับเลย ออกมาแต่เสียงร้องเบสแล่ะเสียงสูง หายเลยย
ตอนนี้ กำลังลองหาแอม เพกาซัส วี มาลองดู
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

Nuy_musiclover

21/04/2014 16:10:34
96
output impedance ของ AK100 มันจะมีปัญหาเฉพาะกับ หูฟังประเภท BA เสียงจะเพี้ยนไปจากเดิม (ในเว็บของ AK100 เค้าทำผลการทดสอบแสดงไว้แต่หลังๆโดนเรื่องนี้เยอะเลยลบไปแล้ว) แต่ใช้หูฟังประเภท Dynamic กับไม่มีปัญหา แม้จะโอห์มต่ำๆเหมือนกัน

Ak100 เค้าออกแบบมาให้เหมาะกับ FZ หรือ หูฟังที่โอห์มสูงๆหน่อย ประมาณ 40 โอห์มขึ้นไปจะเหมะกันมากๆ แต่เวลาใช้กับหูฟัง BA ที่มักจะโอห์มต่ำๆจะทำให้เสียงบางย่านเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง แต่จะฟังออกมากน้อยแค่ไหนมันอีกเรื่อง แต่ที่ดูจากกราฟที่เค้าทดสอบ และลองฟังจริงๆ มันก็เปลี่ยนไปบ้างเช่น เสียงเบสหายไป และเสียงแหลมจะฟุ้งๆหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"output impedance กับสายเพิ่มohm"